คดี ‘แพทองธาร-ทักษิณ ชินวัตร’ กลายเป็นบททดสอบสำคัญของการเมืองไทยในปี 2568 กับการชิงชนะหรือแพ้ในลมหายใจสุดท้ายของรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ที่ต้องเผชิญแรงกดดันทั้งจากศาลรัฐธรรมนูญและเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม พร้อมเสียงเรียกร้องให้ลาออก หรือยุบสภา
ภายใต้แรงกดดันจากการถอนตัวของพรรคร่วมรัฐบาลและศาลรัฐธรรมนูญ คดีอุ๊งอิ๊ง-ทักษิณ กลายเป็นสมรภูมิชี้อนาคต ไม่ว่าชิงลาออกหรือดึงเกมยาว ทุกทางเลือกล้วนเขียนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยใหม่
การตัดสินใจว่าจะ “ชิงลาออก” หรือ “สู้ต่อ” ของอุ๊งอิ๊ง จึงไม่ใช่เพียงเรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่หมายถึงการตอบคำถามใหญ่ของสังคมต่อระบบการเมือง กระบวนการยุติธรรม และอนาคตของความมั่นคงทางการเมืองที่ยังเต็มไปด้วยความเปราะบางและความขัดแย้งที่ยาวนาน
การเดิมพันอนาคตประชาธิปไตยกับทางเลือกชี้ชะตา การเมืองไทยจะพลิกเกม หรือจมอยู่กับความซ้ำซาก ชวนวิเคราะห์และติดตามไปพร้อมกัน
เดือนสิงหาคมอาจเป็นเดือนที่ชี้ชะตาอนาคตของพ่อลูกตระกูลชินวัตร เนื่องจากทักษิณกำลังเผชิญกับคดีมาตรา 112 ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ส่วนแพทองธารก็กำลังเจอกับคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ซึ่งคาดว่าอาจตัดสินในปลายเดือนสิงหาคมเช่นกัน
ดังนั้น จึงเป็นช่วงเวลาหนักหน่วงและมีผลกระทบอย่างมากต่อเสถียรภาพรัฐบาล กลุ่มการเมืองหลัก และภูมิทัศน์การเมืองไทยอย่างกว้างขวาง ทั้งยังมีผลต่อเสถียรภาพความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในบริบทชายแดนไทย-กัมพูชาอีกด้วย
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงสมรภูมิของศรัทธา ความยุติธรรม และทิศทางของประเทศ ที่ประชาชนและนักการเมืองต่างจับตาอย่างใกล้ชิด พร้อมความเป็นไปได้ของความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทั้งระดับรัฐบาลและพรรคการเมือง
ความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนไทยและกัมพูชาที่ปะทุตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ยังคงส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม แต่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีข้อกล่าวหาที่อ้างว่าอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงก่อน
แม้กองทัพบกไทยจะเน้นย้ำว่า กัมพูชาเป็นผู้เริ่มยิงก่อนโดยอาวุธระยะไกลยิงต่อเป้าหมายพลเรือน และทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเสียหายของพลเรือนที่ยอมรับไม่ได้ แต่กัมพูชายังคงพยายามนำเสนอข้อมูล ท่ามกลางการบิดเบือนข้อมูล จนถูกตั้งคำถามจากคนไทยในแง่มุมการสื่อสาร ซึ่งรัฐบาลเริ่มตอบโต้อย่างมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวอาจไม่จบง่ายๆ ด้วยเหตุผลที่อาจไม่ใช่แค่ข้อพิพาท แต่อาจเป็นผลประโยชน์บางอย่าง โดยเฉพาะตระกูลฮุน ที่ต้องการอยู่ก็เป็นได้
ประเด็นการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทางการเมือง ทั้งภายใต้ชื่อกฎหมายนิรโทษกรรม และกฎหมายสร้างเสริมสังคมสันติสุข ซึ่งมีกฎหมายที่ถูกเสนอผ่านวาระรับหลักการ 3 ร่าง ได้แก่ ร่างพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ขณะที่ 2 ร่างจากอดีตพรรคก้าวไกล (ปัจจุบันพรรคประชาชน) และภาคประชาชน ที่รวมคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ถูกตีตก
เกิดการตั้งคำถามมากมายว่าพรรคเพื่อไทยเลือกปฏิบัติกับประชาชนหรือเปล่า หรือจะเป็นนิรโทษกรรมฉบับทิ้งใครไว้ข้างหลังหรือไม่ แม้จะออกมาชี้แจงว่าเป็นการปลดบ่วงพันธนาการ 3,254 ชีวิต ทั้งเสื้อเหลือง-แดงก็ตาม
ท่ามกลางเสถียรภาพรัฐบาลที่ยังคงสั่นคลอน ราวกับเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ศึกในยังไม่จบ ศึกนอกกำลังรออยู่ ทั้งคดีชั้น 14 มาตรา 112 ของทักษิณ รวมถึง แพทองธาร ชินวัตร ด้วยเช่นกัน
ไล่หนูซื้องูเห่า เกมชิงอำนาจสภาไทย เมื่อถามถึงเสถียรภาพของรัฐบาลในสภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ร้องเพลงแทนคำตอบ “หนูเปล่านะ เขามาเอง” นี่คือคำตอบที่ชัดเจนของการแก้ไขเสถียรภาพของรัฐบาล
คำถามสำคัญคือเวลานี้มีใครกล้าการันตีจำนวนสส.ในมือ และรูปธรรมที่สุดคือการประชุมสภาที่ปริ่มน้ำแทบทุกครั้ง
ชมวิดีโอ EP นี้ใน YouTube เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด https://youtu.be/KVQCJBhnE_Y
.
