Home
Categories
EXPLORE
Comedy
Society & Culture
News
Business
History
Leisure
Education
About Us
Contact Us
Copyright
© 2024 PodJoint
Loading...
0:00 / 0:00
Podjoint Logo
JP
Sign in

or

Don't have an account?
Sign up
Forgot password
https://is1-ssl.mzstatic.com/image/thumb/Podcasts126/v4/41/96/5f/41965f84-6659-e539-d121-1029f5176959/mza_7086462220915896900.jpg/600x600bb.jpg
6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana
349 episodes
6 days ago
ในพระไตรปิฏกมีอะไร ทำความเข้าใจไปทีละข้อ, เปิดไปทีละหน้า, ให้จบไปทีละเล่ม, พบกับพระอาจารย์พระมหาไพบูลย์ อภิปุณโณ และ คุณเตือนใจ สินธุวณิก, ล้อมวงกันมาฟัง มั่วสุมกันมาศึกษา จะพบขุมทรัพย์ทางปัญญา ในช่วง "ขุดเพชรในพระไตรปิฏก". New Episode ทุกวันเสาร์ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
Buddhism
Religion & Spirituality
RSS
All content for 6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก is the property of ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana and is served directly from their servers with no modification, redirects, or rehosting. The podcast is not affiliated with or endorsed by Podjoint in any way.
ในพระไตรปิฏกมีอะไร ทำความเข้าใจไปทีละข้อ, เปิดไปทีละหน้า, ให้จบไปทีละเล่ม, พบกับพระอาจารย์พระมหาไพบูลย์ อภิปุณโณ และ คุณเตือนใจ สินธุวณิก, ล้อมวงกันมาฟัง มั่วสุมกันมาศึกษา จะพบขุมทรัพย์ทางปัญญา ในช่วง "ขุดเพชรในพระไตรปิฏก". New Episode ทุกวันเสาร์ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
Buddhism
Religion & Spirituality
Episodes (20/349)
6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
ความสุขของคฤหัสถ์ [6833-6t]

หมวดข้อธรรม 4 ประการ พระสูตรที่ 1-4 ในปัตตกัมมวรรค หมวดว่าด้วยกรรมอันสมควร


ข้อที่ #61_ปัตตกัมมสูตร ว่าด้วยกรรมอันสมควร พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับอนาถบิณฑิกคหบดีถึงธรรมที่น่าปรารถนา 4 ประการ คือ 1. โภคทรัพย์ 2. ยศ (บริวารสมบัติ) 3. มีสุขภาพดี 4. หลังจากตายแล้วได้ไปเกิดบนสวรรค์ โดยเหตุที่เอื้อให้เกิดของธรรมเหล่านั้นคือ สัมปทา 4 ได้แก่ 1. ศรัทธา 2. ศีล 3. จาคะ 4. ปัญญา ซึ่งปัญญาในที่นี้หมายถึง ปัญญาในการละนิวรณ์ได้ เพราะนิวรณ์จะทำให้ไม่ละในสิ่งที่ควรละและไม่ทำในสิ่งที่ควรทำจนทำให้การงานไม่เกิดผล จิตที่ปราศจากนิวรณ์จะแจ่มใสรู้แนวทางที่จะไป *ที่ควรระวัง คือ พอเกิดธรรมที่น่าใคร่น่าปรารถนาแล้ว ถ้าเกิดลุ่มหลงไปก็จะทำให้ปัญญาสัมปทาหายไปทันทีเช่นกัน ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงให้ใช้ทรัพย์นั้นไปใน 4 หน้าที่ จึงจะถือว่าเป็นกรรมอันสมควร ได้แก่การใช้ข่ายทรัพย์ดังนี้

  1. การเลี้ยงดูตนเอง บิดา มารดา ภรรยา บุตร มิตร บริวาร
  2. ป้องกันอันตรายที่เกิดจากไฟ น้ำ พระราชา โจร หรือจากทายาท
  3. สงเคราะห์ญาติ ต้อนรับแขก ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย เสียภาษีอากร
  4. บำเพ็ญทักษิณาที่มีผลสูง

 

ข้อที่ #62_อานัณยสูตร ว่าด้วยสุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ กล่าวถึงความสุข 4 ประการของคฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือน

  1. อัตถิสุข (สุขเกิดจากความมีทรัพย์)
  2. โภคสุข (สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์)
  3. อานัณยสุข (สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้)
  4. อนวัชชสุข (สุขเกิดจากความประพฤติที่ไม่มีโทษ) คือ ความสุขที่เกิดจากประพฤติในกุศลธรรม ได้แก่ การคิดดี พูดดี ทำดี เป็นความสุขมีค่ามาก หากเปรียบโดยแบ่งความสุขชนิดนี้เป็น 16 ส่วน เพียงแค่ส่วนเดียวของความสุขชนิดนี้ยังมีค่ามากกว่า 3 ข้อแรกรวมกันเสียอีก

 

ข้อที่ #63_พรหมสูตร ว่าด้วยสกุลที่มีพรหม มารดาบิดาขื่อว่าเป็นพรหม, บุรพาจารย์ (ครูคนแรก), บุรพเทพ (ดูแลรักษา) และ อาหุไนยบุคคลของบุตร เพราะเหตุที่มารดาบิดาเป็นผู้มีอุปการะมากเฝ้าอบรมเลี้ยงดูสั่งสอนบุตร บุตรจึงควรเคารพ สักการะ บูชา เลี้ยงดูมารดาบิดา

 

ข้อที่ #64_นิรยสูตร ว่าด้วยธรรมเป็นเหตุให้เกิดในนรก ได้แก่ 1. ฆ่าสัตว์ 2. ลักทรัพย์ 3. ประพฤติผิดในกาม 4. พูดเท็จ

 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ปัตตกัมมวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 days ago
54 minutes 37 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
อภิภายตนะ – การมีอำนาจเหนืออารมณ์ [6832-6t]

หมวดข้อธรรม 8 ประการ พระสูตรที่ 5-10 ในภูมิจาลวรรค หมวดว่าด้วยเหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวครั้งใหญ่


ข้อที่ #65_อภิภายตนสูตร ว่าด้วยอภิภายตนะ “อภิภายตนะ” หมายถึง ญาณหรือฌานที่เป็นเหตุครอบงำ (การมีอำนาจเหนือ) อารมณ์ทั้งหลาย เป็นลักษณะของสมาธิที่ประกอบด้วยปัญญาคือมีสติเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่เพลินไปตามสิ่งที่ได้รับรู้ เป็นผู้ที่ครอบงำอายตนะได้ แสดงไว้ 8 ประการดังนี้

1 - 2 บุคคลมีรูปสัญญาภายใน (รูปฌาน) เห็นรูปภายนอก (เทวดา) ขนาดเล็ก / ขนาดใหญ่

3 - 4 บุคคลมีอรูปสัญญาภายใน (อรูปฌาน) เห็นรูปภายนอกขนาดเล็ก / ขนาดใหญ่

5 - 8 บุคคลมีอรูปสัญญาภายใน (อรูปฌาน) เห็นรูปภายนอก (เทวดาชั้นพรหม) มีสีเขียว / สีเหลือง / สีแดง / สีขาว

 

ข้อที่ #66_วิโมกขสูตร ว่าด้วยวิโมกข์ วิโมกข์ (ความหลุดพ้น หรือ ความหลุดพ้นจากกิเลส) หมายถึงภาวะที่จิตหลุดพ้นจากสิ่งรบกวนและน้อมดิ่งไปในอารมณ์นั้น ๆ โดยอาศัยการเข้าฌานและเจริญสมาธิ ซึ่งมี 8 ประการ ได้แก่

1.) ผู้มีรูป (รูปฌาน) เห็นรูปทั้งหลาย 2) ผู้มีอรูปสัญญาภายใน มองเห็นรูปทั้งหลายภายนอก 3) ผู้น้อมใจไปว่า ‘งาม’ เท่านั้น คือ เห็นอยู่แต่ไม่เพลิดไปตาม (อุเบกขา)

4) ผู้บรรลุอากาสานัญจายตนะ “อากาศหาที่สุดมิได้” 5) ผู้บรรลุวิญญาณัญจายตนะ “วิญญาณหาที่สุดมิได้” 6) ผู้บรรลุอากิญจัญญายตนะ “ไม่มีอะไร” 7) ผู้บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนะ “มีก็ไม่ใช่ ไม่มีก็ไม่ใช่” 8) ผู้บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ “สัญญาและเวทนาดับไป”

 

ข้อที่ #67_อนริยโวหารสูตร ว่าด้วยอนริยโวหาร ถ้อยคำที่ไม่ประเสริฐ 8 ประการ คือ

1) กล่าวสิ่งที่ไม่ได้เห็นว่าได้เห็น 2) กล่าวสิ่งที่ไม่ได้ฟังว่าได้ฟัง 3) กล่าวสิ่งที่ไม่ได้ทราบว่าได้ทราบ 4) กล่าวสิ่งที่ไม่ได้รู้ว่าได้รู้ (จมูก, ลิ้น, กาย)

5) กล่าวสิ่งที่ได้เห็นว่าไม่ได้เห็น 6) กล่าวสิ่งที่ได้ฟังว่าไม่ได้ฟัง 7) กล่าวสิ่งที่ได้ทราบว่าไม่ได้ทราบ 8) กล่าวสิ่งที่ได้รู้ว่าไม่ได้รู้

 

ข้อที่ #68_อริยโวหารสูตร ว่าด้วยอริยโวหาร ถ้อยคำที่ประเสริฐ 8 ประการ อะไรบ้าง คือ

1) กล่าวสิ่งที่ไม่ได้เห็นว่าไม่ได้เห็น 2) กล่าวสิ่งที่ไม่ได้ฟังว่าไม่ได้ฟัง 3) กล่าวสิ่งที่ไม่ได้ทราบว่าไม่ได้ทราบ 4) กล่าวสิ่งที่ไม่ได้รู้ว่าไม่ได้รู้ 5) กล่าวสิ่งที่ได้เห็นว่าได้เห็น 6) กล่าวสิ่งที่ได้ฟังว่าได้ฟัง 7) กล่าวสิ่งที่ได้ทราบว่าได้ทราบ 8) กล่าวสิ่งที่ได้รู้ว่าได้รู้

