ไม้แขวนเสื้อ…สัญลักษณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยหมายถึงการเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อสิทธิขั้นพื้นฐาน.รุ้หรือไม่ว่า…ไม้แขวนเสื้อเคยถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ของ "การทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย" เครื่องหมายนี้สะท้อนความเจ็บปวด ความเสี่ยง และความสิ้นหวังของผู้หญิงจำนวนมากทั่วโลกที่ต้องเผชิญ เมื่อพวกเธอถูกบังคับให้เลือกเส้นทางที่ไม่ปลอดภัยเพียงเพราะขาดโอกาสเข้าถึงบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์และถูกกฎหมาย
.
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ชวนร่วมเรียนรู้ รับฟัง และทำความเข้าใจเรื่องนี้ กับ ชนฐิตา ไกรศรีกุล ผู้จัดการมูลนิธิทำทาง องค์กรที่ทำงานผลักดันเรื่องสิทธิในการการยุติการตั้งครรภ์ เพราะการยุติการตั้งครรภ์ไม่ใช่เพียงประเด็นศีลธรรมหรือความเห็นที่แตกต่าง แต่คือเรื่องของ สิทธิในเนื้อตัวร่างกาย ชีวิต และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่ทุกคนควรได้รับการเคารพซึ่งกันและกัน
แม้เวลาจะเดินผ่านไปกี่สิบปี เสียงระเบิดจากฉนวนกาซาก็ยังคงดังก้อง โลกที่เราอยู่ในวันนี้ยังคงเห็นผู้คนล้มตายเพียงเพราะพรมแดนที่ไม่เคยตกลงกันได้ ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของใครคนหนึ่ง แต่คือบาดแผลของมนุษยชาติทั้งหมด ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมากกว่าครึ่งศตวรรษนี้ได้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปแล้วนับไม่ถ้วน
.
ในขณะที่ผู้คนบางส่วนยังมีอาหารกิน มีบ้านให้อาศัย และมีโอกาสพูดถึงอนาคตของตัวเอง ชาวปาเลสไตน์มากกว่า 2.2 ล้านคนในฉนวนกาซากลับถูกปิดล้อมจนแทบไม่มีทางรอด พวกเขาต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารขั้นวิกฤต การช่วยเหลือจากภายนอกเข้าไปไม่ถึง และท่ามกลางสงครามที่ยืดเยื้อ ชีวิตของพวกเขาไม่ได้อยู่ในภาวะ "ใช้ชีวิต" แต่คือการ "ดิ้นรนเพื่อรอดไปวันๆ"
.
Talk อะ Rights Podcast ชวนทุกคนมาคุยกับ ผศ. ดร.อาทิตย์ ทองอินทร์ อาจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของความขัดแย้งนี้ให้ลึกยิ่งขึ้น และตั้งคำถามว่า เราในฐานะประชากรของโลก ควรรับรู้ เรียนรู้ และร่วมเป็นพลังเล็กๆ ที่จะผลักดันสันติภาพให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างไร
ปัญหาสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกก ไม่ได้กระทบแค่ชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านในจังหวัดเชียงราย แต่ลุกลามไกลกว่านั้น…ลุกลามไปถึงผู้คนในจังหวัดใกล้เคียง และลึกลงไปปัญหายังกระทบถึง “สิทธิขั้นพื้นฐาน” ในการอยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย
.
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่แค่ปัญหาท้องถิ่น แต่คือ “มลพิษข้ามพรมแดน” ที่ประเทศในอาเซียนต้องร่วมกันหาทางออก เพราะสิ่งแวดล้อมไม่มีพรมแดน และพิษภัยจากการพัฒนาแบบไร้ความรับผิดชอบ อาจย้อนกลับมาทำลายสุขภาพ ชีวิต และสิทธิของเราทุกคน
ภาษาทางชีววิทยาทำให้ Transgender ต้อง “พิสูจน์ความถูกต้องของร่างกาย” เพื่อเข้าถึงบริการหรือสิทธิ เช่น ต้องแสดงว่า “ยังมีมดลูก” เพื่อรับสิทธิสุขภาพ ซึ่งย้อนแย้งกับหลักการ Self-determinationof Gender Identity ที่เน้นให้คนระบุเพศของตนเองโดยไม่ต้องผ่านแพทย์หรือระบบตรวจสอบ
- Florence Ashley
.แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ขอชวนทุกคนร่วมตั้งคำถามกับความเป็นธรรมที่อาจยังไปไม่ถึงทุกคน และร่วมกันขับเคลื่อนให้คำว่า “สิทธิ” กลายเป็นของทุกคนไม่ใช่แค่บางคนที่สังคมอนุญาตให้มี พร้อมทั้งพาไปทำความเข้าใจ ร่างกฎหมายรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ
.