รัฐบาลมีไว้ทำไม? คำถามนี้มีคำตอบซับซ้อนและขึ้นอยู่กับมุมมองทางการเมือง
.
ถ้าถามคาร์ล มาร์กซ์ คงตอบว่า รัฐบาลเป็นเครื่องมือของนายทุนและชนชั้นนำเพื่อรักษาอำนาจ ถ้าถามนักคิดแนวเสรีนิยม คงตอบว่า รัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศ สร้างความมั่นคง ประกันสิทธิ เสรีภาพของประชาชน จัดสรรทรัพยากร พัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงบังคับใช้กฎหมายเพื่อความเรียบร้อย
.
วันนี้ คงไม่ใช่เรื่องถกเถียงว่าคำตอบไหนถูกต้องที่สุด แต่ประเด็นสำคัญคือ เราจะนิยามให้รัฐบาลเป็นแบบไหน หากอยากให้ทำหน้าที่บริหารประเทศ ในบริบทของการเมืองไทยในปัจจุบัน รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอาจไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์นี้ได้ แต่ถ้าคิดว่ารัฐบาลเป็นเครื่องมือของชนชั้นนำเพื่อรักษาอำนาจ รัฐบาลเพื่อไทยก็น่าจะทำหน้าที่นี้ได้อยู่ แต่จะนานแค่ไหน คงไม่มีใครกล้ารับประกัน
.
#แพทองธาร #นายกรัฐมนตรี #คณะรัฐมนตรี #เพื่อไทย #พรรคประชาชน #ภูมิใจไทย #ยุบสภา #ลาออก #เลือกตั้ง #ทักษิณ #เนวิน #การเมือง #TheStandardNews #EndGame
ชมวิดีโอ EP นี้ใน YouTube เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด https://youtu.be/NkTuuC0sWUs
การเมืองไทยเหมือนมีระเบิดเวลาฝังอยู่หลายลูกจนทายไม่ถูกว่าลูกไหนจะระเบิดก่อนกัน ตั้งแต่การแทรกแซงจากภายนอกโดยสมเด็จฮุน เซน ที่ขยันทิ้งระเบิดอยู่ตลอดเวลา ไปจนถึงองค์กรอิสระและพรรคฝ่ายค้านหน้าใหม่ พรรคภูมิใจไทย สถานการณ์การเมืองเวลานี้ยากจะคาดเดา มีแต่เกมเสี่ยง และไม่ส่งผลดีต่อประเทศในภาพรวม
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า คลิปเสียงคุยกับ ฮุน เซน คือของจริง ปมพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองหลังบ้าน มุ่งรักษาอธิปไตยของประเทศ สร้างความโกลาหลและการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนอย่างมาก ราวกับว่าประเทศไทยเสียเหลี่ยมให้ประเทศกัมพูชาเสียแล้ว ท่ามกลางสังคมไทยที่เชื่อถือรัฐบาลในการตอบสนองต่อสถานการณ์
ทำให้พรรคภูมิใจไทย หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญที่พรรคเพื่อไทยต้องการยึดกระทรวงมหาดไทยคืน ประกาศถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยยืนยันหนุนกองทัพ เพื่อธำรงรักษาอธิปไตย ดินแดน และประโยชน์ของประเทศไทย ทุกวิถีทางอย่างสุดกำลัง ราวกับว่าทิศทางของรัฐบาลเพื่อไทย ไม่ว่าจะเดินเกมหรือเดินหน้าไปทางไหนก็เจอกับขวากหนาม สะดุดหกล้มตลอดเวลา ชวนอ่านเกมและวิเคราะห์ไปพร้อมกันได้วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน เวลา 15.30 น.
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คดีชั้น 14 อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และการปรับคณะรัฐมนตรี ทั้ง 3 เรื่องใหญ่นี้ผูกโยงกันเป็นเรื่องเดียวคือคำว่า ‘Trust’
สังคมไทยไม่เชื่อถือรัฐบาลในการตอบสนองต่อสถานการณ์ สังคมไทยไม่เชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมในการบังคับโทษอดีตนายกฯ ทักษิณ และสังคมไทยไม่เชื่อถือการปรับคณะรัฐมนตรีว่าจะได้หน้าตา ที่เรียกความเชื่อมั่น เพราะมีแต่ข่าวรวมตัวแยกก๊วนกันเพื่อต่อรองเก้าอี้ครม. ชุดใหม่
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาบริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี สาเหตุจากข้อพิพาทเขตแดนและการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ทับซ้อน โดยฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มใช้อาวุธก่อน ส่วนฝ่ายไทยชี้แจงว่าเป็นการยิงแจ้งเตือนให้หยุดการกระทำ ไม่ใช่การยิงปะทะ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย และนำไปสู่การเพิ่มกำลังทหารและยุทโธปกรณ์บริเวณชายแดน
ทั้งสองประเทศมีข้อตกลงสำคัญ เช่น บันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมกัน รวมถึงการใช้กลไกทวิภาคี แม้จะมีกลไกและข้อตกลงในการแก้ไขปัญหา แต่สถานการณ์ยังคงเปราะบาง และต้องอาศัยความอดทนและความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายในการหาทางออกอย่างสันติ
ปัญหาสำคัญที่หลายคนกำลังจับตาคือ ท่าทีของผู้นำฝั่งรัฐบาลอย่าง แพทองธาร ชินวัตร กับฟากกองทัพบก ที่ดูเหมือนว่าการสื่อสารและชุดความคิดหลายๆ อย่างจะไม่สอดคล้องกัน แม้จะออกมาเปิดเผยว่าไม่มีปัญหา แต่อดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่า การสื่อสารที่ล่าช้าและไม่ชัด หรือการสื่อสารที่สุดโต่ง ส่งผลกระทบต่อการกำหนดทิศทางชุดความคิดของสังคมไทยที่เกิดเสียงแตกขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่นายกรัฐมนตรียืนยันแล้วว่าจะปรับแน่นอน 100% อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การขยับท่าทีความมั่นคงล่าช้าหรือไม่ ชวนติดตามและร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกัน
การเมืองไทยหลายคนสงสัยรัฐบาลนี้จะอยู่กันไปจนครบวาระหรือจะมีความเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้น
ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งผ่านสงครามตัวแทนระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย คงไม่มีใครตอบคำถามนี้แบบฟันธงได้
จากข่าวทั้งทางลับและทางแจ้งรายงานไปในทางเดียวกันว่า พรรคเพื่อไทยมีความคิดจะขอต่อรองเอากระทรวงมหาดไทยคืนจากพรรคภูมิใจไทย อยู่กันต่อไปแต่ขอกระทรวงมหาดไทยคืน
แต่เพื่อไทยต้องแลกกับอะไร เป็นคำตอบที่ยังต้องติดตามกันต่อไป
การสู้รบกันระหว่างแดง-น้ำเงิน คู่ขนานไปกับนิติสงคราม พาการเมืองไทยเดินมาถึงจุดที่ยากจะคาดเดา แต่เสี่ยงอันตรายอย่างมาก
นิติสงครามเล่นงานนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง คิวล่าสุดคืออดีตนายกรัฐมนตรี ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ต้องชดใช้เงินกว่าหมื่นล้านบาทจากโครงการจำนำข้าว
คิวต่อไปที่ต้องจับตามองคืออดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร กรณีชั้น 14 ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็สะเทือนการเมืองไทยทั้งสิ้น
แต่ที่สะเทือนที่สุดจนถึงขั้นน่ากลัวคือ การออกมาเปิดชื่อ 2 ส. ผู้ยิ่งใหญ่ของ ณฐพร โตประยูร ระหว่างการยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ถ้าชื่อนั้นตรงกับที่หลายคนคาดเดา ก็น่าตกใจมากว่าเกมนี้คืออะไร มันจะไปจบแบบไหน แค่คิดก็น่ากลัว
การเมืองไทยหนึ่งวันพันเรื่องเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองอยู่ 4 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และพรรคกล้าธรรม
ทุกพรรคการเมืองมีจุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ ทุกวันนี้มีบางพรรคเอาจุดแข็งของตัวเอง อันได้แก่ อำนาจรัฐ อำนาจทุน มาห้ำหั่นกัน ผลสรุปสุดท้ายไม่รู้ใครจะชนะ แต่ระหว่างทางประชาชนแพ้ราบคาบ
กระบวนการยุติธรรมไทยขาดความเชื่อมั่น การเมืองไทยน่าเบื่อ วนในอ่าง และไร้ความหวัง
ชมวิดีโอ EP นี้ใน YouTube เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด https://youtu.be/bmezuH2TZS0
ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ประเด็นร้อนที่สะท้อนสภาพสังคมไทยในปัจจุบันอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นกรณีแพทยสภา ที่กำลังเผชิญกับคำถามถึงจรรยาบรรณและบทบาทในยุคที่สังคมต้องการความโปร่งใส ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการกลับมาของ ทักษิณ ชินวัตร แต่ก็ยังคงมีบทบาทอยู่บน ‘ชั้น 14’ ที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นไปตามขั้นตอนปกติหรือไม่
ในอีกด้าน งบประมาณซ่อมรัฐสภาที่พังซ้ำซากก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลวในการจัดการงบประมาณของภาครัฐ ขณะที่กระแสข่าวการ ‘ฮั้ว’ โหวต สว. ก็ยิ่งทำให้ภาพของระบอบประชาธิปไตยไทยดูมีปัญหา
อีกฟากเมื่อหันมามองในระดับท้องถิ่น แม้ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะได้รับเสียงสนับสนุนถล่มทลายเมื่อ 3 ปีก่อน ด้วยภาพลักษณ์ผู้ว่าฯ ขยัน ทำงานเชิงรุก แต่วันนี้หลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงผลงานที่เป็นรูปธรรม กรุงเทพฯ ดีขึ้นจริง หรือแค่เปลี่ยนวิธีสื่อสาร
การเมืองไทยในวันนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของบุคคล แต่คือระบบที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงราก ชวนติดตามและร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกัน วันที่ 10 พฤษภาคมนี้ เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป
ประเทศไทยมองไปทางไหนก็ดูมัวหมอง น่าจะเป็นความรู้สึกของผู้คนส่วนใหญ่ในเวลานี้ การเมืองไทยก็ยังไม่มีอะไรใหม่วนเวียนติดอยู่ที่ชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจ
หลังศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ทำให้สถานการณ์จะออกหัวออกก้อยได้ทั้งนั้น ถ้าศาลบอกว่ากระบวนการไปอยู่ชั้น14 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็ต้องกลับเข้าเรือนจำ แต่ถ้าศาลบอกว่าทุกอย่างชอบด้วยกฎหมายเรื่องนี้ก็จบไป
การเมืองไทยอยู่ในสถานการณ์รอวันชี้ชะตาอีกครั้ง ทักษิณจะอยู่หรือไปต้องจับตานับจากนี้
เวลานี้คำถามใหญ่การเมืองไทยคือจะมีการปรับ ครม. โดยการเขี่ยพรรคภูมิใจไทยพ้นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่
จุดแตกหักครั้งใหญ่คือการที่ลูกชายพ่อเนวิน ‘ไชยชนก ชิดชอบ’ ตบหน้ารัฐบาลกลางสภา ประกาศไม่เอากฎหมายคาสิโน
รายการ END GAME พยายามหาข้อเท็จจริงที่สำคัญในการต่อจิ๊กซอว์ภาพการเมืองครั้งนี้ ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้ก่อนคือ ‘ไชยชนก’ ผิดคิวจริง หรือเป็นแผนเล่นไพ่สองหน้าของพรรคภูมิใจไทย ถ้าเราไขคำตอบข้อนี้ได้จะเห็นเจตนาหรือเป้าหมายที่แท้จริงของพรรคภูมิใจไทย และอ่านเกมต่อไปได้ง่ายขึ้น
ไชยชนกผิดคิวจริงหรือไม่ ถ้าจะเขี่ยภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลทำได้หรือไม่ คนในสนามการเมืองเขาชั่งน้ำหนักกันอย่างไร ติดตามได้ในรายการ END GAME เปิดเบื้องลึกศึกเพื่อไทย-ภูมิใจไทย จำใจไปกันต่อ
ชัยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลูกชายคนโตพ่อเนวิน ชิดชอบ ประกาศกลางสภาไม่เอา พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ที่มีคาสิโนอยู่ด้วยไม่เกิน 10% ของพื้นที่ นี่คือระเบิดลูกใหญ่ที่โยนเข้าไปที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ในเวลาเดียวกัน อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็รีบออกมาประกาศเคลียร์ว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคลไม่ใช่จุดยืนของพรรคภูมิใจไทย ด้วยสไตล์พรรคภูมิใจไทยที่เป็นปึกแผ่นเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกัน
ทำให้หลายคนไม่ค่อยเชื่อว่าจะเป็นการผิดคิวอย่างที่อนุทินกล่าวไว้ แต่เป็นกลยุทธ์เล่นไพ่สองหน้า ไพ่หน้าแรกประกาศค้านคาสิโนหวังได้ใจกองเชียร์ฝ่ายอนุรักษนิยม และส่งสัญญาณถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ส่วนไพ่อีกหน้าให้อนุทินรับหน้าเคลียร์ใจกับพรรคเพื่อไทย ให้พรรคร่วมรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปได้ เล่นเกมฉลาดไม่ว่าจะออกหน้าไหนก็ไม่เสียแต้ม
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น หากไม่มีเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่มลงมา จะนับว่ากรุงเทพฯ และประเทศไทยผ่านพ้นไปได้อย่างดี
แต่ตึกถล่มตึกเดียวสร้างความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ ทั้งชีวิตผู้สูญเสีย ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นต่อระบบราชการในมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้าง
แต่ถ้าจะมองเหตุการณ์นี้ให้พอมีความหวังอยู่บ้าง แผ่นดินไหวเหมือนทำให้กำแพงที่บังความผิดปกติต่างๆ ในสังคมพังลงมา ให้เราได้เห็นปัญหาโครงสร้างทุนจีนที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย สังคมได้แต่ตั้งตารอว่าหน่วยงานรัฐจะช่วยเร่งกู้ความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา ผ่านการทำความจริงให้ปรากฏและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยฝ่ายค้านที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่กลไกตามครรลองประชาธิปไตย แต่คือบททดสอบแรกของนายกรัฐมนตรีหญิงที่ชื่อ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร และยังเป็นการเผชิญหน้าระหว่างอดีตกับอนาคตของการเมืองไทย
ชื่อของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ยังคงสะท้อนอยู่ในทุกบทสนทนา แม้ฝ่ายค้านจะลบชื่อทักษิณออกจากญัตติก็ตาม แต่การที่พรรคประชาชนจงใจใช้แคมเปญซักฟอกว่า ‘ดีลแลกประเทศ’ ที่ต้องการให้ประชาชนเชื่อว่ามีข้อตกลงลับที่ส่งผลเสียต่อประเทศ โดยโยงไปถึงการกลับมาของบุคคลในครอบครัวของนายกฯ แพทองธาร จึงอาจมีการพาดพิงถึง 2 อดีตนายกฯ อย่างทักษิณกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่จะอภิปรายในฐานะฝ่ายค้านเป็นครั้งแรก ก็น่าสนใจไม่น้อยว่าพรรคพลังประชารัฐจะมีข้อมูลลับหรือทีเด็ดในการร่วมมือกับพรรคประชาชนมากน้อยเพียงใด ชวนติดตามและร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกัน
ชมวิดีโอ EP นี้ใน YouTube เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด https://youtu.be/AejKm71E6cw
10,000 บาทดิจิทัลเดินทางมาถึงเฟสที่ 3 ประกาศเจาะจงเฉพาะกลุ่มอายุ 16-20 ปี ใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ไม่รวมสินค้าบริการ ซึ่งรวมไปถึงค่าเทอมการศึกษา รัฐบาลยังเดินหน้าอัดเงินต่อท่ามกลางคำถามว่ามันกระตุ้นเศรษฐกิจได้กี่โมง ขณะที่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องเอาชื่อ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ออกจากญัตติ แต่การอภิปรายต้องพาดพิงแน่ จะใช้ชื่อไหนคงต้องมารอลุ้นกัน แต่มันแน่นอน