 

ข้อที่ #69_ปริสาสูตร ว่าด้วยบริษัท บริษัท (ชุมนุม) 8 จำพวกไหนบ้างที่เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเข้าไปสนทนาด้วยแล้วเข้ากับบริษัทนั้นได้ดี ชี้แจงเห็นชัด อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญ ได้แก่

1) ขัตติยบริษัท 2) พราหมณบริษัท 3) คหบดีบริษัท 4) สมณบริษัท 5) จาตุมหาราชบริษัท 6) ดาวดึงสบริษัท 7) มารบริษัท 8) พรหมบริษัท

 

ข้อที่ #70_ภูมิจาลสูตร ว่าด้วยเหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ กล่าวถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นช่วงระหว่างปลงอายุสังขารของพระพุทธเจ้า โดยกล่าวถึงลำดับเหตุการณ์ที่พระองค์ได้ให้นัยยะกับท่านพระอานนท์เรื่อง อิทธบาท 4 ไว้ถึง 15 ครั้ง แต่ท่านพระอานนท์ไม่ทราบนัยยะเหล่านั้น มารจึงได้ช่องมาทูลขอให้พระองค์เสด็จดับข้นธ์ปรินิพพาน เมื่อพระองค์ทรงรับปากมารแล้วส่งผลทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ท่านพระอานนท์จึงได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงเหตุแห่งแผ่นดินไหวในครั้งนั้น พระองค์จึงได้ทรงแสดงถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง 8 ประการ คือ

1) เหตุแห่งอุตุ เวลาที่ลมพายุพัดแรงย่อมทำให้น้ำกระเพื่อม น้ำที่กระเพื่อมย่อมทำให้แผ่นดินไหวตาม 2) สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ ได้เจริญปฐวีสัญญาและอาโปสัญญาจนหาประมาณมิได้ 3) พระโพธิสัตว์จุติจากภพดุสิต เสด็จสู่พระครรภ์ของพระมารดา 4) พระโพธิสัตว์ประสูติจากพระครรภ์ของพระมารดา 5) ตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ 6) ตถาคตประกาศธรรมจักรอันยอดเยี่ยมให้เป็นไป (ประกาศศาสนา) 7)ตถาคตปลงอายุสังขาร 8) ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ

 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต ภูมิจาลวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 week ago
58 minutes 35 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
จตุรพิธพรชัย [6831-6t]

หมวดข้อธรรม 4 ประการ พระสูตร1ที่ 3 – 10 ในปุญญาภิสันทวรรค หมวดว่าด้วยห้วงบุญกุศล


ข้อที่ #53_ปฐมสังวาสสูตร และ ข้อที่ #54_ทุติยสังวาสสูตร ว่าด้วยการอยู่ร่วมกัน สูตรที่ 1-2 กล่าวถึงการอยู่ร่วมกันของสามีและภรรยา 2 ประเภท ได้แก่ ประเภท “ผี” สูตร 1 หมายถึง เป็นคนทุศีล มีความตระหนี่ และ สูตร 2 หมายถึง บุคคลประกอบด้วยอกุศลกรรมบถ 10 และในประเภท “เทวดา” สูตร 1 หมายถึง เป็นคนมีศีลปราศจากความตระหนี่ และ สูตร 2 หมายถึง บุคคลประกอบด้วยกุศลกรรมบถ 10 โดยจำแนกการอยู่ร่วมกันของบุคคลทั้ง 2 ประเภทนี้ไว้ดังนี้

  1. สามีผีอยู่ร่วมกับภรรยาผี
  2. สามีผีอยู่ร่วมกับภรรยาเทวดา
  3. สามีเทวดาอยู่ร่วมกับภรรยาผี
  4. สามีเทวดาอยู่ร่วมกับภรรยาเทวดา

 

ข้อที่ #55_ปฐมสมชีวีสูตร และ ข้อที่ #56_ทุติยสมชีวีสูตร ว่าด้วยผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่เสมอกัน สูตรที่ 1-2 เป็นพระสูตรที่ว่าด้วยการที่สามีและภรรยามีความปรารถนาที่จะพบกันทั้งในชาตินี้และชาติหน้า จะต้องมี ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาเสมอกัน โดยสูตร 1 ปรารภถึงนกุลปิตาคหบดีและนกุลมาตาคหปตานี ส่วนสูตร 2 กล่าวกับภิกษุทั้งหลาย

 

ข้อที่ 57-59 มีข้อธรรมที่เหมือนกันคือ ผู้ให้โภชนะ (อาหาร) ชื่อว่าให้ฐานะ 4 ประการแก่ปฏิคาหก (ผู้รับ) ได้แก่ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมมีส่วนได้อายุ วรรณะ สุขะ พละอันเป็นทิพย์หรืออันเป็นของมนุษย์ โดยใน


ข้อที่ #57_สุปปวาสาสูตร ว่าด้วยสุปปวาสาโกฬิยธิดา เป็นการปรารภถึง พระนางสุปปวาสา อุบาสิกาผู้เลิศในการถวายของมีรสอันประณีต


ข้อที่ #58_สุทัตตสูตร ว่าด้วยสุทัตตคหบดี ปรารภถึง อนาถบิณฑิกคหบดี อุบาสกผู้เลิศในการเป็นผู้ถวายทาน


ข้อที่ #59_โภชนสูตร ว่าด้วยทายกผู้ให้โภชนะ กล่าวกับภิกษุทั้งหลาย

 

ข้อที่ #60_คิหิสามีจิสูตร ว่าด้วยการปฏิบัติปฏิปทาที่เหมาะสมแก่คฤหัสถ์ ปรารภอนาถบิณฑิกคหบดี กล่าวถึง การบำรุงภิกษุด้วยปัจจัยสี่เป็นเหตุให้ได้ยศ เป็นไปเพื่อให้เกิดในสวรรค์

 

พระไตรปิฎกเล่มที่ 21 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 13 [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ปุญญาภิสันทวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 weeks ago
53 minutes 28 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
อธิเทวญาณทัสสนะ – ความหยั่งรู้เกี่ยวกับเทวดา [6830-6t]

หมวดข้อธรรม 8 ประการ พระสูตรที่ 4 - 5 ในภูมิจาลวรรค หมวดว่าด้วยเหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวครั้งใหญ่


ข้อที่ #64_คยาสีสสูตร ว่าด้วยพระธรรมเทศนาที่คยาสีสะ ณ ตำบลคยาสีสะ เขตเมืองคยา พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลาย เมื่อครั้งที่พระองค์ยังไม่ได้ตรัสรู้ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ พระองค์ทรงปฏิบัติ อธิเทวญาณทัสสนะ คือ ความรู้ความเห็น (ตาทิพย์) เกี่ยวกับเทวดาอันยิ่ง เป็นการปฏิบัติเพื่อพัฒนาญาณทัศนะการหยั่งรู้เกี่ยวกับเทวดาในขั้นสูง เป็นหนึ่งในญาณที่เกิดจากการเจริญสมาธิและปัญญา ทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถเห็นแจ้งหรือรู้ถึงเรื่องราวความเป็นไปของเทวดาได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของญาณทัสสนะที่ละเอียดและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น โดยมีลำดับดังนี้

  1. เห็นแสงสว่าง และรูป (เทวดา)
  2. เห็นแสงสว่าง เห็นรูป และพูดคุยตอบโต้กันได้
  3. เห็นแสงสว่าง... ฯ และรู้ว่ามาจากเทพนิกายไหน
  4. เห็นแสงสว่าง.... ฯ และรู้ว่าหลังจากจุติแล้วจะไปเกิดที่ไหน
  5. เห็นแสงสว่าง..... ฯ และรู้ว่าไปเกิดที่ไหน ด้วยวิบาก (คือ ผลของกรรม) อะไร
  6. เห็นแสงสว่าง...... ฯ และรู้ว่ามีความเป็นอยู่ปกติ สุข ทุกข์อย่างไร
  7. เห็นแสงสว่าง....... ฯ และรู้ว่ามีอายุเท่าไหร่
  8. เห็นแสงสว่าง........ ฯ และรู้ว่าในอดีตเคยอยู่ร่วมกันหรือไม่

 

ข้อที่ #65_อภิภายตนสูตร ว่าด้วยอภิภายตนะ “อภิภายตนะ” หมายถึง ญาณหรือฌานที่เป็นเหตุครอบงำนิวรณ์ 5 (สมาธิเพื่อกำจัดนิวรณ์5)

1 - 2. บุคคลหนึ่งมีรูปสัญญาภายใน (รูปฌาน) เห็นรูปภายนอก (เทวดา) ขนาดเล็ก / ขนาดใหญ่

3 - 4. บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายใน (อรูปฌาน)เห็นรูปภายนอกขนาดเล็ก / ขนาดใหญ่

5 - 8. บุคคลหนึ่งมีอรูปสัญญาภายใน (อรูปฌาน) เห็นรูปภายนอก (เทวดาชั้นพรหม) มีสีเขียว / สีเหลือง / สีแดง / สีขาว

 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย ภูมิจาลวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 weeks ago
58 minutes 53 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
วิปลาส - เคลื่อนจากความจริง [6829-6t]

หมวดข้อธรรม 4 ประการ พระสูตรที่ 7-10 ในโรหิตัสสวรรค หมวดว่าด้วยโรหิตัสสเทพบุตร และพระสูตรที่ 1-2 ในปุญญาภิสันทวรรค หมวดว่าด้วยห้วงบุญกุศล

 