กฎหมายที่ไม่เพียงรองรับ “ตัวตน” แต่โอบรับ “ศักดิ์ศรี” ของคนข้ามเพศ ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในช่องว่างระหว่างสิ่งที่เขาเป็นกับสิ่งที่รัฐยอมรับ เพราะ “การกำหนดเพศ คือสิทธิมนุษยชน"
การทำงานขององค์กรภาคประชาสังคม หรือ NGOs มีมากกว่าแค่การเป็น "งานจิตอาสา" เพราะบทบาทแท้จริง ไม่ได้อยู่แค่ในภาพของคนดีที่ลงมือช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก แต่คือการเป็น “กระบอกเสียงของผู้คน”
.
เสียงที่กล้าจะพูดในสิ่งที่ถูกกลบ เสียงที่กล้าเอ่ยในสิ่งที่สังคมพยายามหลีกเลี่ยง เสียงที่ดังขึ้นเพื่อแทนผู้คนที่ถูกละเมิดสิทธิ ถูกกดทับ และถูกทำให้เงียบเสียงในสังคม
.
ขณะที่ความไม่เป็นธรรมยังคงแผ่ขยาย เสียงของ NGOs กลับเริ่มถูกลดทอนลง จากสถานการณ์นโยบายการปรับลดงบประมาณสนับสนุนงานด้านสิทธิมนุษยชนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นโยบายซึ่งดูเหมือนจะห่างไกลจากเราหลายคน แต่กลับส่งแรงสั่นสะเทือนมายังประเทศไทย
6 ปีแห่งความเงียบ กับ 2 ปีที่ยังไร้คำตอบ…“ตั้งแต่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ชีวิตของคนอื่นอาจเปลี่ยนไป แต่สำหรับฉัน… ไม่มีวันดีขึ้นเลย ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคนไหนเข้ามาช่วยเหลือ” เสียงจาก…กัญญา ธีรวุฒิ
รัฐจะยังคงเงียบต่อไปหรือไม่? แล้วเราจะปล่อยให้การบังคับสูญหายเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้การรับผิดชอบหรือเปล่า? แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ร่วมกับสำนักข่าวประชาไท ชวนมาร่วมตั้งคำถามและติดตามผลหลังจากที่พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายมีผลบังคับใช้
กลับมาอีกครั้งในปีที่ 23 กับแคมเปญระดับโลก Write For Rights เขียน เปลี่ยน โลก ที่ปีนี้จะชวนทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงด้วยพลังแห่งปลายปากกา แต่งแต้มเป็นความหวัง พร้อมทั้งเขียนจดหมายถึงผู้มีอำนาจที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนและนำมาสู่ความยุติธรรม และสื่อสารไปทั่วโลกว่า เราพร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้กับการใช้อำนาจโดยมิชอบ ไม่ว่าการใช้อำนาจนั้นจะเกิดที่ใดบนโลกก็ตาม
.
ร่วมแคมเปญและเขียนจดหมายได้ที่ : https://bit.ly/3Zn4PqW .