ข้อที่ #47_สุวิทูรสูตร ว่าด้วยสิ่งที่อยู่ห่างไกลกันเหลือเกิน กล่าวถึงสิ่งที่อยู่ห่างไกลกันเหลือเกิน 4 อย่าง โดยได้ยก 3 อย่างแรกขึ้นมาก่อน คือ ท้องฟ้ากับแผ่นดิน, ฝั่ง (ทั้งสอง) ของทะเล, จุดที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก เพื่อที่จะเปรียบเปรยความแตกต่างระหว่างธรรมของสัตบุรุษ (คนดี) กับธรรมของอสัตบุรุษ (คนชั่ว)

 

ข้อที่ #48_วิสาขสูตร ว่าด้วยการแสดงธรรมของวิสาขปัญจาลิบุตร ปรารภถึงพระวิสาขปัญจาลีบุตรเถระ (เป็นบุตรของนางปัญจาลี) ที่สามารถแสดงธรรมให้ผู้ฟังเกิดความเห็นที่ถูกต้องแล้วอยากรับเอาไปปฏิบัติ ด้วยบทพยัญชนะถูกต้อง ภาษาสละสลวย ให้รู้เนื้อความได้ และแสดงธรรมที่เกี่ยวเนื่องด้วยนิพพาน

 

ข้อที่ #49_วิปัลลาสสูตร ว่าด้วยวิปลาส “ วิปลาส ” คือ ความคลาดเคลื่อน เข้าใจผิดเพี้ยนไปจากความจริง ได้แก่ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส และทิฏฐิวิปลาสในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ในสิ่งที่เป็นอนัตตาว่าเป็นอัตตา และในสิ่งที่ไม่งามว่างาม

 

ข้อที่ #50_อุปักกิเลสสูตร ว่าด้วยสิ่งมัวหมอง สิ่งที่เป็นเหตุให้ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์มัวหมองไม่ส่องสว่างรุ่งเรือง มีอยู่ 4 ประการ ได้แก่ เมฆ หมอก ควัน และฝุ่นละออง ราหูผู้เป็นจอมอสูร อุปมาอุปไมยกับอุปกิเลส 4 ประการ ที่เป็นเหตุให้สมณพราหมณ์มัวหมอง ไม่สง่า ไม่รุ่งเรือง ได้แก่

  1. การดื่มสุราและเมรัย
  2. เสพเมถุนธรรม
  3. ยินดีในทองและเงิน
  4. ดำเนินชีวิตด้วยมิจฉาชีพ

 

ข้อที่ #51_ปฐมปุญญาภิสันทสูตร ว่าด้วยห้วงบุญกุศล สูตรที่ 1 ผลแห่งบุญที่ได้ถวายปัจจัย 4 แก่อริยสงฆ์ (ผู้ปฏิบัติดีปฎิบัติชอบ) ทำให้ถึงความเป็นผู้มีอารมณ์ดี มีสุขเป็นผล เปรียบได้กับแม่น้ำในมหาสมุทรที่ทั้งลึกและกว้างใหญ่ มีปริมาณน้ำมาก ห้วงแห่งบุญก็มีมากวัดปริมาณไม่ได้ เช่นนั้นเหมือนกัน

 

ข้อที่ #52_ทุติยปุญญาภิสันทสูตร ว่าด้วยห้วงบุญกุศล สูตรที่ 2 กล่าวถึง โสตาปัตติยังคะ 4 คือ มีศรัทธาหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และมีศีล ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย

 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต โรหิตัสสวรรค ปุญญาภิสันทวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
54 minutes 41 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
ความอยากได้ลาภ [6828-6t]

หมวดข้อธรรม 8 ประการ พระสูตรที่ 1 - พระสูตรที่ 3 ในภูมิจาลวรรค หมวดว่าด้วยเหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวครั้งใหญ่


ข้อที่ #61_อิจฉาสูตร ว่าด้วยความอยากได้ลาภ ลาภในที่นี้ หมายถึง ปัจจัย 4 โดยกล่าวถึงบุคคล 8 จำพวกที่แม้ว่ากายจะอยู่วิเวกแต่ถ้าปฏิบัติไม่ต่อเนื่อง (คือ ไม่เจริญวิปัสสนาอย่างต่อเนื่อง) ความอยากในลาภย่อมปรากฎ โดยแบ่งจำแนกได้ดังนี้

  • บุคคล 4 จำพวกแรก คือ ขาดสติสัมปชัญญะ จะหลงไปตามผลที่ปรากฎ ทำให้เคลื่อนจากสัทธรรม กล่าวคือ เมื่อมีความอยากในลาภเกิดขึ้นบุคคลพวกนี้จะตั้งความเพียรในการแสวงหาหรือไม่แสวงหาลาภก็ตาม หากไม่ได้ลาภก็จะตีอกชกตัวเสียใจ และในทางตรงกันข้ามถ้าได้ลาภก็จะดีใจหลงไหลมัวเมาในลาภนั้น
  • บุคคล 4 จำพวกหลัง คือ มีสติสัมปชัญญะ เมื่อมีความอยากในลาภแล้วจะตั้งความเพียรหรือไม่ตั้งความเพียรในการแสวงหาลาภนั้นไว้ก็ตาม ผลคือจะไม่หลงไหลดีใจหรือเสียใจไปตามผลที่ปรากฎ ทำให้ไม่เคลื่อนจากสัทธรรม


*ตารางเปรียบเทียบ  บุคคล 8 ประเภท ที่มีปรากฏอยู่ในโลก 


ข้อที่ #62_อลังสูตร ว่าด้วยผู้สามารถทำประโยชน์ตนและผู้อื่น โดยการนำธรรม 6 ประการนี้มาแยกจำแนกลงในบุคคลผู้สามารถปฏิบัติให้เกื้อกูลสำหรับตนเองและผู้อื่นได้ โดยจำแนกออกได้ 8 ประเภท แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้


ธรรม 6 ประการ ได้แก่

  1. ใคร่ครวญธรรมได้เร็ว
  2. ทรงจำธรรมได้
  3. พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม
  4. ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
  5. มีวาจางาม เจรจาถ้อยคำไพเราะ
  6. ชี้แจงให้เห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญ ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง

 

โดยนำธรรมข้างต้นมาแบ่งประเภทบุคคลได้ 3 กลุ่มดังนี้

  • เพียงพอสำหรับตนเองและผู้อื่น มี 2 ประเภท ได้แก่ บุคคลประกอบด้วยธรรมในข้อที่ 1-6 และข้อที่ 2-6
  • ไม่เพียงพอสำหรับตนเองแต่เพียงพอสำหรับผู้อื่น มี 3 ประเภท ได้แก่ บุคคลประกอบด้วยธรรมในข้อที่1, 2, 5 และ 6 / ข้อที่ 2, 5 และ 6 / ข้อที่ 5 และ 6
  • เพียงพอสำหรับตนเองแต่ไม่เพียงพอสำหรับผู้อื่น มี 3 ประเภท ได้แก่ บุคคลประกอบด้วยธรรมในข้อที่ 1-4 / ข้อที่ 2-4 / ข้อที่ 3-4


*ตารางเปรียบเทียบ  บุคคลประกอบด้วยธรรม 6 ประการนี้ เป็นผู้ที่มีความสามารถปฏิบัติให้เกื้อกูลสำหรับตนเองและผู้อื่น 


ข้อที่ #63_สังขิตตสูตร ว่าด้วยภิกษุทูลขอให้ทรงแสดงธรรมโดยย่อ ปรารภภิกษุรูปหนึ่งที่ติดตามพระพุทธเจ้าในการแสดงธรรมได้กราบทูลถามถึงข้อปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม (ให้เกิดการบรรลุธรรม) โดยพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) ซึ่งเป็นองค์ของฌาน 1-4 และให้เห็นสติปัฏฐาน 4 (กาย เวทนา จิต ธรรม) ซึ่งปรากฏอยู่ในฌาน 1-4 ได้ในทุกอิริยาบถ 4 (ยืน เดิน นั่ง นอน) ภิกษุรูปนั้นน้อมนำเอามาปฏิบัติได้ไม่นานก็ได้บรรลุอรหันต์


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต ภูมิจาลวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
57 minutes 37 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
ที่สุดแห่งโลก [6827-6t]

หมวดธรรม 4 ประการ ในโรหิตัสสวรรค หมวดว่าด้วยโรหิตัสสเทพบุตร

ข้อที่ #41_สมาธิภาวนาสูตร ว่าด้วยสมาธิภาวนา สมาธิภาวนาเป็นหนึ่งในองค์ของอริยมรรคมีองค์แปด คือสัมมาสมาธิที่เมื่อบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้วย่อมเป็นไปเพื่อ

1. อยู่เป็นสุขในปัจจุบัน คือ สามารถเข้าฌาน 1-4 ได้ 

2. ได้ญาณทัสสนะ (ทิพพจักขุญาณ) คือ การทำจิตให้เป็นเสมือนแสงสว่าง กำหนดหมายว่าแสงสว่างในเวลากลางวันฉันใด ย่อมทำในใจว่าแม้ในกลางคืนก็ฉันนั้น

3. สติสัมปชัญญะ คือ มีสติเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของเวทนา สัญญา และวิตก

4. ความสิ้นอาสวะ คือ เห็นการเกิด-ดับในอุปทานขันธ์ห้าได้ด้วยปัญญา (ญาณ)


ข้อที่ #42_ปัญหพยากรณสูตร ว่าด้วยวิธีการตอบปัญหา เมื่อถูกถามควรพิจารณาถึงคำถามและเลือกวิธีที่จะตอบให้เหมาะสมกับคำถามนั้น พระสูตรนี้ได้บอกถึงวิธีที่จะใช้ในการตอบคำถามไว้ 4 วิธี คือ

1. ตอบโดยนัยเดียว

2. แยกตอบ

3. ตอบโดยย้อนถาม

4. งดตอบ


ข้อที่ #43_ปฐมโกธครุสูตร และ ข้อที่ #44_ทุติยโกธครุสูตร ว่าด้วยบุคคลผู้มักโกรธ สูตรที่ 1-2 มีเนื้อหาข้อธรรมที่เหมือนกันกล่าวถึงคุณสมบัติของบุคคล 4 ประเภทที่ไม่มีความเคารพสัทธรรม คือ บุคคลผู้มักโกรธ ผู้มักลบหลู่ ผู้เห็นแก่ลาภ และสักการะ และในทางตรงกันข้ามบุคคลผู้มีความเคารพสัทธรรมจะเป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่ลบหลู่ ไม่เห็นแก่ลาภและสักการะ บุคคลจำพวกหลังนี้ย่อมทำตนให้เจริญในธรรมได้


ข้อที่ #45_โรหิตัสสสูตร ว่าด้วยโรหิตัสสเทพบุตร เป็นเรื่องราวของเทวดาที่ชื่อว่า “โรหิตัสสะ” ได้เข้ามากราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึง “การทำที่สุดแห่งโลก ได้ด้วยการไปอย่างไร?” (ที่สุดแห่งโลก ในที่นี้หมายถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือนิพพานนั่นเอง) แล้วได้เล่าถึงครั้งที่ตนเคยเป็นฤาษีสามารถเหาะข้ามโลกได้ด้วยความว่องไวแห่งฤทธิ์ตลอดระยะเวลา 100 ปี ไม่กินไม่นอนจนกระทั่งตายก็ยังไม่สามารถทำให้ถึงที่สุดของโลกได้ หลังจากนั้นพระผู้มีภาคเจ้าก็ได้ทรงตอบกลับว่า พระองค์ไม่กล่าวที่สุดแห่งโลกได้ด้วยการไป แต่พระองค์ได้ทรงบัญญัติอริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการที่มีอยู่ในกายนี้ เป็นข้อบัญญัติที่จะทำให้ถึงที่สุดแห่งโลกได้


ข้อที่ #46_ทุติยโรหิตัสสสูตร ว่าด้วยโรหิตัสสเทพบุตร สูตรที่ 2 พระพุทธเจ้าทรงนำเรื่องราวของโรหิตัสสเทพบุตรมาเล่าให้เหล่าภิกษุฟังโดยมีเนื้อหาแบบเดียวกันกับโรหิตัสสสูตร


พระไตรปิฎกเล่มที่ 21 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 13 [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต โรหิตัสสวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
48 minutes 52 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
บุคคลผู้เป็นนาบุญ [6826-6t]

จากท่านผู้ฟังที่ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์อานิสงส์ของศีลแปดแบบผู้ครองเรือนและแบบผู้ประพฤติพรหมจรรย์ที่ตนได้รับจากการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน โดยได้กล่าวถึงพระสูตรข้อที่ #40_ทุจจริตวิปากสูตร ว่าด้วยวิบากแห่งทุจริต ที่ได้รับฟังในรายการทำให้นึกถึงศีลที่ตนได้ปฏิบัติ ซึ่งมีเนื้อหาเป็นข้อธรรมตรงกันข้ามกัน แล้วเปลี่ยนจากการดื่มสุราและเมรัยในข้อสุดท้ายมาเป็นสัมมาอาชีวะ เราเรียกข้อปฏิบัตินี้ว่า อาชีวัฏฐมกศีล คือ ศีลมีอาชีพเป็นที่ 8 ได้แก่ กายกรรม (3) วจีกรรม (4) อาชีวะ (1) ซึ่งเป็นการรักษาศีลแปดแบบไม่ต้องประพฤติพรหมจรรย์และปฏิบัติให้ยิ่งขึ้นไปด้วยศีลแปดแบบผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ทำให้ได้รับอานิสงส์ที่เห็นได้ทางกายภาพ คือ มีสุขภาพที่ดีขึ้น


*การรักษาศีลแปดมีอานิสงส์มาก นอกจากความสุขอย่างสามัญแล้วยังเป็นไปเพื่อสมาธิและปัญญา เป็นทางแห่งการบรรลุธรรม


มาต่อกันที่สี่พระสูตรสุดท้ายในโคตมีวรรค ซึ่งเป็นเรื่องของบุคคลผู้ที่ควรบูชา ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ


ข้อที่ #57_ปฐมอาหุเนยยสูตร ว่าด้วยอาหุไนยบุคคล สูตรที่ 1 ผู้ประกอบด้วยธรรม 8 ประการนี้ เป็นผู้ควรแก่ของที่นำมาถวาย (ทาน) ควรแก่การต้อนรับ ควรแก่ทักษิณา (ทำบุญให้ผู้ล่วงลับ) ควรแก่การทำอัญชลี (กราบไหว้) เป็นนาบุญอันยอดเยี่ยมของโลกได้แก่

1. เป็นผู้มีศีล

2. เป็นพหูสูต (ฟังมาก จำได้ขึ้นใจ แทงตลอดได้ดีด้วยปัญญา)

3. มีมิตรดี (มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง)

4. เป็นสัมมาทิฏฐิ

5. เป็นผู้ได้ฌาน 4

6. ระลึกชาติก่อนได้

7. เห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ (เคลื่อน) กำลังเกิด

8. ทำให้แจ้งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ


ข้อที่ #58_ทุติยอาหุเนยยสูตร ว่าด้วยอาหุไนยบุคคล สูตรที่ 2 มีข้อธรรมที่เหมือนกันกับพระสูตรที่ 1 แตกต่างกันในข้อที่ 3, 4, 5 และ 6 ดังนี้

3. เป็นผู้ปรารภความเพียร

4. อยู่ป่าเป็นวัตร อาศัยเสนาสนะที่สงัด

5. อดทนต่อความยินร้ายและความยินดีได้

6. อดทนต่อภัยที่น่ากลัวได้ (กิเลส)


ข้อที่ #59_ปฐมปุคคลสูตร และ ข้อที่ #60_ ทุติยปุคคลสูตร ว่าด้วยบุคคลผู้เป็นนาบุญของโลก สูตรที่ 1-2 กล่าวถึง อริยบุคคล 8 จำพวก (4 คู่ แบ่งเป็นขั้นมรรคและขั้นผล) เป็นผู้ควรแก่ของที่นำมาถวาย ฯลฯ ได้แก่

  • โสดาปัตติมรรค – โสดาปัตติผล (ละสังโยชน์เบื้องต่ำ 3 ประการได้)
  • สกิทาคามิมรรค – สกิทาคามิผล (ละสังโยชน์เบื้องต่ำ 3 ได้ และทำสังโยชน์เบื้องต่ำอีก 2 ประการที่เหลือให้เบาบางลง)
  • อนาคามิมรรค – อนาคามิผล (ละสังโยชน์เบื้องต่ำทั้ง 5 ประการได้แล้ว)
  • อรหัตมรรค – อรหัตผล (ละสังโยชน์ได้ครบ 10 ประการ)


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต โคตมีวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
57 minutes 37 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
ธรรมที่ทำให้ไม่เสื่อมจากสมถะและวิปัสสนา [6825-6t]

หมวดธรรม 4 ประการ มาในจักกวรรค หมวดว่าด้วยจักร


ข้อที่ #36_โทณสูตร ว่าด้วยโทณพราหมณ์ กล่าวถึงเรื่องราวของโทณพราหมณ์ที่ได้พบเห็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า แล้วได้ติดตามรอยพระบาทนั้นไปจนได้พบพระพุทธเจ้า และด้วยท่าทีอันสงบระงับของพระพุทธเจ้า ทำให้โทณพราหมณ์เกิดความรู้สึกเลื่อมใส จึงได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “ท่านเป็นเทวดา คนธรรพ์ ยักษ์ หรือมนุษย์ใช่หรือไม่ ?” พระองค์ทรงตอบว่า พระองค์ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น เพราะด้วยเหตุที่ว่าอาสวะ (กรรม) ที่จะทำให้ไปเกิดได้ความเป็นอัตภาพเหล่านั้นสิ้นแล้ว


ข้อที่ #37_อปริหานิยสูตร ว่าด้วยอปริหานิยธรรม คือ ธรรมที่ทำให้ไม่เสื่อมจากสมถะและวิปัสสนาที่ได้บรรลุแล้ว และจะได้บรรลุมรรคและผลที่ยังไม่ได้บรรลุ ได้แก่

  1. สมบูรณ์ด้วยศีล
  2. คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
  3. รู้จักประมาณในการบริโภค
  4. ประกอบความเพียรเครื่องตื่นอยู่เนือง ๆ

*จะเห็นได้ว่า 3 ข้อหลัง คือส่วนหนึ่งของศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิ


ข้อที่ #38_ปฏิลีนสูตร ว่าด้วยภิกษุผู้หลีกเร้น ธรรม 4 ประการนี้ ทำให้เป็นพุทธะได้เลย คือ

  1. ผู้มีปัจเจกสัจจะอันบรรเทาได้ หมายถึง สัจจะที่แต่ละคนยึดถือตามความเห็นของตนว่า “นี้เท่านั้นจริงสิ่งอื่นเปล่า” กำจัดได้แล้ว
  2. ผู้มีการแสวงหาอันสละได้ดี คือ ละการใฝ่หากาม การแสวงหาภพ และ การแสวงหาพรหมจรรย์ได้ขาดแล้ว
  3. ผู้มีกายสังขารอันระงับได้ คือ เข้าฌาน 4 ได้
  4. ผู้หลีกเร้น คือ ละมานะ 9 ได้

            

ข้อที่ #39_อุชชยสูตร ว่าด้วยปัญหาของอุชชยพราหมณ์ และ ข้อที่ #40_อุทายิสูตร ว่าด้วยปัญหาของอุทายิพราหมณ์ มีเนื้อหาข้อธรรมเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่การปรารภถึงบุคคลที่ต่างกัน เป็นเรื่องการบูชายัญ กล่าวถึงยัญที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ คือ นิจทาน (มีผู้รับ) และ อนุกูลยัญ (ทำบุญให้บรรพบุรุษ) ส่วนยัญที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญ คือ ยัญที่ต้องมีตระเตรียมการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต จักกวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
52 minutes 41 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
แผนที่การครองเรือน [6824-6t]

ฆราวาส หรือ ผู้อยู่ครองเรือนที่ยังยินดีในการบริโภคกาม ย่อมปรารถนาสุขสามัญ คือ ความสุขที่เกิดจากทรัพย์สิน เงินทอง ยศ เกีรยติ ไมตรี และจะมีธรรมเหล่าใดที่เมื่อผู้ครองเรือนปฏิบัติแล้วจะเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขในปัจจุบันและในภายภาคหน้า ซึ่งใน ทีฆชาณุสูตร และ อุชชยสูตร ได้กล่าวถึง ทิฏฐธัมมิกัตถะ หมายถึง ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ในปัจจุบัน หรือ “ หัวใจเศรษฐี ” (อุ อา กะ สะ) และ สัมปรายิกัตถะ หมายถึง ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์เบื้องหน้า อธิบายแยกให้เห็นดังนี้


ทิฏฐธัมมิกัตถะ 4 ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ในปัจจุบัน ได้แก่

1) อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่น เช่น ขยันหมั่นเพียร เป็นผู้ขยันไม่เกียจคร้านในการงาน

2) อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษาโภคทรัพย์ ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร โดยชอบธรรม

3) กัลยาณมิตตตา ความเป็นผู้มีมิตรดี คบคนดี ไม่คบคนชั่ว เป็นผู้มีสมาจารบริสุทธิ์ ผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา

4) สมชีวิตา อยู่อย่างพอเพียง รู้ทางเจริญทรัพย์ (ไม่เป็นนักเลงหญิง ไม่เป็นนักเลงสุรา ไม่เป็นนักเลงการพนัน มีเพื่อนดี) และทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ (เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน มีเพื่อนชั่ว) แล้วเลี้ยงชีพพอเหมาะ ไม่ให้สุรุ่ยสุร่ายฟูมฟายนัก ไม่ให้ฝืดเคืองนัก ด้วยคิดว่า รายรับของเราจักต้องเหนือรายจ่าย และรายจ่ายของเราจักต้องไม่เหนือรายรับ


สัมปรายิกัตถะ 4 ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์เบื้องหน้า ได้แก่

1)  สัทธาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศรัทธา 

2)  สีลสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศีล

3)  จาคสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการเสียสละ

4)  ปัญญาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยปัญญา (คือ เห็นทั้งความเกิดและความดับในสังขารทั้งปวง)


เป็นหลักธรรมที่ปรากฏอยู่ในพระสูตรทั้ง 2 แต่ปรารภถึงบุคคลที่ต่างกัน โดยใน

ข้อที่ #54_ทีฆชาณุสูตร ว่าด้วยโกฬิยบุตรชื่อว่าทีฆชาณุ เป็นการปรารภถึง ทีฆชาณุชาวโกฬิยะ

ข้อที่ #55_อุชชยสูตร ว่าด้วยอุชชยพราหมณ์ เป็นการปรารภถึง อุชชยพราหมณ์

ข้อที่ #56_ภยสูตร ว่าด้วยภัยเป็นชื่อของกาม คำว่า ภัย ทุกข์ โรค ฝี ลูกศร เครื่องข้อง เปือกตม การอยู่ในครรภ์ เป็นชื่อของกามเพราะเหตุไร ? เพราะผู้ที่ยินดีด้วยกามราคะถูกตัณหาเกี่ยวพันไว้ ย่อมไม่พ้นจาก ภัย ทุกข์ โรค ฝี ลูกศร เครื่องข้อง เปือกตม การอยู่ในครรภ์ ทั้งที่มีในภพนี้ และที่มีในภพหน้า


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต โคตมีวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
59 minutes 15 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
ความเลื่อมใสในสิ่งที่เลิศ [6823-6t]

หมวดข้อธรรม 4 ประการนี้มาในจักกวรรค หมวดว่าด้วยจักร เริ่มกันใน...

ข้อที่ #31_จักกสูตร ว่าด้วยจักร 4 ประการ (จักร คือ สมบัติ) คือ การทำวนไปในธรรม 4 ข้อนี้แล้ว จะเป็นเหตุให้ถึงความร่ำรวยความเป็นใหญ่ได้ นั่นคือการอยู่ในพื้นที่ดี การคบคนดี การตั้งตนในธรรม และเป็นผู้ที่ได้ทำความดีไว้ก่อนแล้ว


ข้อที่ #32_สังคหสูตร ว่าด้วยสังคหวัตถุ คือ ธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวให้เป็นไปในเรื่องเดียวกัน เกื้อหนุนกัน เป็นกลุ่มก้อน แต่ไม่ใช่ยึดถือ คนที่มี 4 ข้อนี้ จะเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดให้คนเข้ามาคือ การให้ปิยวาจา ประพฤติประโยชน์ การวางตนเสมอกัน คือร่วมทุกข์ร่วมสุข 


ข้อที่ #33_สีหสูตร ว่าด้วยพญาราชสีห์ เปรียบลีลาของราชสีห์กับการบันลือสีหนาทของพระพุทธเจ้า ในเรื่องสักกายะ (อริยสัจ 4) การบันลือสีหนาทนี้ ทำให้เทวดาสะดุ้งสลดสังเวชใจ 


ข้อที่ #34_อัคคัปปสาทสูตร ว่าด้วยความเลื่อมใสในสิ่งที่เลิศ กล่าวถึงความเลื่อมใสในสิ่งที่เลิศ ย่อมให้วิบากที่เลิศ ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม (สังขตธรรมคืออริยมรรค และอสังขตธรรมคือวิราคะ) พระสงฆ์


ข้อที่ #35_วัสสการสูตร ว่าด้วยวัสสการพราหมณ์ จะเห็นถึงความแตกต่างคำจัดความของมหาบุรุษระหว่างวัสสการพราหมณ์และพระพุทธเจ้า ที่เมื่อได้ฟังแล้ว วัสสการพราหมณ์ต้องยอมจำนน


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต จักกวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
55 minutes 42 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
ธรรมของเจ้าอาวาส [6822-6t]

หมวดข้อธรรม 5 ประการนี้ มาในวรรคที่ว่าด้วย “ภิกษุผู้เป็นเจ้าอาวาส” กล่าวถึงหลักคุณธรรมของผู้ดูแลอาวาส ซึ่งหลักธรรมนี้ไม่ใช่เฉพาะเจาะจงกับเจ้าอาวาสหรือภิกษุสงฆ์เท่านั้น แต่ยังหมายถึงเราทุกคน ถ้ามีคุณธรรมเหล่านี้ย่อมยังอาวาสหรือองค์กรนั้นให้เจริญรุ่งเรือง และงดงามได้


ข้อที่ #231-234 อาวาสิกสูตร / ปิยสูตร / โสภณสูตร / พหูปการสูตร เจ้าอาวาสที่มีคุณธรรมดังนี้ “ย่อมเป็นที่รัก ที่เคารพยกย่อง มีอุปการะ ยังอาวาสให้งดงาม” มาในหัวข้อที่ต่างกันแต่มีเนื้อหาข้อธรรมที่เหมือนหรือต่างกันบ้าง และพอจะสรุปรวมได้ดังนี้ คือ เป็นผู้มีมรรยาทและวัตรงาม มีศีล เป็นพหูสูต ทรงสุตะ มีความประพฤติขัดเกลาดี ยินดีการหลีกเร้น วาจางาม ยังคนให้อาจหาญ ดูแลปฏิสังขรณ์เสนาสนะ และอุปการะภิกษุผู้มาจากต่างแคว้นได้ เป็นผู้ได้ฌาน 4 มีปัญญา ทำให้แจ้งซึ่งเจโตและปัญญาวิมุตติ 


ข้อที่ #235_อนุกัมปสูตร เจ้าอาวาสที่ประกอบด้วยธรรมต่อไปนี้ “ย่อมอนุเคราะห์คฤหัสถ์” คือให้สมาทานอธิศีลและให้เห็นธรรมได้ สามารถอนุเคราะห์คฤหัสถ์ป่วยไข้ และเชิญชวนให้ทำบุญตามกาลสมัยได้ บริโภคของที่เขานำมาถวาย ไม่ทำศรัทธาไทยให้ตกไป 


ข้อที่ #236-240 ปฐม-ทุติย-ตติยอวัณณารหสูตร / ปฐม-ทุติยมัจฉริยสูตร เป็นธรรมคู่ตรงข้าม มีหัวข้อที่เหมือนกันว่าด้วย เจ้าอาวาสที่เหมือนดำรงอยู่ในนรก คือไม่พิจารณาไตร่ตรองสรรเสริญคนที่ควรติเตียนหรือติเตียนคนที่ควรสรรเสริญ ไม่พิจารณาไตร่ตรองปลูกความเลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใสหรือไม่ปลูกความเลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส มีความตระหนี่ในอาวาส ตระกูล ในลาภ วรรณะ และทำศรัทธาไทยให้ตกไป 


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต อาวาสิกวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
58 minutes 51 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
พระนางปชาบดีโคตมีทูลขออุปสมบท [6821-6t]

จิตใจของพระนางมหาปชาบดีโคตมีเต็มไปด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะบวชเป็นภิกษุณี เธอได้แสดงความประสงค์ที่จะบวชต่อพระพุทธเจ้าหลายครั้ง ดั่งในพระสูตรที่จะหยิบยกมากล่าวนี้


ข้อที่ #51_โคตมีสูตร ว่าด้วยพระนางปชาบดีโคตมีทูลขออุปสมบท ในพระสูตรนี้พระนางมหาปชาบดีโคตมี มีความปรารถนาที่จะออกบวชโดยได้แสดงไว้ถึง 2 วาระด้วยกัน คือ วาระแรก ที่กรุงกบิลพัสดุ์ พระนางทูลขอกับพระพุทธเจ้าด้วยตัวเองถึง 3 รอบแต่ก็โดนปฏิเสธตกหมดทั้ง 3 รอบ และในวาระต่อมาที่กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตกรุงเวสาลี พระนางได้ปลงผม ห่มผ้ากาสายะ และออกเดินทางไปหาพระพุทธเจ้าถึงที่นั่นเพื่อทูลขออุปสมบท และในวาระนี้เองด้วยอุบายของพระอานนท์ในการช่วยเข้าไปกราบทูลขอพระพุทธเจ้า พระนางจึงได้อุปสมบทเป็นภิกษุณีแต่ต้องรับ “ครุธรรม 8 ประการ” ไปปฏิบัติ พระนางยินดีที่จะปฏิบัติตาม


คุรุธรรม 8 ประการ มีอะไรบ้าง

  1. แม้บวชมานานนับร้อยปีก็ต้องกราบไหว้ภิกษุ แม้บวชในวันนั้น
  2. ต้องจำพรรษาอยู่ในวัดที่มีภิกษุ
  3. ต้องไปถามวันอุโบสถและรับฟังโอวาทจากภิกษุทุกกึ่งเดือน
  4. ต้องปวารณาในสงฆ์สองฝ่ายหลังจำพรรษาแล้ว (ออกตัวให้ติเตียนได้)
  5. ต้องประพฤติมานัต (ออกจากกรรม) ในสงฆ์สองฝ่ายเมื่อต้องอาบัติหนัก
  6. ต้องเป็นสิกขมานา 2 ปี ก่อนจึงขออุปสมบทในสงฆ์สองฝ่ายได้
  7. ต้องไม่บริภาษด่าว่าภิกษุไม่ว่ากรณีใด ๆ
  8. จะว่ากล่าวตักเตือนภิกษุไม่ได้ แต่ภิกษุว่ากล่าวตักเตือนได้


*และในตอนท้ายพระสูตรพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงถึงเหตุผลไว้ว่าทำไมถึงไม่ให้สตรีบวชและเหตุที่ต้องบัญญัติคุรุธรรม


ข้อที่ #52_โอวาทสูตร ว่าด้วยคุณสมบัติของภิกษุผู้จะสอนภิกษุณี ต่อเนื่องมาจากคุรุธรรมในข้อที่ว่า “ต้องรับฟังโอวาทจากภิกษุทุกกึ่งเดือน” พระสูตรนี้จึงว่าด้วยคุณสมบัติของภิกษุผู้ที่จะสอนภิกษุณีต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

  1. เป็นผู้มีศีล สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
  2. เป็นพหูสูต แทงตลอดดีด้วยทิฏฐิ
  3. เป็นผู้ทรงจำ จำแนก ปาติโมกข์ทั้งสองได้ดี
  4. เป็นผู้มีวาจางาม เจรจาถ้อยคำไพเราะ ไม่มีโทษ 
  5. เป็นผู้สามารถชี้แจงภิกษุณีสงฆ์ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทานให้อาจหาญร่าเริงด้วยธรรมีกถา
  6. ที่รักเป็นที่ชอบใจของภิกษุณีโดยมาก
  7. ไม่เคยประพฤติล่วงครุธรรม 
  8. เป็นผู้มีพรรษา 20 หรือเกินกว่า


ข้อที่ #53_สังขิตตสูตร ว่าด้วยลักษณะธรรมวินัยโดยย่อ พระนางมหาปชาบดีโคตมีกราบทูลขอธรรมะโดยย่อที่เมื่อฟังแล้วจะสามารถนำไปปฏิบัติได้ดี (บรรลุธรรมได้เลย) พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมไว้เป็นคู่หรือสองฝั่ง


ธรรมที่เป็นฝั่งของพระผู้มีพระภาคเจ้า ≠ นั่นไม่ใช่ธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า

1.    ธรรมที่เป็นไปเพื่อคลายความกำหนัด ≠ ธรรมที่เป็นไปเพื่อกำหนัด

2.    ...เพื่อความพราก ≠ ...เพื่อความประกอบไว้

3.    ...เพื่อการไม่สะสม ≠ ...เพื่อการสะสม

4.    ...เพื่อความมักน้อย ≠ ...เพื่อความมักมาก

5.    ...เพื่อความสันโดษ ≠ ...เพื่อความไม่สันโดษ

6.    ...เพื่อความสงัด ≠ ...เพื่อความคลุกคลีหมู่คณะ

7.    ...เพื่อปรารภความเพียร ≠ ...เพื่อความเกียจคร้าน

8.    ...เพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย ≠ ...เพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต โคตมีวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
55 minutes 47 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
คุณสมบัติของอริยวงศ์ [6820-6t]

ข้อที่ #26_กุหสูตร ว่าด้วยภิกษุผู้หลอกลวง ภิกษุที่มีคุณสมบัติ 4 อย่างเหล่านี้ นับว่าห่างไกลจากธรรมวินัยนี้ ไม่มีความเจริญงอกงาม คือชอบหลอกลวง กระด้าง ประจบ ชอบวางท่าอวดดี มีจิตไม่ตั้งมั่น


ข้อที่ #27_สันตุฏฐิสูตร ว่าด้วยความสันโดษด้วยปัจจัย 4 กล่าวถึง ปัจจัยสี่ที่มีคุณสมบัติ “มีค่าน้อย หาได้ง่าย ไม่มีโทษ” ความเป็นอยู่แบบนี้สบายเหมาะแก่ความเป็นสมณะ เมื่อทำประจำนับว่าเป็นธุดงควัตร สามารถไปไหนก็ได้เหมือนนกมีปีก 


*สันโดษ คือ พอใจตามมีตามได้ แต่ไม่ใช่ขี้เกียจ สันโดษป้องกันจิตไม่ให้ติดกับดักของความอยาก ให้ตั้งไว้ในอิทธิบาท 4 สามารถมีเป้าหมายได้ ส่วนมักน้อย หมายความว่าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเรามีดีอะไร


ข้อที่ #28_อริยวังสสูตร ว่าด้วยอริยวงศ์ กล่าวถึงการเอาปัจจัย 4 เป็นตัวแปรแล้วกล่าวสรรเสริญ ไม่แสวงหาด้วยเหตุอันไม่ควร ไม่ยกตนข่มท่าน เพราะเหตุความสันโดษนั้น


ข้อที่ #29_ธัมมปทสูตร ว่าด้วยธรรมบท ธรรมที่ทำให้เป็นอริยวงศ์ คือ ความไม่เพ่งเล็ง ไม่พยาบาท มีสัมมาสติ มีสัมมาสมาธิ ซึ่งก็มาจากข้อภาวนานั่นเอง เป็นเรื่องของทางใจ


ข้อที่ #30_ปริพพาชกสูตร ว่าด้วยปริพาชก เมื่อมีคุณสมบัติความเป็นอริยวงศ์นั้นจะไม่มีใครคัดค้านได้ เป็นของเก่า ไม่ถูกลบล้าง


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต อุรุเวลวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
56 minutes 49 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
พุทธกิจในตำบลอุรุเวลา [6819-6t]

จตุกกนิบาต อุรุเวลวรรค หมวดว่าด้วยพุทธกิจในตำบลอุรุเวลา

ข้อที่ #21_ปฐมอุรุเวลสูตร ว่าด้วยพุทธกิจในตำบลอุรุเวลา สูตรที่ ๑ เป็นการรำพึงของพระพุทธเจ้าหลังตรัสรู้ว่า ควรเคารพยำเกรงในสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดหรือไม่ เพราะผู้ไม่เคารพไม่ยำเกรงสิ่งใดย่อมเป็นทุกข์ เมื่อใคร่ครวญแล้วไม่พบว่าสมณะใดมีความบริบูรณ์เท่า (ความบริบูรณ์ 4 อย่าง คือ ความบริบูรณ์แห่งสีลขันธ์, สมาธิขันธ์, ปัญญาขันธ์, วิมุตติขันธ์) จึงดำริที่จะเคารพในธรรมที่ตรัสรู้และเคารพในสงฆ์ที่มีคุณอันใหญ่ด้วย (หมู่พระอริยบุคคล) ท้าวสหมบดีพรหมที่คนยกย่องว่าเป็นผู้สร้างก็ยังเคารพธรรมนั้น


*ในข้อนี้จะเห็นว่า การเอาเป็นที่เคารพนั้นมีความต่างกับการยึดติดยึดถือ เพราะถ้ายึดถือ ทุกข์จะอยู่ตรงนั้น ทำให้เสียหลักได้


ข้อที่ #22_ทุติยอุรุเวลสูตร ว่าด้วยพุทธกิจในตำบลอุรุเวลา สูตรที่ ๒ พราหมณ์ได้มารุกรานถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “ทำไมพระองค์จึงไม่ลุกขึ้นไหว้ ต้อนรับ เชื้อเชิญพราหมณ์ผู้เป็นผู้ใหญ่” เพราะด้วยความไม่รู้ความเป็นเถระของพราหมณ์ พระพุทธเจ้าตอบพราหมณ์ว่า อย่างไรจึงเรียกว่าเถระ เถระไม่ได้ดูจากอายุเท่านั้น ธรรมที่ทำให้ชื่อว่าเถระมาจาก การมีศีล เป็นพหูสูตร ได้ฌานทั้ง 4 และเป็นอรหันต์


*ตรงนี้ทำให้พุทธองค์เห็นว่า ธรรมนี้ยากที่สัตว์โลกจะรู้ตาม จึงขวนขวายน้อย ท้าวสหมบดีพรหมจึงมากล่าวอาราธนาให้แสดงธรรม


ข้อที่ #23_โลกสูตร ว่าด้วยโลก 4 นัยยะแห่งการเรียกว่า “ตถาคต” คือ 1. รอบรู้เรื่องโลก (ทุกข์) ในนัยยะของอริยสัจ 4 (กิจในอริยสัจ) 2. คำสอนตั้งแต่ตรัสรู้จนปรินิพพานล้วนลงกัน 3. กล่าวอย่างไรทำอย่างนั้น ทำอย่างไรกล่าวอย่างนั้น 4. เป็นผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีใครข่มเหงได้ในโลก


ข้อที่ #24_กาฬการามสูตร ว่าด้วยพุทธกิจในกาฬการาม ความเป็นผู้คงที่ (ไม่หวั่นไหวเพราะโลกธรรม 8 ) ของพระพุทธเจ้านั้นปราณีตมาก ความไม่สำคัญ คือ ไม่สำคัญว่าได้... ว่าไม่ได้... ว่าต้องได้...ว่าเป็นผู้ได้... ไปใน 4 สถานะ (อายตนะภายนอก 6 ) เท่ากับไม่สะดุ้งสะเทือนไปตามสิ่งที่รู้ คือ สักแต่ว่ารู้ จึงเหนือโลก


ข้อที่ #25_พรหมจริยสูตร ว่าด้วยการประพฤติพรหมจรรย์ จะเห็นถึงคำสอนนี้เป็นไปเพื่อสำรวมระวัง เพื่อละ เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับทุกข์ ไม่ใช่เพื่อลาภสักการะ หรือลวงคน สามารถยืนยันได้ว่า สิ่งนี้มีในเรา สิ่งนี้ไม่มีในเราได้ เป็นความมั่นใจ


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต อุรุเวลวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
55 minutes 54 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
สตรีผู้เป็นบัณฑิต [6818-6t]

หญิงมาตุคาม (สตรี) ผู้อยู่ครองเรือน ที่ประกอบด้วยธรรม 8 ประการนี้ ย่อมหวังสุขได้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า 


ในข้อที่ 46-48 เป็นการปรารภถึง “เหล่าเทวดามนาปกายิกา” (เทวดาชั้นนิมมานรดี) ซึ่งเนรมิตกายได้ตามปรารถนา และมีเสียงดนตรีอันไพเราะที่เกิดจากการกระทบกันของเครื่องประดับ ซึ่งในแต่ละพระสูตรกล่าวถึงสถานที่และบุคคลที่แตกต่างกันออกไป โดยได้ยกถึงธรรม 8 ประการที่เป็นเหตุให้มาตุคามได้ความเป็นเทวดามนาปกายิกา ได้แก่

  1. ตื่นก่อนนอนทีหลัง ปฏิบัติรับใช้ให้เป็นที่พอใจ พูดคำไพเราะต่อสามี
  2. บูชา นับถือ เคารพ บุคคลที่สามีเคารพบูชา
  3. ขยันไม่เกียจคร้าน จัดการดูแลการงานในบ้านให้เรียบร้อย (แม่เจ้าเรือน)
  4. รู้จักดูแลคนงานในบ้าน 
  5. รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ ไม่เล่นพนัน ไม่เป็นโขมย ไม่ล้างผลาญทรัพย์
  6. มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ (ที่ระลึกถึง)
  7. มีศีลห้าเป็นปกติ
  8. มีใจปราศจากความตระหนี่ (จาคะ)


ข้อที่ #46_อนุรุทธสูตร ว่าด้วยพระอนุรุทธะ ที่โฆสิตาราม เขตกรุงโกสัมพี พระอนุรุทธะออกจากหลีกเร้น ได้เข้าไปกราบทูลถามพระผู้มีพระภาคถึงธรรมที่ทำให้มาตุคามได้ไปเกิดเป็นเทวดามนาปกายิกา โดยได้ปรารภถึงเหล่าเทวดามนาปกายิกาที่ได้มาปรากฏตัวต่อพระอนุรุทธะ และได้แสดงความมีอำนาจในการเนรมิตกาย (วรรณะ) เสียง และความสุข ได้ตามความปรารถนา โดยพระผู้มีพระภาคได้แสดงธรรม 8 ประการที่มาตุคามปฏิบัติจะได้เข้าร่วมความเป็นเทวดามนาปกายิกา


ข้อที่ #47_ทุติยวิสาขาสูตร ว่าด้วยนางวิสาขา สูตรที่ ๒ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงได้ตรัสแสดงธรรม 8 ประการนี้แก่ นางวิสาขามิคารมาตา ในบุพพาราม เขตกรุงสาวัตถี


ข้อที่ #48_นกุลมาตาสูตร ว่าด้วยนกุลมาตาคหปตานี พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงได้ตรัสแสดงธรรม 8 ประการนี้แก่ นกุลมาตาคหปตานี ณ เภสกฬามิคทายวัน เขตกรุงสุงสุมารคิระ 


ในข้อที่ #49_ปฐมอิธโลกิกสูตร และ #50_ทุติยอิธโลกิกสูตร ว่าด้วยธรรมที่เป็นไปเพื่อชัยชนะในโลกนี้ สูตรที่ ๑-๒ ได้กล่าวถึงธรรมที่ให้สุขปัจจุบันและในโลกหน้าของหญิงมาตุคาม โดยแยกแสดง 4 ประการแรกที่ให้ผลในปัจุบัน ได้แก่

  1. จัดการงานดี
  2. สงเคราะห์คนข้างเคียง 
  3. ปฏิบัติถูกใจสามี
  4. รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้


และธรรม 4 ประการหลังที่มีผลในโลกหน้า คือ

  1. ถึงพร้อมด้วยศรัทธา
  2. ถึงพร้อมด้วยศีล 
  3. ถึงพร้อมด้วยจาคะ
  4. ถึงพร้อมด้วยปัญญา


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต อุโปสถวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
58 minutes 14 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
อคติ - ความลำเอียง [6817-6t]

ข้อที่ #15_ปัญญัตติสูตร ว่าด้วยการบัญญัติสิ่งที่เลิศ เป็นการบัญญัติ 4 สิ่งที่มีความเป็นเลิศในส่วนของตน นั่นคือพระราหูผู้มีอัตภาพใหญ่สุดในบรรดาสัตว์ พระเจ้ามันธาตุเลิศที่สุดในผู้เสพกาม เพราะสามารถเสพกามที่เป็นทั้งของมนุษย์และสวรรค์ ทั้งยังไม่มีความอิ่มในกามนั้น มารบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ครองโลก เพราะควบคุมผู้อื่นไว้ด้วยกาม และพระพุทธเจ้าผู้เป็นเลิศในโลก เพราะอยู่เหนือกิเลสได้


ข้อที่ #16_โสขุมมสูตร ว่าด้วยโสขุมมญาณ กล่าวถึงความละเอียดประณีต ความเชี่ยวชาญในญาณแต่ละขั้น ไล่ไปตั้งแต่รูปภพที่มีกาม อรูปภพที่มีเวทนาและสัญญา และที่ยิ่งขึ้นไปอีกคือแม้แต่สัญญาเวทนาก็ดับไป ยังคงมีแต่สังขาร นั่นคือสมาธิขั้นสูงสุดนั่นเอง เราจะสามารถพัฒนาให้มีญาณที่ละเอียดลงไปได้ก็ด้วยการเห็นความไม่เที่ยง ความจางคลายความดับไปของสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นสุขนั้น ถ้าเห็นโทษก็จะข้ามพ้นไปได้ ความละเอียดก็จะมากขึ้น


ข้อที่ #17-20 ปฐม / ทุติย / ตติยอคติสูตร และภัตตุทเทสกสูตร โดยในแต่ละพระสูตรนั้นว่าด้วยเรื่องของ “อคติ 4” คือ ความลำเอียง 4 ประการ กล่าวถึงบุคคลย่อมเข้าถึงอคติหรือไม่เข้าถึงอคติ อคติ 4 ประการ ได้แก่

1.    ฉันทาคติ (ลำเอียงเพราะชอบ)

2.    โทสาคติ (ลำเอียงเพราะชัง)

3.    โมหาคติ (ลำเอียงเพราะหลง)

4.    ภยาคติ (ลำเอียงเพราะกลัว)


“บุคคลใดละเมิดความชอบธรรม เพราะฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ ภยาคติ ยศของบุคคลนั้นย่อมเสื่อม ดุจดวงจันทร์ข้างแรมฉะนั้น
ส่วนบุคคลใดไม่ละเมิดความชอบธรรม เพราะฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ ภยาคติ ยศของบุคคลนั้นย่อมบริบูรณ์ ดุจดวงจันทร์ข้างขึ้นฉะนั้น”           


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต จรวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
54 minutes 56 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
ศีลอุโบสถ [6816-6t]

“อุโบสถ” หมายถึง กาลเป็นที่เข้าจำ (คือกาลเป็นที่เข้าไปอยู่โดยการถือศีล) และคำว่า “ศีลอุโบสถ” จึงหมายถึง การเข้าจำรักษาศีล 8 ของอุบาสกและอุบาสิกาในวันขึ้นและแรม 8 ค่ำ 15 ค่ำของทุกเดือน หรือที่เรียกกันว่า “รักษาอุโบสถศีล”


ใน อุโปสถวรรค หมวดว่าด้วยอุโบสถ โดยพระสูตรที่ 41-45 คือใน 5 พระสูตรนี้ กล่าวถึงหลักธรรม 8 ประการที่เหมือนกัน ก็คือศีล 8 โดยปรารภคุณของพระอรหันต์ คือพระอรหันต์ย่อมละเว้นขาดจาก 

1.    การฆ่าสัตว์ 

2.    การลักทรัพย์

3.    เมถุนธรรม

4.    การพูดเท็จ

5.    เสพของมึนเมา

6.    การฉัน (บริโภค) ตอนกลางคืน

7.    การละเล่นและดูการละเล่น การประดับตกแต่งร่างกาย และเครื่องประทินผิว

8.    การนอนที่นอนสูงใหญ่


แต่ละพระสูตรนั้นจะมีรายละเอียดในเรื่องของสถานที่ บุคคล และผลอานิสงส์ที่เหมือนและต่างกันออกไป 


*ศีล 8 แตกต่างจากศีล 5 คือ ศีล 8 เป็นศีลที่เป็นไปเพื่อการประพฤติพรหมจรรย์เพื่อการหลีกออกจากกาม แต่ศีล 5 ยังเกี่ยวเนื่องด้วยกามอยู่


ข้อที่ #41_สังขิตตุโปสถสูตร ว่าด้วยอุโบสถโดยย่อ กล่าวถึง การรักษาศีล 8 ย่อมมีผลมีอานิสงส์มาก โดยตรัสกับภิกษุทั้งหลายที่พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี


ข้อที่ #42_ตถตุโปสถสูตร ว่าด้วยอุโบสถโดยพิสดาร โดยได้เปรียบเทียบอานิสงส์ของการรักษาศีล 8 ไว้กับความสุขของมนุษย์ เช่น พระราชายังมีความสุขไม่ถึงเสี้ยวของผู้ที่รักษาศีล 8 โดยได้เปรียบเทียบสุขของมนุษย์ (เป็นของเล็กน้อย) ไว้กับสุขอันเป็นทิพย์ไว้ดังนี้

•    50 ปีของมนุษย์เท่ากับ 1 วันของเทวดาชั้นจาตุมหาราช (มีอายุ 500 ปีทิพย์)

•    100 ปีของมนุษย์เท่ากับ 1 วันของเทวดาชั้นดาวดึงส์ (มีอายุ 1000 ปีทิพย์)

•    200 ปีของมนุษย์เท่ากับ 1 วันของเทวดาชั้นยามา (มีอายุ 2,000 ปีทิพย์)

•    400 ปีของมนุษย์เท่ากับ 1 วันของเทวดาชั้นดุสิต (มีอายุ 4,000 ปีทิพย์)

•    800 ปีของมนุษย์เท่ากับ 1 วันของเทวดาชั้นนิมมานรดี (มีอายุ 8,000 ปีทิพย์)

•    1,600 ปีของมนุษย์เท่ากับ 1วันของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตดี (มีอายุ 16,000 ปีทิพย์)


ในพระคาถาท้ายพระสูตรได้กล่าวถึงอานิสงส์ของผู้ที่รักษาอุโบสถศีล (ศีล 8) ว่า “ทำบุญที่มีสุขเป็นกำไร ไม่ถูกนินทา ย่อมเข้าถึงสวรรค์”


ข้อที่ #43_วิสาขาสูตร ว่าด้วยทรงแสดงอุโบสถแก่นางวิสาขา กล่าวถึงอานิสงส์ของการรักษาศีล 8 ซึ่งเหมือนกับตถตุโปสถสูตร แต่พระสูตรนี้ทรงตรัสกับ “นางวิสาขามิคารมาตา” ในบุพพาราม เขตกรุงสาวัตถี


ข้อที่ #44_วาเสฏฐสูตร ว่าด้วยอุบาสกชื่อว่าวาเสฏฐะ เหมือนกันกั วิสาขาสูตร แต่ทรงตรัสกับอุบาสกชื่อว่า “วาเสฏฐะ” ที่กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตกรุงเวสาลี โดยกล่าวเสริมในตอนท้ายว่า เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดา และมนุษย์


ข้อที่ #45_โพชฌาสูตร ว่าด้วยอุบาสิกาชื่อว่าโพชฌา เหมือนกันกับวิสาขาสูตร แต่ทรงตรัสกับอุบาสิกาชื่อว่า “โพชฌา”


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต อุโปสถวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
4 months ago
57 minutes 31 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
บุคคลผู้มีศีล [6815-6t]

ข้อที่ #11_จรสูตร ว่าด้วยอิริยาบถเดิน กล่าวถึงผู้ที่ปล่อยให้อกุศลวิตก 3 คือ ความคิดตริตรึกไปในทางกาม พยาบาท เบียดเบียน เกิดขึ้นในขณะที่อยู่ในอิริยาบถ 4 คือ เดิน ยืน นั่ง หรือนอน (ตื่นอยู่) และไม่พยายามละ ไม่บรรเทา ไม่ทำให้หมดสิ้นไป กล่าวได้ว่า “ผู้นั้นเป็นผู้เกียจคร้าน มีความเพียรย่อหย่อน” ส่วนผู้ใดพยายามละ บรรเทา ทำให้หมดสิ้นไป ผู้นั้นเป็น “ผู้ปรารภความเพียร” 


*ข้อสังเกต แม้มีอกุศลวิตกเกิดขึ้น แต่ไม่เพลิน ไม่ปล่อยใจให้ตกไปในอกุศล พยายามละ บรรเทาให้เบาบาง ถึงแม้ว่าจะทำอกุศลนั้นให้หมดสิ้นไปเลยยังไม่ได้ แต่ขึ้นชื่อว่า “เป็นผู้มีสติ ปรารภความเพียรอยู่” แม้ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดที่ไหนก็สามารถทำได้


ข้อที่ #12_สีลสูตร ว่าด้วยบุคคลผู้มีศีล กล่าวถึงบุคคลผู้มีสติสัมปชัญญะ สำรวมระวัง มีความเพียรในการรักษาศีลให้เต็มบริบูรณ์ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถ เดิน ยืน นั่ง หรือนอน ก็ตาม สามารถที่จะทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ เพราะศีลย่อมเป็นบาทฐานทำให้จิตเป็นสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิก็สามารถละนิวรณ์ 5 ได้ 


*ประเด็น ศีลบริบูรณ์ย่อมยังสมาธิให้บริบูรณ์ขึ้นมาได้ คือ สามารถทำสมาธิได้ในทุกอิริยาบถ


ข้อที่ #13_ปธานสูตร ว่าด้วยสัมมัปปธาน “สัมมัปปธาน” คือ ความกล้าความเพียรที่ทำจริงแน่วแน่จริง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ ส่วนที่เป็นกุศล ถ้ายังไม่มีควรทำให้มี ที่มีอยู่แล้วให้ทำให้เจริญ และฝ่ายอกุศลที่มีอยู่เดิมให้ละ ที่ยังไม่มีอย่าให้เข้ามา


ข้อที่ #14_สังวรสูตร ว่าด้วยสังวรปธาน เป็นพระสูตรที่มีความเกี่ยวเนื่องสอดคล้องกับปธานสูตร เพราะกล่าวถึงวิธีในการละ ป้องกัน รักษา และทำให้เจริญ ไว้ดังนี้

  • สังวรปธาน คือ การสำรวมอินทรีย์ไม่ให้อกุศลใหม่เข้ามา 
  • ปหานปธาน คือ เพียรด้วยการละ 
  • ภาวนาปธาน คือ การพัฒนาโพชฌงค์ 7 
  • อนุรักขนาปธาน คือ เพียรรักษาสมาธินิมิตในการเห็นอสุภสัญญา เห็นอสุภแล้วยังรักษาสมาธิได้ นั่นคือรักษาได้


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต จรวรรค


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
4 months ago
54 minutes 20 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
ห้วงแห่งบุญกุศล [6814-6t]

ข้อที่ #38_ สัปปุริสสูตร ว่าด้วยคุณประโยชน์ของสัตบุรุษ สัตบุรุษ (คนดี) ย่อมเกิดมาเพี่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อสุขแก่คนหมู่มาก กล่าวคือเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อสุขแก่มารดาบิดา บุตรภรรยา ทาส กรรมกร คนใช้ มิตรและอำมาตย์ (เพื่อนสนิท) ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว พระราชา เหล่าเทวดา และสมณพราหมณ์


ข้อที่ #39_อภิสันทสูตร ว่าด้วยห้วงบุญกุศล "ห้วงบุญกุศล" ในที่นี้หมายถึงผลแห่งบุญกุศลซึ่งหลั่งไหลนำความสุขมาสู่ผู้บำเพ็ญอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เป็นไปเพื่อให้ได้อารมณ์ดี มีสุขเป็นผล มีผัสสะใดมากระทบก็อารมณ์ดีได้เพราะจิตอยู่ในห้วงของบุญ เป็นลักษณะอารมณ์ของฌาน 2 (ปิติสุข) ห้วงบุญกุศล 8 ประการนี้ ได้แก่อะไรบ้าง คือ เป็นผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะและเป็นผู้มีมหาทาน (คือ มีศีล 5) 


ข้อที่ #40_ทุจจริตวิปากสูตร ว่าด้วยวิบากแห่งทุจริต ผลแห่งการกระทำที่ไม่ดี ทุจริต 8 ประการนี้ ย่อมมีผลทำให้เกิดในนรก สัตว์ดิรัจฉาน เปรตวิสัย และส่งผลวิบากอย่างเบาซึ่งได้แก่ ผลจากการฆ่าสัตว์ - ทำให้เป็นผู้มีอายุน้อย, การลักทรัพย์ - ทำให้เป็นผู้เสื่อมโภคทรัพย์, การประพฤติผิดในกาม - เป็นผู้มีศัตรูและเป็นผู้มีเวร, การพูดเท็จ - ถูกกล่าวตู่ด้วยคำไม่จริง, การพูดส่อเสียด - แตกจากมิตร, การพูดหยาบคาย - ให้ได้ฟังเรื่องที่ไม่น่าพอใจ, การพูดเพ้อเจ้อ - มีวาจาที่ไม่น่าเชื่อถือ, การดื่มสุราและเมรัย -ให้เป็นผู้วิกลจริต


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต ทานวรรค 


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
4 months ago
57 minutes 18 seconds

6 ขุดเพชรในพระไตรปิฏก
ในพระไตรปิฏกมีอะไร ทำความเข้าใจไปทีละข้อ, เปิดไปทีละหน้า, ให้จบไปทีละเล่ม, พบกับพระอาจารย์พระมหาไพบูลย์ อภิปุณโณ และ คุณเตือนใจ สินธุวณิก, ล้อมวงกันมาฟัง มั่วสุมกันมาศึกษา จะพบขุมทรัพย์ทางปัญญา ในช่วง "ขุดเพชรในพระไตรปิฏก". New Episode ทุกวันเสาร์ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.