พลังจากปลายปากกา คนธรรมดาเปลี่ยนโลก
รู้หรือไม่เยาวชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็น สิทธิในการตั้งคำถามต่อสังคม หรือแม้แต่สิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมือง สิทธิพื้นฐานเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิมนุษยชนที่ทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียม
แต่ขณะเดียวกัน ก็มีเยาวชนอีกจำนวนไม่น้อยที่กำลังถูกผลักออกให้ห่าง และกำลังถูกมองเป็นกลุ่มคนที่มีความแตกต่างไปจากสังคม จนในบางครั้งเสียงที่เปล่งออกมานั้นแทบจะไม่มีใครได้ยิน หรือพร้อมที่จะเปิดโอกาสรับฟังอย่างที่ควรจะเป็น
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ชวนทุกคนมาฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ อันนา อันนานนท์ เยาวชนนักเคลื่อนไหวที่ไม่เคยหยุดตั้งคำถามต่อความไม่เป็นธรรมในสังคม ด้วยความกล้าหาญและเสียงที่ทรงพลัง เพื่อสร้างเป็นบรรทัดฐานที่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในอนาคต
เนื่องในวันที่ 10 ตุลาคมของทุกปีถูกกำหนดให้เป็นวันยุติโทษประหารชีวิตสากล แอมเนสตี้และประชาไทจึงพาทุกคนมาฟังเสียงของ โชคชัย พรไพศาล ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกระบวนการตัดยุติธรรมที่ผิดพลาด และต้องกลายเป็นนักโทษประหารชีวิตจากความผิดที่ตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
และถึงแม้เขาจะได้รับอิสรภาพกลับคืนมาแล้วก็ตาม แต่ด้วยระยะเวลากว่า 18 ปีที่ต้องสูญเสียไปในเรือนจำ ทำให้เขาต้องสูญเสียโอกาสในการใช้ชีวิตหลายๆ อย่างไป
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จึงพยายามรณรงค์เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกโทษประหารชีวิต เพื่อสร้างบรรทัดฐานให้สังคม ลดความรุนแรงที่อาจก่อให้เกิดอาชญากรรม โดยรัฐนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเยียวยาผู้เสียหายและครอบครัวอย่างรอบด้านและรวดเร็ว
เคยสงสัยกันไหมว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เริ่มเข้ามาทำงานด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ และจุดประสงค์ของการณรงค์แต่ละแคมเปญคืออะไร
.
Talk อะ Rights Podcast Episode นี้ เราจะพาคุณย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล องค์กรที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนทั่วโลกอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ สิทธิของผู้ลี้ภัย ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือสิทธิในที่ทำกิน
.
เพราะสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด และทุกคำถามที่คุณสงสัย จะถูกเฉลยจากคนวงในของแอมเนสตี้ สามารถหาคำตอบได้แล้วจาก Talk อะ Rights Podcast ตอนพิเศษ 'ล้วงลึกใต้เตียงแอมเนสตี้'
เนื่องในวันผู้สูญหายสากล 30 สิงหาคม ที่ใกล้จะมาถึงในปีนี้ แอมเนสตี้ ประเทศไทย ชวนทุกคนมาฟังเรื่องสิทธิมนุษยชนผ่านมุมมองภาพยนตร์ ‘ดอยบอย’
.
กับการตีแผ่เรื่องราวทางสังคมที่สะท้อนให้เห็นถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายประเด็น ทั้งการอุ้มหาย กลุ่มผู้ค้าบริการ ผู้ลี้ภัย ความหลากหลายทางเพศ นักกิจกรรม กลุ่มชาติพันธุ์และการเป็นคนชายขอบ
.
โดยเรื่องราวทั้งหมดในดอยบอยถูกสร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริง ผ่านการนำมาร้อยเรียงเป็นบทภาพยนตร์แนว Fiction ที่บอกเล่าปัญหาของสังคมที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาอย่างยาวนาน พร้อมกับสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเคารพสิทธิมนุษยชนระหว่างกัน
เพราะพลังของจดหมายมีมากกว่าแค่การเล่าเรื่อง แต่ยังสร้างเป็นแรงกระเพื่อมให้สังคมหันมาสนใจ และตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพสิทธิมนุษยชนมากขึ้น และทุกตัวอักษร ทุกความรู้สึกที่ถูกร้อยเรียงลงบนกระดาษนั้นมีคุณค่าสำหรับใครบางคนเสมอ
.
ในวันที่ไร้อิสรภาพและในวันที่นักโทษคดีทางการเมืองต้องเข้าไปอยู่หลังกำแพงเรือนจำ ‘จดหมาย’ จากเพื่อน จากครอบครัว จากคนรัก จึงทำหน้าที่เป็นสื่อกลางที่เชื่อมระหว่าง..ประตูหัวใจและประตูความรู้สึก ในวันที่เขาเหล่านั้นต้องพรากจากกัน พร้อมทั้งช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจในวันที่โดดเดี่ยวให้กลับมามีแรงฮึดสู้กับความอยุติธรรมอีกครั้งสำหรับนักโทษคดีทางการเมือง
อานนท์ นำภา คือหนึ่งในผู้ก่อตั้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เขาเป็นหนึ่งในคนที่ให้การช่วยเหลือเรื่องกฎหมายกับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมต่อกระบวนการยุติธรรม รวมถึงเป็นตัวแทนในการต่อสู้คดีให้กับผู้ที่ตกอยู่ในสถานะเปราะบางและผู้ที่มีความอ่อนไหวในทางคดีสูง
แต่ภายหลังเขาถูกดำเนินคดีจากการออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ ชีวิตของเขาและครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปมากมาย โดยในปัจจุบันยังพบว่าอานนท์มีทั้งหมด 5 คดี รวมโทษจำคุก 14 ปี 2 เดือน 20 วัน และยังมีคดีอื่นๆ ที่เขาต้องรับชะตากรรม
หากยังจำกันได้ นับตั้งแต่ปี 2563 ได้เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่มีการชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศที่ไม่ได้มีเพียงการเรียกร้องสิทธิทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการชุมนุมเรียกร้องสิทธิต่างๆ ทั้งที่ดินทำกิน สิทธิทางวัฒนธรรม เพศเพศ ในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ในช่องทางออนไลน์ บนท้องถนน ไปจนถึงในงานทางศิลปะ
กลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่คนทั้งประเทศให้ความสนใจ ทั้งภาครัฐและประชาชน และเป็นสาเหตุให้ผู้คนจำนวนมากถูกตั้งข้อหาและดำเนินคดีจากการออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ โดยอายุต่ำสุดของผู้ถูกดำเนินคดีคือ 12 ปี
ด้วยเหตุนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จึงรณรงค์เพื่อเรียกร้องสิทธิในการปล่อยตัวให้กับกลุ่มคนที่ออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ ผ่านแคมเปญ #FREERATSADON หรือ #ปล่อยเพื่อนเรา
การทรมานถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรงอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ละเมิดศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ถูกกระทำ แต่ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจและร่างกายของผู้เคราะห์ร้ายอย่างยาวนาน หลายครั้งที่ผู้ที่ต้องรับทุกข์กลับกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกใส่ร้ายหรือกลายเป็น "แพะรับบาป" สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมที่ไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตของผู้ที่ถูกทรมาน แต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวและคนรอบข้างด้วย
26 มิถุนายน ของทุกปีจึงถูกกำหนดให้เป็น "วันยุติการทรมานสากล (International Day in Support of Victims of Torture)" และวันนี้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ชวนทุกคนมาฟังถึงที่มาและความสำคัญ พร้อมทั้งลงลึกไปถึง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการยุติปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนนี้
โลกออนไลน์อาจไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน โทรศัทพ์มือถือที่ใช้อยู่ในทุกวันอาจไม่ใช่ของคุณอีกต่อไป ฟังเรื่องราว ความอันตราย และประสบการณ์จากนักกิจกรรมผู้ที่ถูกโจมตีโดยเครื่องมือสอดแนม #เพกาซัส
และอ่านรายงาน "อันตรายเกินกว่าจะเป็นตัวเอง" เพิ่มเติมที่ : https://bit.ly/3JZkDZA
แค่การได้เป็นตัวของตัวเองก็อันตรายแล้วสำหรับนักกิจกรรมหญิงและกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTI) เพราะสิ่งที่พวกเขาและเธอต้องเจอในทุกวันนั้นคือการถูกคุกคามและโจมตีบนโลกออนไลน์ โลกที่ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย และอาจไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน