Home
Categories
EXPLORE
True Crime
Comedy
Society & Culture
Business
Health & Fitness
Technology
Sports
About Us
Contact Us
Copyright
© 2024 PodJoint
Loading...
0:00 / 0:00
Podjoint Logo
US
Sign in

or

Don't have an account?
Sign up
Forgot password
https://is1-ssl.mzstatic.com/image/thumb/Podcasts116/v4/3a/43/09/3a4309fb-2278-d144-9de9-06270a8451de/mza_16103076572410334540.jpg/600x600bb.jpg
1 สมการชีวิต
ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana
330 episodes
1 day ago
นำ "โจทย์" จากชีวิตจริงมาวิเคราะห์แจกแจง, เปิดประเด็นปัญหา ขุดคุ้ยคำตอบที่ซ่อนอยู่ แล้วปรับสมดุลย์ด้วยสัจจะธรรม เพื่อให้เห็นเส้นทางดำเนินต่อไปในชีวิต ในช่วง "สมการชีวิต". New Episode ทุกวันจันทร์ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
Health & Fitness
RSS
All content for 1 สมการชีวิต is the property of ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana and is served directly from their servers with no modification, redirects, or rehosting. The podcast is not affiliated with or endorsed by Podjoint in any way.
นำ "โจทย์" จากชีวิตจริงมาวิเคราะห์แจกแจง, เปิดประเด็นปัญหา ขุดคุ้ยคำตอบที่ซ่อนอยู่ แล้วปรับสมดุลย์ด้วยสัจจะธรรม เพื่อให้เห็นเส้นทางดำเนินต่อไปในชีวิต ในช่วง "สมการชีวิต". New Episode ทุกวันจันทร์ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
Health & Fitness
Episodes (20/330)
1 สมการชีวิต
วิธีรับมือกับสถานการณ์ที่ยากต่อการตัดสินใจ [6831-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: ทำงานที่ใหม่/ที่เดิม

- ผู้ฟังท่านนี้ได้รับข้อเสนอจากที่ทำงานใหม่ที่ดีกว่าที่เดิม แต่ก็ลังเลใจเพราะที่ทำงานเดิมก็ดีอยู่แล้ว จึงปรึกษาคนรอบข้าง แต่ก็ได้รับความเห็นต่างกัน จึงตัดสินใจไม่ได้

- สภาวะกำกวม กังวลใจ ความสับสน ความไม่แน่ใจ ความไม่มั่นใจ ความเคลือบเคลืองสงสัย เห็นแย้ง เรียกว่า “วิจิกิจฉา”  


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: ปัญญากับสถานการณ์ที่ยากต่อการตัดสินใจ

ตัวเรา คือ คนที่รู้ตัวเราดีที่สุดว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร ต้องการสิ่งไหน จะดำเนินชีวิตไปอย่างไร แต่ที่ตัดสินใจไม่ได้ เพราะจิตของเราไม่ได้ตั้งอยู่ในสถานะที่จะบอกได้ เพราะยังมีความไม่ลงใจ มีความเคลือบแคลงใจ เรียกว่า “วิจิกิจฉา” ซึ่งทางออกของปัญหานั้น คือ “ทางสายกลาง”


ทางสายกลาง = มัชฌิมาปฏิปทา องค์ประกอบอันประเสริฐ 8 อย่าง (ศีล สมาธิ ปัญญา)

- การตัดสินใจไม่ได้ เป็นมิจฉาสังกัปปะ ยังไม่อยู่ในทางสายกลาง

- ความขัดแย้งกันในตัวเอง ต้องใช้ปัญญาเท่านั้นจึงจะเข้าใจ

- “ปัญญา” เกิดได้ด้วยการคิดอย่างเป็นระบบตามอริยสัจสี่ (โยนิโสมนสิการ) ด้วยจิตอันเป็นสมาธิ เรียกว่า การพิจารณา เมื่อพิจารณาแล้วก็จะเกิดปัญญา


วิธีทำให้เกิดปัญญา (ทำให้จิตว่าง) 2 วิธี

วิธีที่ 1 นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 

- จิตจะเกิดความสบายใจ เพราะเมื่อเราตริตรึกเรื่องไหน จิตจะน้อมไปในเรื่องนั้น จิตน้อมไปในเรื่องไหน สิ่งนั้นจะมีพลัง

- เมื่อเรานึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างถูกต้องดีงาม ประกอบด้วยปัญญา อันเป็นศรัทธาที่ใช่แล้ว เราจะมีปีติสุข คือ ความอิ่มเอิบใจ ความสบายใจเกิดขึ้นในภายใน ความเครียด ความกังวลใจ ภายในใจ ก็จะหยุดลงครู่หนึ่ง ณ จังหวะนั้น เราหยุดความกังวลใจได้ หยุดสิ่งที่ไม่ควรทำได้ และเราก็จะสามารถทำสิ่งที่ควรทำ ควรเจริญ ให้เกิดขึ้นได้ ณ จุดนั้น แล้วก็ต้องรักษาสภาวะแบบนี้ไว้ ก็จะไม่กลับไปกังวลใจอีก

วิธีที่ 2 เจริญพรหมวิหาร 4 

- เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา


วิธีพิจารณาสถานการณ์ที่ยากต่อการตัดสินใจ

- เมื่อจิตสงบแล้ว ให้ยกเอาสิ่งสถานการณ์ที่เป็นปัญหาขึ้นมาพิจารณา ทีละทางเลือก ด้วยจิตอันสงบ แล้วสังเกตดูจิตของเราว่าแจ่มใสขึ้น หรือเศร้าหมองลง ร้อนหรือเย็น ทำ 3 ครั้ง 3 วัน จดไว้ แล้วตัดสินใจตามนั้น อย่าเปลี่ยนการตัดสินใจอีก เดินหน้าอย่างเดียว

- การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ทุกข์ก็มี สุขก็มี ต้องเจอปัญหา ปรับตัว ให้มีการพัฒนา บ่มเพาะให้จิตใจมีความเข้มแข็ง เรียนรู้จากประสบการณ์


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 day ago
47 minutes 54 seconds

1 สมการชีวิต
พระสงฆ์ สีกา กับ วิกฤตแห่งศรัทธา [6830-1u]

Q1: พระสงฆ์ สีกา กับ วิกฤติแห่งศรัทธา

A: พระพุทธเจ้าบัญญัติ “พระวินัย” เพื่อให้คนที่ยังไม่มีศรัทธา ให้มีศรัทธา ให้คนที่มีศรัทธาอยู่แล้ว ให้มีศรัทธามากยิ่งขึ้น เพราะมีพระวินัย พระพุทธศาสนาจึงดำรงมาได้จนถึงทุกวันนี้

แง่มุมที่ 1 = เป็นเรื่องที่ดี ที่อุบาสก อุบาสิกา ในปัจจุบัน ยังมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า พฤติกรรมเสพเมถุนของพระสงฆ์กับสีกาในข่าว เป็นสิ่งไม่ดี ซึ่งเป็นกระบวนการป้องกันการประพฤติมิชอบในศาสนา


แง่มุมที่ 2 = ความมหัศจรรย์ของธรรมวินัย จะมีกระบวนการกำจัดคนไม่ดีออกไป คนทุศีล จะอยู่ไม่ได้ พระพุทธเจ้าเปรียบไว้ เหมือนทะเลจะไม่อยู่รวมกับซากศพหรือเศษสิ่งของ ที่จะถูกพัดให้เกยตื้นขึ้นฝั่งเสมอ 


แง่มุมที่ 3 = การปล่อยให้คนไม่ดีอยู่ในหมู่สงฆ์ ก็จะดึงคนอื่นไปไม่ดีด้วย (อ้างได้ว่าคนอื่นก็ทำ) ดังนั้น การตัดคนไม่ดีออกจากระบบ จะทำให้คนอื่นไม่ถูกดึงไปในทางเสื่อมด้วย 

- เรื่อง อาบัติ ไม่ได้มีไว้เพื่อเพ่งโทษ แต่เป็นกรอบเพื่อแยกแยะเรื่องดี เรื่องไม่ดี ถ้าไม่ดี ก็ให้แก้ไขปรับปรุง

- อาบัติหนัก = การกระทำที่ผิดพลาด ซึ่งมีกระบวนการแก้ไขได้ยาก เช่น อาบัติสังฆาทิเสส (ต้องติดคุกพระ 6 วัน และต้องนิมนต์พระ 20 รูป มาเพื่อรับฟัง และแก้ไข), อาบัติปาราชิก (เช่น เสพเมถุน ขโมยของ ฆ่ามนุษย์ อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน ต้องขาดจากความเป็นพระ)

- แม้อาบัติหนัก จะแก้ไขได้ยากหรือแก้ไขไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ตกนรกเสมอไป ถ้าปรับปรุงตนเองเป็นฆราวาส รักษาศีล 8 อย่างดี หรือบวชเป็นเณร รักษาศีล 10 อย่างดี ก็สามารถบรรลุธรรมได้


แง่มุมที่ 4 = คำว่า “สีกา” มาจาก อุบาสิกา, คำว่า “ประสก” มาจาก อุบาสก


แง่มุมที่ 5 = จุดเกิดการแก้ไขปรับปรุงตน คือ ตนเตือนตน, คนอื่นเตือนตน, โดนโพสต์ลงโซเซียล, ถูกองค์กรวินิจฉัย, ตกนรก


แง่มุมที่ 6 = การทำผิดศีล เกิดจาก “กิเลส” ล่อลวง ด้วยชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ เพศตรงข้าม 


แง่มุมที่ 7 = โทษของการศรัทธาในตัวบุคคล 5 อย่าง 1. เสียความเลื่อมใส 2. ติเตียน 3. เสียใจ 4. เสื่อมจากสัทธรรม 5. เสื่อมศรัทธา 

- “ศรัทธา” จึงต้องประกอบด้วย “ปัญญา” เสมอ กล่าวคือ ศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า (ไม่ใช่ตัวพระพุทธเจ้า) (พุทโธ) ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า (ธัมโม) และศรัทธาในการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ของพระสงฆ์หรือใครก็ได้ (สังโฆ)

- ปัจจุบัน พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยังคงมีอยู่ ไม่ได้หายไปไหน หากเห็นด้วยปัญญาเช่นนี้ นั่นคือ อจลศรัทธา เป็นศรัทธาที่ไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลน


Q2: การลาสิกขา

A: การลาสิขา จะสำเร็จประโยชน์ต่อเมื่อ มีบุคคลที่เป็นพระสงฆ์ (ที่ไม่ปาราชิก) คนเดียว รับฟังว่า จะไม่อยู่เป็นพระแล้ว ขอลาสิกขา เพียงเท่านี้ ทำที่ไหนก็ได้ 

- ถ้าอาบัติปาราชิก บวชใหม่เป็นพระไม่ได้ แต่บวชเป็นเณรได้ ถ้าอาบัติอื่น บวชใหม่เป็นพระได้

- เรื่องเบาใจในศาสนานี้ยังมีอยู่ เช่น การเจริญเมตตา ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วเจริญพรหมวิหาร 4 แม้ชั่วลัดมือเดียว ก็ได้ชื่อว่าทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่เหินห่างจากฌานแล้ว จะมีนิพพานเป็นที่สุดจบได้นั่นเอง


Q3: ข้อปฏิบัติของพระสงฆ์ต่อสีกา

A: พระวินัย บัญญัติไว้แล้ว เช่น อย่ามอง, อย่าคุย, ถ้าต้องคุย ให้คุยเรื่องธรรมะ และห้ามเกิน 6 คำ, ถ้าต้องคุยเกิน 6 คำ ต้องมีผู้ชายอื่นอยู่ด้วย, ห้ามอยู่สองต่อสองในที่ลับหู ลับตา, ถ้าต้องอยู่สองต่อสองในที่ลับหู ลับตา หรือไม่ลับตา แต่ลับหู ก็ต้องยืน ห้ามนั่ง 

- ให้รักษาศีล ตรวจสอบตนเองอยู่เป็นประจำ สำรวมอินทรีย์ ไม่ประมาท ในธรรมวินัยนี้ เป็นคำสอนสำหรับผู้ตั้งเจตนาดี มีปัญญา มีศรัทธา รู้จักแก้ไขปรับปรุงตัว ก็จะไม่เสีย มีแต่เจริญ


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 week ago
51 minutes 40 seconds

1 สมการชีวิต
วิธีรับมือกับสิ่งไม่น่าพอใจ [6829-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง

- ผู้ฟังท่านนี้เป็นข้าราชการ ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง เพราะคนที่อาวุโสน้อยกว่า ความสามารถน้อยกว่า แต่มีเส้นสาย ได้รับการเลื่อนตำแหน่งข้ามตนเองไป แต่ผู้ฟังท่านนี้ก็อดทน ไม่โกรธ ตั้งใจทำงานต่อไปอย่างดี ต่อมา หัวหน้าแผนกอื่นเห็นความสามารถจึงชักชวนไปอยู่ที่ส่วนงานอื่น ท้ายที่สุด ผู้ฟังท่านนี้ก็ได้เลื่อนตำแหน่งและทำงานด้วยความสุขใจ

- การที่เราตั้งอยู่ในความดี รักษาความดีของตนไว้อยู่ตลอด ปรับปรุงแก้ไขตนเองให้ดีอยู่เสมอ เป็นกุศลกรรม เป็นประโยชน์ แม้จะมีสิ่งที่ไม่น่าพอใจเกิดขึ้นบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ความดีนั้นจะให้ผลแน่นอน แต่อาจออกมาในรูปแบบอื่นที่ไม่คาดคิดได้


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: วิธีรับมือกับสิ่งไม่น่าพอใจ 5 ประการ

- เมื่อพบเจอสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ต้อง “มีสติ” รู้ว่าความไม่น่าพอใจเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นให้ทำวิธีใดวิธีหนึ่งใน 5 วิธีนี้ เพื่อทำให้จิตใจตั้งอยู่ในกุศลธรรม กำจัดอกุศลธรรมออกไปจากใจ  

- วิธีที่ 1 คิดเรื่องอื่น = ให้คิดเรื่องอื่นในทางสว่าง ไม่ใช่ทางที่ผิดศีล ตัวอย่าง กรณีนางปฏาจารา กรณีนางวิสาขา 

- วิธีที่ 2 เห็นโทษของสิ่งที่ไม่น่าพอใจนั้น = ให้ละอกุศลธรรมในใจทันที ด้วยการเห็นโทษของสิ่งนั้น เช่น โทษของความโกรธ คือ ผิวพรรณไม่งาม นอนไม่เป็นสุข ได้รับความเสื่อม มีโภคทรัพย์น้อย ความไม่ดีเกิดขึ้นกับตน เสื่อมจากมิตร 

- วิธีที่ 3 ไม่นึกถึงเรื่องที่ไม่น่าพอใจนั้นเลย = เอาจิตไปเข้าสมาธิแทน ตัวอย่าง กรณีพระมหาปันถก

- วิธีที่ 4 มองแง่มุมอื่นที่เป็นกุศล = ตัวอย่าง กรณีพระปุณณะ ไปอยู่ที่เมืองสุนาปรันตะ กรณีเศรษฐีตีนแมว

- วิธีที่ 5 อดทนต่อสิ่งที่ไม่น่าพอใจ = เช่น การนั่งสมาธิ


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 weeks ago
59 minutes 7 seconds

1 สมการชีวิต
งานสำเร็จด้วยจิตเป็นสุข [6828-1u]

Q1: หลักธรรมนำองค์กรสู่ความสำเร็จ

A: หัวหน้าต้องมีสังคหวัตถุ 4 = ธรรมะที่จะประสานหมู่ชนให้สามัคคีกันได้ 

   1. ทาน = ให้ เสียสละ แบ่งปัน 

   2. ปิยวาจา = พูดจาดีต่อกัน ไม่ทิ่มแทง ไม่พูดคำหยาบ

   3. อัตถจริยา =ประพฤติประโยชน์ ช่วยเหลือกัน

   4. สมานัตตตา = มีตนเสมอกัน นัยแรก เสมอต้นเสมอปลายในทาน ปิยวาจา และอัตถจริยา นัยสอง มีเป้าหมายร่วมกัน นัยสาม มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรเช่นเดียวกับผู้อื่น

- หัวหน้าต้องมีพรหมวิหาร 4 = ธรรมะเพื่อการรักษาความเป็นผู้ใหญ่ของตน (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)

- บุคคลในองค์กรต้องมีอิทธิบาท 4 = ธรรมะเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา)


Q2: ทำงานอย่างไรให้จิตใจเป็นสุข

A: งานทุกอย่างสามารถสร้างกุศลธรรมให้เกิดขึ้นในงานนั้นได้ (ยกเว้นงานที่ทำผิดศีล) เช่น สร้างความดี รักษาศีล ทำสังควัตถุ 4 เจริญอิทธิบาท 4 มีพรหมวิหาร 4 เป็นต้น ให้ตั้งความพอใจไว้ตรงนี้ ก็จะเกิดสันตุฏฐี = ความสันโดษ (พอใจในสิ่งที่มี ไม่ไปตามอำนาจความอยาก) ทำให้รักษาจิตให้เป็นสุขได้ ส่งผลให้เจริญอิทธิบาท 4 ได้ดียิ่งขึ้น ก็จะนำไปสู่ความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ 


Q3: การทำงานเป็นทีม

A: นอกจากสังคหวัตถุ 4 แล้ว ต้องมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นด้วย

- หัวหน้าต่อลูกน้อง (ตามหลักทิศ 6) = ให้ของที่มีรสประหลาด ให้ทำงานตามกำลัง มีรางวัลวันหยุด ดูแลยามเจ็บไข้

- ลูกน้องต่อหัวหน้า (ตามหลักทิศ 6) = ทำงานเต็มที่ ไม่ถือเอาทรัพย์ที่เจ้านายไม่ได้ให้ มาทำงานก่อน เลิกงานทีหลัง 


Q4: ธรรมะสำหรับชีวิตคู่

A: ฆราวาสธรรม 4 = ธรรมะสำหรับผู้ครองเรือน

1. สัจจะ (ความจริง) = นัยแรก ให้ความจริงต่อกัน นัยสอง เห็นความจริงของโลก (อริยสัจ, อนิจจัง, อนัตตา)

2. ทมะ (การฝึกตน)) = ฝึกข่มบังคับใจตน ปรับเปลี่ยนตนเอง

3. ขันติ (ความอดทน) = อดทนต่อสิ่งที่ไม่น่าพอใจ พฤติกรรมที่ไม่ชอบ 

4. จาคะ (ความเสียสละ) 

- ความรักด้วยราคะ = ต้องการเงื่อนไขตอบแทน

- ความรักด้วยเมตตา = ไม่ต้องการเงื่อนไขใดตอบแทน ไม่มีประมาณ ไม่มีขอบเขต

- ความอดทนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของราคะซึ่งอยู่ไม่นิ่ง ความอดทนนั้นจะอยู่ได้ไม่นาน ทนได้แค่ไหน ก็อยู่ด้วยกันได้เท่านั้น 

- แต่ความอดทนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเมตตา ความอดทนนั้นจะตามมาด้วยพรหมวิหาร 4 ข้ออื่น รวมถึงอุเบกขา

- สามีภรรยาไม่สามารถเปลี่ยนอีกฝ่ายให้เป็นในแบบที่ “อยาก” ให้เป็นได้ จึงต้องฝึกจิตใจให้มีความมั่นคง จึงจะอดทนได้มาก หากมีความอยากมาก จิตใจก็จะไม่มั่นคง 


Q5: ภรรยา 7 ประเภท และหน้าที่ของสามี

A: ภรรยา 7 ประเภท

1. ภรรยาเสมอด้วยเพชฌฆาต = จ้องทำร้ายสามี

2. ภรรยาเสมอด้วยโจร = ขโมยของสามี, มีชู้

3. ภรรยาเสมอด้วยเจ้านาย = ชอบออกคำสั่งกับสามี

4. ภรรยาเสมอด้วยแม่ = คอยดูแล เตือนสามี 

5. ภรรยาเสมอด้วยพี่สาวน้องสาว 

6. ภรรยาเสมอด้วยเพื่อน

7. ภรรยาเสมอด้วยทาสี

- ข้อ 1-3 ไม่ดี ทำให้จิตใจตั้งอยู่ในทางอกุศล

- ข้อ 4-7 ดี ทำให้จิตใจตั้งอยู่ในทางกุศล


- หน้าที่ของสามีต่อภรรยา 5 ประการ

1. ยกย่องภรรยา 

2. ไม่ดูหมิ่นภรรยา 

3. ไม่ประพฤตินอกใจ 

4. มอบความเป็นใหญ่ในหน้าที่ให้ 

5. ให้เครื่องประดับ


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 weeks ago
51 minutes 18 seconds

1 สมการชีวิต
AI กับ Mindset สู่ความสำเร็จ [6827-1u]

Mindset ที่นำไปสู่ความสำเร็จ

1. แยกแยะประโยชน์และโทษ = ทุกสิ่งล้วนมีทั้งประโยชน์และโทษ มากน้อยไม่เท่ากัน ต้องเรียนรู้ให้ทัน ลงมือทำให้เร็ว ปรับเปลี่ยนให้ไว อย่ากลัวความผิดพลาด เพราะความผิดพลาดจะนำไปสู่การแก้ไขให้เกิดการพัฒนาได้ และต้องลงมือทำบ่อย ๆ อย่าคิดว่าทุกอย่างต้อง Perfect จึงไม่ลงมือทำ การปรับปรุงตนเองเพียงวันละ 1% นำไปสู่การพัฒนาตัวเองได้ 

- ตัวอย่าง พิษของงู นำมาทำเป็นเซรุ่ม 

- ตัวอย่าง AI มีโทษทำให้มนุษย์ไม่ได้ใช้ความคิดและมีปัญหาปฏิสัมพันธ์กับคน แม้ AI จะมีโทษ แต่ถ้าเข้าใจโทษของมันแล้ว อยู่กับโทษของมันให้ได้ พยายามลดโทษและพยายามสร้างประโยชน์จาก AI ก็จะได้รับประโยชน์

2. อย่ารักใครมากเกินไป อย่าเกลียดใครมากเกินไป = คนเราเปลี่ยนแปลงได้ อย่าไปยึดติด ความรักเป็นราคะ ความเกลียดเป็นโทสะ ต้องมีสติสัมปชัญญะ พิจารณาให้เห็นด้วยปัญญา เจริญพรหมวิหาร 4 

3. รู้จักปฏิเสธ = งานมาก ทางเลือกมาก ต้องเลือกให้ดี รู้จักปฏิเสธบ้าง จัดลำดับความสำคัญของงานให้ถูกต้อง ให้จิตใจมาจดจ่ออยู่กับงานที่สำคัญ

4. กินอาหารพอประมาณ = อย่ากินอาหารเต็มที่ ให้กินแค่ 80% ของท้อง อย่ากินบ่อย เพราะมีสารพิษในอาหารมาก มีเมนูมาเชิญชวนมาก ทำให้เกิดความมัวเมา เป็นทาสของอาหาร นำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่เกิดจากพฤติกรรมการกิน เช่น โรคกลุ่ม NCDs (เบาหวาน ความดัน หัวใจ ฯลฯ) เป็นต้น 

5. นอนเป็นเวลา = ตั้งเวลาเข้านอน ดีกว่าตั้งเวลาตื่น


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
4 weeks ago
59 minutes 28 seconds

1 สมการชีวิต
รักษาศีลแล้ว จะกินอะไร? [6826-1u]

Q1: แก้ความขัดแย้ง ด้วยสันติวิธี 

A: ต้องทำลายข้อจำกัดของแต่ละฝ่าย ด้วยการอยู่เหนือข้อจำกัดเหล่านั้น 

- สันติวิธี คือ 

  1. ตั้งสติ = ไม่เผลอเพลินไปตาม “อารมณ์” ชอบใจหรือไม่ชอบใจ มีความอดทนไม่ไปตามการยั่วยุ จะทำให้การตัดสินใจเป็นไปด้วย “เหตุผล”

  2. มีพรหมวิหาร 4 = โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เมตตา” และ “อุเบกขา”

  3. ไม่ทำผิดศีล = เช่น ไม่ฆ่า ไม่พูดโกหก

- การพูดปลุกกระแสให้มีความสามัคคีกัน เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ถ้าพูดเพื่อให้เกลียดอีกฝ่ายหนึ่ง จะเป็นวาจาที่ยุยงให้แตกกัน อย่าให้เป็นอย่างนั้น


Q2: รักษาศีลแล้ว จะกินอะไร?

A: คนเรามักจะอ้างว่าจำเป็นต้องทำผิดศีล ถ้าไม่ทำผิดศีลแล้ว จะเอาอะไรกิน? 

- คำตอบคือ ก็กินศีลที่คุณรักษานั่นแหละ 

- วิธีกินศีลให้อิ่ม คือ ให้ศีลที่รักษาไว้ออกผล

  1. ถ้าเรารักษาศีล ศีลจะรักษาเรา = เช่น มีความสุขกาย สุขใจ ไม่ทุกข์ในโรคภัยไข้เจ็บ ครอบครัวไม่แตกแยก

  2. เมื่อมีศีล จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง = แม้เจอผัสสะที่ไม่น่าพอใจ (เช่น ยอดขายตก) แต่เมื่อนึกถึงศีลแล้ว การตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ จะดีขึ้น จิตใจจะดีขึ้น เมื่อจิตใจดี มีความมั่นคงแล้ว จะสามารถตัดสินใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งการตัดสินใจนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของชีวิต เช่น ได้อาชีพใหม่ที่ไม่ผิดศีล ปัญหาในครอบครัวก็จะดีขึ้น ปัญหาต่าง ๆ ก็จะคลี่คลาย 


Q3: ลืมแก้บน 

A: หลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ไม่มีการอ้อนวอนขอร้อง หรือการบนบานศาลกล่าว มีแต่การตั้งเจตนา ตั้งอธิษฐาน ตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เกิดความสำเร็จ การตั้งเจตนาต่อหน้าพระพุทธรูปหรือสิ่งที่เคารพ ก็เพื่อให้เกิดความละอายที่จะล้มเลิกการสร้างเหตุนั้นกลางทาง

- ถ้าเคยบนบานศาลกล่าวไว้แต่จำไม่ได้ แล้วไม่สบายใจ ก็ทำตามที่บนในจุดที่สบายใจ ณ เวลานั้น แล้วกลับมาอยู่ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องว่าไม่มีการอ้อนวอนขอร้องหรือบนบานศาลกล่าว แต่ให้ตั้งเจตนา อธิษฐานสร้างเหตุในการที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ

- มีศรัทธา มีความเพียรแล้ว ต้องมีปัญญาด้วย ก็จะไม่งมงาย ไม่ถูกหลอก


Q4: ชอบเช่าพระเครื่อง 

A: เช่าพระมาหลายองค์ มีคนถามว่าตอนนี้ห้อยพระกี่องค์ แล้วองค์ที่เหลือจะห้อยตอนไหน คิดได้ จึงเลิกเช่าพระ = เกิดปัญญา เพราะมีกัลยาณมิตรให้เกิดกัลยาธรรม


Q5: ทุกสิ่งในโลก เป็นสิ่งสมมติ

A: ทุกสิ่งในโลก เป็นสิ่งสมมติ 

- สิ่งสมมติทั้งหลาย เกิดจากการปรุงแต่งของจิต 

- เมื่อเกิดความเพลิน ความพอใจ ในสิ่งสมมตินั้นแล้ว จะเกิดอุปาทาน (ความยึดถือ) 

- เมื่อสิ่งที่ยึดถือนั้นเกิดเปลี่ยนแปลงไป ก็จะเกิดความทุกข์ทันที 

- ดังนั้น ความทุกข์จึงเกิดจากความยึดถือ ยึดตรงไหน ทุกข์ตรงนั้น

- ทางแก้ = ไม่ใช่การกำจัดกองทุกข์ แต่ต้องกำจัดความยึดถือ ด้วยการเจริญศีล สมาธิ ปัญญา 



Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
53 minutes 40 seconds

1 สมการชีวิต
ปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน [6825-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: สุนัขตาย

- ความรัก ความชอบใจ ในสิ่งใด เป็นความเพลิน เป็นอุปาทาน (ความยึดถือ) จิตที่ยึดถือไว้กับสิ่งใด สิ่งนั้นจะเป็นตัวตน (อัตตา) ขึ้นมาทันที เมื่อสิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงไป ต้องพลัดพรากจากสิ่งนั้น จิตจะถูกฉีกออก แหวกออก กระชากออก จึงเกิดความรู้สึกที่เป็นความทุกข์ขึ้น

- ความยึดถือที่เป็นผลจากความทะยานอยาก อันเกิดจากความกำหนัดด้วยอำนาจแห่งความเพลิน ซึมซาบเข้ามาสู่จิต โดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะถูกอวิชชาบังไว้ ทำให้ตัณหาคืบคลานเข้ามา ทำให้จิตมีทุกข์

- อวิชชา เปรียบเหมือนยาพิษ ตัณหา ความทะยานอยาก ความยึดถือ เปรียบเหมือนลูกศร แทงเข้ามาในใจ

- ทางแก้ คือ ต้องถอนลูกศรออก ด้วยการตั้งสติไว้อยู่กับพุธโธ ธัมโม สังโฆ ลมหายใจ พิจารณากาย เป็นต้น และถอนยาพิษ ด้วยวิชชา (ความรู้) โดยใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริงว่า ทุกคนต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ที่พอใจ ทั้งสิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมมีการแตกดับไปเป็นธรรมดา เมื่อเกิดปัญญาเช่นนี้ อวิชชาจะคลายลง ความทุกข์ ความเศร้าโศกก็จะลดลง 


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: ปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน

- หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อเราถูกกระทำ (ด้วยอกุศลธรรม) อย่ากระทำต่อ (ด้วยอกุศลธรรม) เราจะแย่กว่า เพราะเปลี่ยนจากดีกลายเป็นไม่ดี การเอาความชั่วเข้าห้ำหั่นกับความชั่วมันง่าย แต่จบยาก ความชั่วจะยิ่งเพิ่มขึ้น เหมือนทำความสะอาดพื้นสกปรก ด้วยสิ่งสกปรก

- ปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน

1. ให้เรารักษาเขตแดนทั้งภายนอก (แผ่นดิน) และเขตแดนภายใน (จิต) ของเราไว้ให้ดี กล่าวคือ ให้รักษากุศลธรรมทางกาย (ไม่ฆ่า) ทางวาจา (พูดจาดี) ทางใจ (ไม่พยาบาท) ตัวอย่าง พระเจ้าวิฑูฑภะรบกับพวกเจ้าศากยะ โดยพวกเจ้าศากยะฝึกซ้อมรบไว้เพื่อป้องกันแต่จะไม่ฆ่า เช่น ยิงธนูป้องกัน หรือฟันไม่ตาย

2. เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร ด้วย “สังคหวัตถุ 4” คือ 1. ทาน 2. ปิยวาจา (พูดจาดี) 3. อัตถจริยา (ประพฤติประโยชน์แก่กัน) 4. สมานัตตตา (วางตนสม่ำเสมอ)

3. ใช้พรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) เพื่อหาทางออก 

- สงครามทั้งหลายที่ลงกันไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างถือในเหตุผลของตน แต่หากยอมลดเงื่อนไขลงหรือไม่มีเงื่อนไขเลย สถานการณ์ก็จะคลี่คลายได้ ทางออกของปัญหาก็จะปรากฏขึ้น

- พรหมวิหาร 4 ให้ได้โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีประมาณ และไม่มีขอบเขต จะทำให้จิตใจของอีกฝ่ายอ่อนลง จะมองเห็นทางออกของปัญหาได้ แต่ต้องระวังเรื่อง "เมตตาเสือตกบ่อ" ที่เมตตาต้องมาพร้อมกับอุเบกขาด้วย 

4. “ไม่ประมาท” ในเรื่องข่าว (ตามกระแสเกินไป, ปล่อยชะล่าใจเกินไป) การเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันตัว (คน, สิ่งของ, อาหาร, ยุทโธปกรณ์)

5. ใช้วิธีทางการทูตมากกว่าวิธีทางการทหาร (รบราฆ่าฟัน) ถ้าคุยกันไม่ได้ให้หยุดไว้ก่อน อย่าตัดสินใจด้วยอารมณ์ (ราคะ โทสะ โมหะ) หากทั้งสองฝ่ายเจรจากันด้วยจิตที่มีราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง มีสติสัมปชัญญะ ประกอบด้วยเมตตาและอุเบกขาแล้ว จะรักษาทั้งสองฝ่ายได้ เปลี่ยนความขัดแย้งให้เป็นความสามัคคีได้ เปลี่ยนทางตันให้เป็นทางออกได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายก็จะตกเป็นเครื่องมือของกิเลส ไม่มีใครชนะ แพ้ทั้งคู่


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
54 minutes 40 seconds

1 สมการชีวิต
การถวายเงินให้พระสงฆ์ [6824-1u]

Q1: การถวายเงินให้พระ

A: การถวายเงินให้วัด หากตั้งจิตเจาะจงให้กับหมู่สงฆ์ (หมู่แห่งผู้ฟังคำสอน ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ) ถือเป็นการตั้งเจตนาไว้ดีแล้ว แม้พระสงฆ์ผู้รับไว้แทนจะเป็นพระทุศีล อานิสงส์ผลบุญที่เกิดจากการให้ทานนั้น ยังให้ผลเท่าเดิม

- พระพุทธเจ้าทรงเปรียบศาสนาพุทธเหมือนทะเลด้วยอุปมา 8 ประการ หนึ่งในนั้น คือ อุปมาเหมือนทะเลจะไม่อยู่ร่วมกับซากศพ เศษซากต่าง ๆ จะถูกพัดขึ้นฝั่งทั้งหมด คนที่ทำไม่ดีในคำสอนนี้จะอยู่ไม่ได้ จะต้องถูกซัดออกจากศาสนา


Q2: ทำบุญชาตินี้ หวังผลชาติหน้า

A: การมองการณ์ไกลด้วยปัญญา คือ การมองเห็นอนาคตว่ายังต้องเจอทุกข์จากความแก่ เจ็บ ตาย รวมถึงชาติหน้ายังต้องเกิดแล้วเจอแบบนี้อีก ไปอีกหลายชาติ เมื่อเห็นดังนี้จะคิดต่อไปว่า วันนี้จะทำอะไร เพื่อให้เมื่อความแก่ เจ็บ ตาย มาถึงแล้ว จะยังเป็นผู้ที่ผาสุกอยู่ได้ จะทำอย่างไรไม่ให้ไปเกิดในชาติหน้าอีก

- ให้สร้างเหตุปัจจัยในการทำความดี (ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา) แล้วตั้งจิตอธิษฐาน (ตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำเหตุนั้น ไม่ใช่การอ้อนวอนขอร้อง) ทั้งนี้ การให้ผลของบุญอาจใช้เวลา ระหว่างนั้นให้สร้างเหตุในการทำความดีต่อไปเรื่อย ๆ 


Q3: การเล่นหวย

A: หลักในการใช้จ่ายทรัพย์ (สมชีวิตา) รายรับต้องท่วมรายจ่าย อย่าให้รายจ่ายท่วมรายรับ โดยใช้จ่ายใน 4 อย่าง 

1. เลี้ยงตน เลี้ยงครอบครอบครัวให้เหมาะสม 

2. ใช้จ่ายเพื่อการรักษา (เปลี่ยนเป็นสินทรัพย์อย่างอื่นที่ไม่สูญหาย, ลงทุน) 

3. แบ่งปันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น 

4. แบ่งปันเพื่อหวังบุญ (ทำบุญกับเนื้อนาบุญ)

- อบายมุข (รูรั่วของทรัพย์) ได้แก่ 1. นักเลงสุรา 2. นักเลงการพนัน 3. นักเลงเจ้าชู้ 4. มีเพื่อนชั่ว

- ซื้อหุ้นต่างกับซื้อหวย เพราะซื้อหวย ตอนออกรางวัลเราควบคุมไม่ได้ แต่การซื้อหุ้น เราควบคุมผลตอบแทนได้ว่าจะขายเท่าไร


Q4: ตู้ชำระหนี้สงฆ์

A: ตู้ชำระหนี้สงฆ์ = เพิ่งมีในสมัยนี้ มีที่มาจาก ญาติโยมไปวัด ใช้ของวัด ดินทรายติดเท้าออกมา เหมือนเอาของวัดออกจากวัด จึงอยากชำระคืนวัด 

- ญาติโยมไม่ควรยินดีกับการถวายเงินให้พระสงฆ์โดยตรง เพราะจะทำให้ศีลหรือคุณธรรมของท่านลดลง ไม่ถูกต้องตามพระวินัย พระสงฆ์รับเงินเองไม่ได้ จะทำให้ศีลของพระรูปนั้นเสื่อมลง ผู้ทำบุญก็จะได้บุญลดลง แต่ควรยินดีให้พระรูปนั้นมีศีลบริบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยมอบให้ไวยาวัจกร ผู้ทำหน้าที่แทนในการจัดทำปัจจัย 4 ให้ควรแก่สมณะที่จะบริโภคต่อไป บุญก็จะเกิดขึ้นกับผู้ทำบุญ 


Q5: การวางตัวของผู้หญิงกับพระ

A: ศีลของพระเพื่อป้องกันผู้หญิง เช่น พระสงฆ์จะอยู่สองต่อสองกับผู้หญิงไม่ได้ ต้องมีตาคู่ที่สามอยู่ด้วย ถ้าจะแสดงธรรม ต้องมีบุรุษผู้รู้เดียงสาอยู่ด้วย และแสดงธรรมได้ไม่เกิน 6 คำ แตะต้องกายหญิงไม่ได้

- การอยู่ในที่ลับหู เช่น โทรศัพท์ ก็ควรให้มีหูคู่ที่สามอยู่ด้วย หรือบันทึกเสียงเอาไว้ หรือเปิด speaker phone ให้อีกคนฟังด้วย

- ดังนั้น เพื่อเป็นการจรรโลงรักษาศาสนา เวลาผู้หญิงไปหาพระ ไม่ควรไปคนเดียว แต่ให้มีผู้ชายไปด้วย หรือให้มีพระอีกรูปอยู่ด้วย เพื่อช่วยในการรักษาศีลของพระได้


Q6: ดูหนังฟังเพลง กับ การละความเพลิน

A: ผู้ที่ถือศีล 8 ต้องละการดูหนังฟังเพลง เพราะเป็นการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่อกุศลธรรม (ทำให้ราคะ หรือโทสะ เพิ่มขึ้น)

- ผู้ที่ถือศีล 5 ยังดูหนังฟังเพลงได้ แต่ถ้าระดับความเพลินนั้น จะทำให้ผิดศีล (เช่น ข้อ 3) ก็ต้องหยุด



Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
53 minutes 9 seconds

1 สมการชีวิต
วิธีออกจากวังวนของ Second-Guess [6823-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: ความคับข้องใจจาก Second-Guess

- การตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเห็นการกระทำของคนอื่นแล้ว เกิดความคิดที่สองแทรกขึ้นมาทันที ซึ่งหักล้างกับความคิดแรก อาจเป็นได้ทั้งเรื่องดีหรือไม่ดี ทำให้เกิดความคิดคับข้องใจในเรื่องต่างๆ เป็นลักษณะที่เรียกว่า Second Guessing ซึ่งความคับข้องใจนั้น อาจสะท้อนออกมาเป็นพฤติกรรมหลายแบบในบุคคลคนเดียวกัน เป็น Multiple Personality 

- ความคับข้องใจ เป็นการเบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น หรือทั้งสองฝ่าย  

- ผู้ฟังท่านนี้เป็นนักธุรกิจ เกิดคำถามในใจตนว่าสินค้าบางอย่างขายแพงเกินไป ได้กำไรเกินไป คิดจะลดราคา ถ้าลดราคาแล้วลูกค้าจะรับได้หรือไม่ เกิดเป็นความคับข้องใจในความคิดของตน คิดวนไป ตัดสินใจไม่ได้ เกิดเป็นความเครียด อยู่เป็นประจำ รวมถึงข้องใจในการกระทำของบุคคลอื่นด้วย บางครั้งก็พูดความคิดของตนออกมา จิกกัดคนอื่น แต่บอกว่าหวังดี คนอื่นก็เครียดตามไปด้วย 

- แต่เมื่อได้ฟังรายการธรรมะรับอรุณ ได้รู้จัก “การตั้งสติ” ด้วยการสังเกตและแยกแยะความคิดที่เป็น second-guess ในแต่ละเรื่องที่โผล่ขึ้นมา ว่าเป็นสังกัปปะ (ความดำริ) ที่ไม่ดี ทำให้เครียด จึงแยกตัวออกจากความคิดนั้น ด้วยการคิดเรื่องอื่น เช่น ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ลมหายใจ ความเมตตา หมวดธรรมะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ความคิดไม่ดีก็ค่อย ๆ อ่อนกำลังลง 


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: วิธีออกจากวังวนของ Second-Guess

- เราอย่าเอาเวทนาเป็นเกณฑ์ในการดำเนินชีวิตว่า ให้หลีกหนีความทุกข์ แล้วเอาความสุขเป็นหลัก แต่ให้เอากุศลหรืออกุศลเป็นเกณฑ์ กุศลบางอย่างอาจมีทุกขเวทนาแฝงมา อกุศลบางอย่างอาจมีสุขเวทนาแฝงมา แต่ในที่สุดแล้ว กุศลจะให้สุขเวทนาที่มีค่ามากกว่า และอกุศลจะให้ทุกขเวทนาที่หนักหน่วงมากกว่า

- ทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) คือ ทางที่เอากุศลเป็นเกณฑ์ เป็นทางออกจากความทุกข์ทั้งปวง 

ตัวอย่าง สัมมาวาจา 

ตัวอย่าง การทำงาน - ด้วยฉันทะ

ตัวอย่าง การช่วยเหลือผู้อื่น - ด้วยเมตตา กรุณา และอุเบกขา

ตัวอย่าง การตั้งราคาสินค้าและบริการ – ไม่ขูดรีด ไม่เบียดเบียน

ตัวอย่าง การลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง - ด้วยอิทธิบาท 4 ด้วยความสันโดษ มักน้อย ไม่ขี้เกียจ


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
1 hour 32 seconds

1 สมการชีวิต
ถูกบีบคั้นให้ทำไม่ดี แก้อย่างไร [6822-1u]

Q1: กิจกรรมทำบุญในวัด

A: การทำบุญ กระทำได้ 3 รูปแบบ คือ ทางกาย (ให้ทาน) ทางวาจา (ศีล) ทางใจ (ภาวนา)

- การบูชาบุคคล:

    - พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ควรบูชาสูงสุด ให้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึกสูงสุด เพื่อการพ้นทุกข์ 

    - การบูชาบุคคลที่ควรบูชา เป็นสิ่งที่ควรกระทำ โดยบูชาในคุณความดีของบุคคลเหล่านั้น เช่น พ่อแม่ คุณความดีของเทพเจ้า

- การอธิษฐาน: 

    - การอ้อนวอนขอร้อง = ปรารถนา “เอาผล” โดยไม่สร้างเหตุที่ถูกต้อง

    - การอธิษฐาน = ไม่ใช่การอ้อนวอนขอร้อง แต่เป็นการตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นการ “สร้างเหตุ” เพื่อหวังเอาผล  


Q2: ทางออกจากวงจรอุบาทว์ของจิต

A: จิตมีความเป็นประภัสสร แต่ธรรมชาติของจิตจะไหลไปตามกระแสของสิ่งต่างๆ ที่มากระทบ ทำให้จิตผ่องใสได้ เศร้าหมองได้

- การพัฒนาจิต = ผู้ที่มีปัญญาจะทำความเข้าใจให้ถูกต้องตามทางสายกลาง (มรรค 8) จิตจะผ่องใสได้ โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งแวดล้อมภายนอก 

- กิเลสทำให้จิตไม่สงบ เมื่อจิตไม่สงบก็จะทำให้เกิดกิเลส เป็นเช่นนี้วนไป เป็นวงจรอุบาทว์ของจิต (Vicious Cycle) 

- วิธีออกจากวงจรอุบาทว์ของจิต = เริ่มจากเปลี่ยนคำถามว่า "ทำไมจิตถึงเป็นอย่างนั้น" เป็น "ใครหนอจะรู้ทางออกของความทุกข์นี้ สักหนึ่งหรือสองวิธี?" จิตก็จะเปลี่ยนโฟกัสทันที สัมมาสติเริ่มเกิดขึ้นแล้ว (พุทโธ) จากนั้นให้นึกถึงพระสงฆ์ผู้ที่เคยแก้ปัญหาความทุกข์ในจิตได้แล้ว (สังโฆ) โดยมีพระธรรมเป็นกระบวนการในการแก้ปัญญานั้น (ธัมโม) เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว จะเกิดความมั่นใจ (ศรัทธา) และเมื่อมีศรัทธาแล้วจะเกิดการลงมือทำจริง แน่วแน่จริง ได้ผลเป็นจิตที่ผ่องใส เมื่อจิตผ่องใส ก็ยิ่งมีความมั่นใจความศรัทธามากขึ้น ก็จะยิ่งทำจริง แน่วแน่จริง มากยิ่งขึ้น (ความเพียร) จิตก็จะพัฒนายิ่งขึ้น 


Q3: ถูกบีบคั้นให้ทำไม่ดี แก้อย่างไร

A: การรู้ว่าสิ่งไหนควรทำ (กุศล) หรือไม่ควรทำ (อกุศล) อันนี้ดี เป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว แต่ที่ยังลงมือทำสิ่งที่ควรทำไม่ได้ เพราะยังมีความเพลิน ยังไม่มีสัมมาสติและสัมมาวายามะ (การทำจริง แน่วแน่จริง) แก้ได้โดยระลึกถึงคนที่เคยถูกบีบคั้นเรื่องเดียวกัน แต่เขาฝืน ทวนกระแสแล้ว ทำได้แล้ว เช่น พระพุทธเจ้า ปูชนียบุคคลอื่น ก็จะมีพลังใจขึ้น (สัมมาสติ) นำไปสู่การลงมือทำในสิ่งที่เป็นกุศล (สัมมาวายามะ) ต่อไปได้


Q4: การพูดโกหก VS การเลี่ยงบาลี 

A: โกหก = พูดไม่ตรงตามความเป็นจริง เช่น เห็น บอกไม่เห็น, ทำ บอกไม่ได้ทำ, ได้ยิน บอกไม่ได้ยิน

- การเลี่ยงบาลี ไม่ผิดศีล


Q5: พระสงฆ์ฉันอาหารเวลาใด 

A: ห้ามพระสงฆ์ฉันอาหารนอกกาล = หลังเที่ยง (พระอาทิตย์ตรงศีรษะ) (วิกาล)

- สิ่งที่ฉันได้หลังวิกาล = ยา (ต้องมีเหตุป่วยจึงจะฉันได้), น้ำ+ดิน, ปานะ (น้ำผลไม้ที่ผ่านการกรอง ไม่เติมน้ำตาล ไม่ผ่านความร้อน เช่น น้ำมะม่วง)

- หากพระสงฆ์รับอาหารหลังวิกาลแล้ว ถือว่าอาหารนั้นจะฉันไม่ได้อีก 

- การถวายสังฆทานซึ่งมีอาหารรวมอยู่ด้วย หลังเที่ยง มีวิธีการแก้ปัญหา คือ ให้มีผู้จัดการแทน (เช่น ไวยาวัจกร) แยกส่วนที่เป็นอาหารไว้ โดยที่พระยังไม่ได้รับ แล้วให้มีผู้ประเคนถวายให้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
58 minutes 51 seconds

1 สมการชีวิต
ธรรมะเพื่อครอบครัวที่มั่นคง [6821-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: ความรักของหญิงชาย

- ชายหญิงคู่หนึ่ง รักกันตั้งแต่สมัยมัธยม เรียนมหาวิทยาลัยคณะเดียวกัน ตั้งใจว่าเรียนจบจะแต่งงานกัน สองครอบครัวดีมาก ทั้งสองคนได้มาปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ หลายครั้ง ทุกปี ความรู้สึกที่มีให้กันเปลี่ยนแปลงไป ความรู้สึกในทางกำหนัดทางกามจืดจางลง ความเพลิดเพลินในเพศตรงข้ามลดลง เปลี่ยนเป็นความรู้สึกแบบเพื่อน พี่น้อง มองกันด้วยความรัก ความเมตตา เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ไม่มีเงื่อนไข ทั้งสองคนเห็นตรงกันว่าจะไม่แต่งงานกัน


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ : ครอบครัวเป็นพื้นฐานแห่งชีวิต

- ครอบครัวที่เล็กที่สุด คือ พ่อ แม่ ลูก

- ในมงคล 38 ประการ มีเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวถึง 3 ข้อ ได้แก่ การบำรุงบิดามารดา การสงเคราะห์บุตร และการสงเคราะห์คู่ครอง หากทำความเข้าใจและทำตามได้ จะทำให้สถาบันครอบครัวมีความมั่นคงและมีความมงคลเกิดขึ้นได้ 


(1) บำรุงบิดามารดา

- มารดาบิดา เป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก เป็นผู้ที่อุปการะบุตรก่อนตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ให้เรารู้คุณนั้นแล้วกระทำต่อ (กตัญญูกตเวที) เช่น ทำบุญอุทิศให้ ช่วยทำกิจธุระ เป็นลูกที่ทำตัวดี ซื้ออาหารที่ชอบให้ทาน 

- หากมีปมกับพ่อแม่ ให้แก้ด้วยการทำดีต่อพ่อแม่ไปเรื่อยๆ จะทำให้ความไม่ดีค่อยเจือจางลดลงไป ต้องอดทน

- ให้ตั้งจิตใหม่ตั้งแต่บัดนี้ ในการที่จะบำรุงยกพ่อแม่ขึ้นเหนือเศียรเหนือเกล้า แล้วลงมือทำ ล้างเท้าบิดามารดาด้วยน้ำอุ่น จะเป็นมงคลในชีวิต


(2) สงเคราะห์บุตร

- พ่อแม่ มีหน้าที่ ห้ามลูกจากบาป และให้ลูกตั้งอยู่ในความดี

- ให้เลี้ยงดูลูกให้ดี อย่าใช้อารมณ์ อย่าโยนหน้าที่นี้ไปให้ครู อย่าตามใจเกินไป อย่าเข้มงวดเกินไป


(3) สงเคราะห์คู่ครอง

- สามีภรรยา ต้องเกื้อหนุน สงเคราะห์กัน

- สามี มีหน้าที่ มอบความเป็นใหญ่ในหน้าที่ให้ ให้อาหาร ให้เครื่องประดับ ยกย่อง ไม่ดูหมิ่น ไม่ประพฤตินอกใจ

- ภรรยา มีหน้าที่ จัดแจงการงานอย่างดี สงเคราะห์คนข้างเคียงดี รักษาทรัพย์ที่มีอยู่ ขยันขันแข็งในหน้าที่ทั้งปวง ไม่ประพฤตินอกใจ


- สำหรับคนที่ไม่มีคู่ครอง ไม่มีลูก ยังไงก็มีครอบครัว คือ ตัวเราที่เกิดจากพ่อแม่ ก็ให้ทำหน้าที่ลูกต่อพ่อแม่ให้ดี


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
56 minutes 42 seconds

1 สมการชีวิต
แก้ทุกข์จากกรรมเก่า [6820-1u]

Q1: กรรมเก่าทำให้เกิดทุกข์

A: เหตุปัจจัยเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดสุขทุกข์ มี 8 ประการ 

  1. สุขภาพ ระบบน้ำดี (ระบบการย่อยอาหาร)
  2. สุขภาพ ระบบเสมหะ (ระบบน้ำเหลือง)
  3. สุขภาพ ธาตุลม
  4. ปัญหาสุขภาพทั้งสามอย่างรวมกัน
  5. ฤดูเปลี่ยนแปลง
  6. การรักษาตัวไม่สม่ำเสมอ
  7. การถูกทำร้าย
  8. ผลของกรรม (กรรมเก่าในอดีต, กรรมที่ทำในปัจจุบัน)


  • หากเชื่อว่าสุขทุกข์เกิดเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น = มิจฉาทิฏฐิ
  • ความเชื่อว่าทุกข์เป็นเพราะกรรมเก่าเพียงอย่างเดียว จะทำให้ในปัจจุบันจิตจะน้อมไปในทางที่ไม่ทำอะไรเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เป็นกุศล
  • ทิฏฐิที่ถูกต้อง คือ สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เป็นเรื่องธรรมดาของโลก 
  • เมื่อเจอสุขหรือทุกข์ สิ่งที่เราต้องทำไม่ต่างกัน คือ ไม่เผลอเพลิน ให้เห็นตามความเป็นจริงว่า สุขทุกข์นั้นเป็นของไม่เที่ยง และให้อยู่กับทุกข์ได้โดยไม่ทุกข์  


Q2: ทุกข์จากกรรมเก่า แก้อย่างไร?

A: หากทุกข์นั้นเกิดจากกรรมเก่าจริง ๆ สิ่งที่ต้องทำ คือ อย่าไปอาฆาตแค้นตอบ ให้ทำกาย วาจา ใจ ให้ไปในทางกุศล เช่น สร้างเหตุปัจจัยให้เกิดผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งความสุข เช่น แผ่เมตตา มีปิยวาจา มีสังคหวัตถุ 4 ให้ทาน แบ่งปัน เอื้อเฟื้อประโยชน์ อีกฝ่ายก็จะมีจิตใจที่นุ่มนวลลง ความสุขก็จะเกิดขึ้น  


Q3: นั่งสมาธิได้นาน เพราะมีบารมีเก่าสะสม

A: การได้สมาธิเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย ได้แก่ ศรัทธา ศีล ปัญญา ความเพียร

  • เหตุปัจจัยของแต่ละคน บ้างก็เพราะทำมาจากชาติก่อน บ้างก็ทำเอาในชาตินี้
  • สมาธิ อยู่ในหมวดของมรรคในอริยสัจสี่ ต้องทำให้มี ต้องทำให้เจริญ


Q4: หน้าตาดี ฐานะดี เพราะบุญเก่า

A: ลักษณะคนที่มาสว่าง (เทวดา, พรหม) มาเกิด ก็จะมีผิวพรรณงาม มีวรรณะงาม มีทรัพย์สินเงินทองมาก 

  • ลักษณะคนที่มามืด (สัตว์นรก, สัตว์เดรัจฉาน) มาเกิด แนวโน้มจะมีผิวพรรณทราม ตกยาก มีทรัพย์สินเงินทองน้อย
  • อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า “มา” สว่างหรือมามืด อยู่ที่ปัจจุบันว่าจะ “ไป” ทางไหน ถ้าทำอกุศลธรรม ก็จะไปมืด ถ้าทำกุศลธรรม ก็จะไปสว่าง


Q5: ทำบุญอะไร ได้บุญสูงสุด

A: บุญ = ความสุข 

  • นอกจากการให้ทานแล้ว ก็ยังมีบุญในรูปแบบอื่น เช่น 
  • กุศลกรรมบถ 10 = ทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์, ไม่ลักทรัพย์, ไม่ประพฤติผิดในกาม) ทางวาจา (ไม่พูดโกหก, ไม่พูดเพ้อเจ้อ, ไม่พูดส่อเสียด, ไม่พูดคำหยาบ) ทางใจ (ไม่คิดเพ่งเล็งอยากได้ของคนอื่น, ไม่พยาบาท, มีสัมมาทิฏฐิ)
  • บุญยกิริยาวัตถุ 10 
  • มรรค 8 (ศีล สมาธิ ปัญญา)
  • ทาน ศีล ภาวนา
  • บุญจากการที่มีความอ่อนน้อม มีมารยาท เป็นจิตอาสา บอกบุญผู้อื่น ชวนไปปฏิบัติธรรม อนุโมทนา ฟังธรรม สอนให้ผู้อื่นรู้ธรรม


Q6: ผิดศีลด้วยความจำเป็น ตกนรกหรือไม่

A: การตกนรก มีเหตุปัจจัย คือ การทำชั่วเป็นปกติ

  • หากไม่ผิดศีลเลย ประตูนรกก็จะปิดสนิท แต่ถ้าทำผิดศีลบ้าง ก็จะมีช่องประตูนรกเปิดอยู่
  • ต้องใช้ปัญญา หาทางออกที่ไม่จำเป็นต้องทำผิดศีลให้ได้

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
55 minutes 37 seconds

1 สมการชีวิต
ปรับจิต เปลี่ยนความคิด [6819-1u]

ลักษณะความคิด

- โดยทั่วไปจะเข้าใจว่าร่างกายอาศัยสมองเป็นเครื่องมือในการคิดนึก เพื่อขยับร่างกาย กล้ามเนื้อต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วมีจิตเป็นตัวควบคุมไว้อีกชั้นหนึ่ง โดยจิตจะใช้สมองเป็นเครื่องมือในการคิดนึกสิ่งต่าง ๆ 


ระดับการควบคุมร่างกาย 3 ระดับ

1. ควบคุมได้ = แขน ขา ปาก เว้นแต่ถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยอื่นก็จะควบคุมไม่ได้ เช่น เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า

2. ควบคุมได้ในเวลาจำกัดจากนั้นจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ = กลั้นหายใจ กลั้นปัสสาวะอุจจาระ กระพริบตา

3. ควบคุมไม่ได้เลย = เป็นระบบควบคุมด้วยประสาทแบบอัตโนมัติ (Automatic nervous system) เช่น การเต้นของหัวใจ ไต ระบบทางเดินอาหาร


จิตควบคุมความคิด

- อุปนิสัยของจิตที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ = “อาสวะ” ซึ่งเกิดจากการสะสมการกระทำนั้นมา เช่น คนคิดลบ เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่น่าพอใจ จะเกิดความโกรธ คิดไม่ดี ขึ้นโดยอัตโนมัติ หรือคนคิดบวก เมื่อได้ยินคนพูดเรื่องทำบุญ จะอนุโมทนา โดยอัตโนมัติ

- ความคิดนึกบางอย่างก็มีประโยชน์ ประกอบด้วยกุศล เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และทั้งสองฝ่าย เป็นไปเพื่อความสุขตลอดกาลนาน

- แต่ความคิดนึกบางอย่างก็ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นโทษทั้งต่อตนเอง ต่อผู้อื่น หรือทั้งสองฝ่าย เป็นไปเพื่อความทุกข์ตลอดกาลนาน

- ดังนั้น จึงต้องพิจารณาไตร่ตรองอยู่เสมอว่าความคิดนั้นเป็นประโยชน์หรือไม่ เพราะจะได้รับผลของสุขทุกข์ต่างกัน


วิธีปรับจิต

- การเพ่งจิตจดจ่อมากยิ่งขึ้น เป็นการตั้งสติ ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นสมาธิได้ และการฟังธรรมทำให้เกิดปัญญา 

- เมื่อสมาธิและปัญญา (สมถะวิปัสสนา) รวมกันเมื่อไร จะเป็นตัวกำจัดอาสวะที่ไม่ดีออกไปทันทีในชั่วพริบตาเดียว สามารถบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน หรือพระอรหันต์ได้ ตัวอย่าง นายกาละ บุตรของอนาถบิณฑิกเศรษฐี (ไม่ฟังธรรม) นายเขมกะ หลานของอนาถบิณฑิกเศรษฐี (เจ้าชู้) องคุลีมาล (ฆ่าคน)

- จิตสามารถฝึกให้มีความคิดไปในทางกุศล ไม่ไปในทางอกุศลได้ ด้วยการเดินตามทางมรรค 8 เริ่มจากการตั้งสติ รู้จักแยกแยะให้เห็นความไม่ดีก่อน จึงจะกำจัดความไม่ดีนั้นได้ จากนั้นก็ฝึกสมถะวิปัสสนา ฟังธรรมอยู่เสมอ น้อมจิตมาทางกุศล คบกัลยาณมิตร ฝึกซ้ำอยู่เรื่อย ๆ ให้อินทรีย์มีกำลัง อาสวะไม่ดีในฝ่ายทุกข์โทษก็จะค่อย ๆ หลุดออกไป ทุกคนทำได้ตั้งแต่ตอนนี้ 


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
56 minutes 57 seconds

1 สมการชีวิต
ธรรมะสำหรับนายจ้างลูกจ้าง [6818-1u]

Q1: ธรรมะสำหรับนายจ้างลูกจ้าง

A: หน้าที่ของนายจ้างต่อลูกจ้าง 5 ประการ

1. ให้ทำงานตามกำลัง (ความสามารถ)

2. ให้อาหารและรางวัล (ค่าตอบแทน)

3. รักษาพยาบาลยามเจ็บไข้

4. ให้ของที่มีรสประหลาด (surprise, motivation)

5. ปล่อยให้อิสระตามสมัย (ให้ลูกจ้างมีเวลาว่างบ้าง)

- หน้าที่ของลูกจ้างต่อนายจ้าง

1. ลุกขึ้นทำงานก่อนนายจ้าง

2. เลิกงานหลังนายจ้าง

3. ถือเอาแต่ของที่นายให้ (ไม่ขโมย)

4. ทำงานให้ดีที่สุด - พัฒนาปรับปรุงงานให้ดี ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้ดี

5. นำเกียรติคุณของนายไปร่ำลือ

- อิสรชน = คนที่มีอิสระ เปลี่ยนงานได้ง่าย จะเป็นอิสรชนได้ต้องมีเงินเก็บ จึงต้องรู้จักการจัดสรรเงิน

- เศรษฐี = ไม่ต้องทำงานเพื่อเงิน แต่ให้เงินทำงานแทน

- มหาเศรษฐี = ให้เงินทำงานแทนมาก ๆ ไม่ต้องทำงานแล้ว

- งานใด ๆ ก็ตาม จะสำเร็จได้ ต้องมีอิทธิบาท 4 โดยมี “ตัวงาน” เป็นตัวตั้ง มี “สมาธิ” เป็นตัวเชื่อมกับฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เช่น การใส่ความรัก ความพอใจลงไปในงาน

- ถ้าไม่เจริญอิทธิบาท 4 ในงานปัจจุบัน ก็จะเพลินไปตามอารมณ์ความไม่อยากทำ จึงต้องฝึกเจริญอิทธิบาท 4 อยู่เสมอ 

- เมื่อพัฒนางานปัจจุบันของตนได้ดีแล้ว ก็มีโอกาสที่นายจ้างก็จะเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งให้ตามความสามารถ ถ้าบริษัทเดิมไม่เห็น บริษัทใหม่ก็จะเห็นความสามารถนั้น หรือไม่เราก็จะเห็นโอกาสใหม่ด้วยตัวของเราเอง 


Q2: ไม่ชอบให้คนมาบอกบุญ

A: เหตุแห่งสุขทุกข์ของเรา ควรตั้งไว้ให้ถูกต้องตามธรรม เช่น เราจะมีความสุขเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้ให้ทาน

- เมื่อมีคนมาบอกบุญ ต้องรักษาจิตให้ดี ในการกระทำทางกาย วาจา ใจ ถ้าไม่มีเงินทำบุญก็ไม่เป็นไร แต่การกระทำทางวาจา และทางใจควรต่อกระแสบุญนั้นมา เปรียบเหมือนการต่อเทียน ด้วยการอนุโมทนา รักษาใจไม่คิดไม่พอใจ หรือวางเฉย 


Q3: จุดเทียนต่อจากคนอื่น

A: การจุดเทียนต่อกระแสบุญ กระแสบาป เป็นอุปมาอุปไมย กรรมดีกรรมชั่วเกิดจากตัวเรา ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำอย่างไรต่อ จากกระแสบุญกระแสบาปนั้น


Q4: ลบล้างคำสาบาน

A: การตั้งจิตอธิษฐาน = การตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้าในการที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อธิษฐานสร้างเหตุ ไม่ใช่ขอผล

- การตั้งจิตอธิษฐานเป็นความยึดถือ เป็นความผูกพัน ยังข้องอยู่ (สัตว) เช่น อธิษฐานให้เป็นคู่ครองกัน  

- การถอนคำอธิษฐาน ก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานสร้างเหตุใหม่ ในการที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ดี (ศีล สมาธิ ปัญญา) เพราะเป็นไปเพื่อการถอนความยึดถือทั้งหลายเหล่านั้น


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
53 minutes 19 seconds

1 สมการชีวิต
จิตปรุงแต่งภาพและเสียง [6817-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: 

  • ผู้ฟังท่านนี้ปฏิบัติธรรมแล้วมีอาการได้ยินเสียงในหัวอยู่ตลอด แต่คนอื่นไม่ได้ยิน ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่พยายามอยู่กับอาการนี้ให้ได้ โดยปรับกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตใหม่เพื่อรักษาจิต เวลาได้ยินเสียงอะไรก็จะไม่ส่งจิตตามไป ซึ่งควบคุมได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
  • ต้องทำความเข้าใจอริยสัจสี่ เข้าใจเรื่องทุกข์ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เพื่อให้อยู่กับทุกข์ได้ โดยไม่ทุกข์


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ : ภาพและเสียงในหัว

  • ภาพหรือเสียงที่ผ่านเข้ามาทางตา ทางหู เข้าสู่จิตใจ จิตจะเข้าไปเกลือกกลั้วในอารมณ์นั้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามี "สติ" เป็นเครื่องป้องกันหรือไม่ 
  • เสียงในหัวไม่ต่างจากเสียงที่ได้ยินจริง ๆ เช่น คำด่า ถ้าเราโกรธไปตามคำด่านั้น เราจะเป็นบ้า เพราะนั่นเป็นแค่เสียง ความโกรธที่ผู้อื่นหยิบยื่นให้เราผ่านทางคำด่านั้น ถ้าเราไม่รับเอามา ความโกรธก็จะเป็นของเขาอยู่นั่นเอง


"ธัมมารมณ์" เกิดจากการปรุงแต่งของจิต อาจเกิดจาก

1. การปรุงแต่งที่เป็นญาณทัศนะจริง ๆ 

2. การปรุงแต่งของอาสวะกิเลส

3. การปรุงแต่งจากสิ่งภายนอกมากระทบ


  • ภาพหรือเสียงในหัว ที่เกิดเป็นธัมมารมณ์นั้น ต้องแยกแยะให้ได้ว่า เกิดจากการปรุงแต่งของจิตแบบใด ถ้ายังแยกแยะไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งตามอารมณ์นั้นไป เพราะอาจเป็นกับดักของมารได้ จะทำให้เป็นบ้าไปตามอำนาจของราคะ โทสะ โมหะได้ เช่น ภาพหรือเสียงในหัวนั้นเป็นธัมมารมณ์ที่เกิดจากกิเลส แต่คิดไปว่าเกิดจากญาณทัศนะ แล้วเชื่อตามนั้น ตามอารมณ์นั้นไป เกิดปัญหาคิดว่าตนรู้วาระจิตผู้อื่น มีเจโตปริยญาณ หรือเข้าใจว่าตนบรรลุธรรมขั้นสูง
  • “สติ” ที่มีกำลัง จะสามารถแยกแยะได้ว่าธัมมารมณ์นั้น เกิดจากการปรุงแต่งของจิตแบบใด


เครื่องป้องกันรักษาจิตไม่ให้บ้าไปตามอำนาจราคะ โทสะ โมหะ คือ 

1. การรักษาศีล 

2. การฝึกสติ

  • เกิดผลเป็นสมาธิ ทำให้จิตไม่บ้าไปตามอำนาจราคะ โทสะ โมหะ ชั่วระยะเวลาที่สตินั้นดำรงอยู่ 
  • พลังสติเพิ่มขึ้นได้ เช่น ไม่คุยฟุ้ง หลีกเร้น ไม่ยินดีในการหลับใหลแต่ประกอบด้วยธรรมะอันเป็นเครื่องตื่น รู้ประมาณในการบริโภค สำรวมอินทรีย์ กินนอนให้เป็นการภาวนา 
  • กาย วาจา ใจ เป็นไปในทางไหนมาก จิตก็จะน้อมไปทางนั้น จิตน้อมไปทางไหน สิ่งนั้นจะมีพลัง ในทางกลับกัน จิตของผู้ที่สะสมอาสวะไว้แบบใดมาก การปรุงแต่งจากจิต ก็จะแสดงออกไปทางกาย วาจา ใจแบบนั้น ดังตัวอย่างองคุลีมาล
  • การปฏิบัติตามมรรค 8 จะลดความเป็นบ้าในจิตลงได้ ให้รักษากายและวาจาด้วยศีล รักษาใจด้วยสติและสมาธิ 
  • กรณีถึงขั้นเห็นภาพหลอน เสียงหลอน ต้องพบจิตแพทย์ ใช้ยารักษา เช่น ยากล่อมประสาท ให้สมองไม่ต้องคิดมาก ก็จะช่วยลดการคิดนึกปรุงแต่งของจิตลงได้บ้าง แต่การควบคุมจิตไม่มียารักษา ต้องปรับจิตด้วยตนเอง อาจใช้เครื่องมือจากสิ่งภายนอกมากระตุ้น เช่น คำสอนของพระพุทธเจ้า ช่วยให้เข้าใจ ทำให้สติมีกำลังเกิดขึ้นได้
  • ความอยากให้ไม่มีภาพหรือเสียงในหัวนั้น เป็นเหตุแห่งความทุกข์ ยิ่งอยากมาก ยิ่งทุกข์มาก จึงต้องอยู่กับสิ่งนี้ให้ได้ โดยไม่ทุกข์ ด้วยการตั้งสติไว้ให้ดี ไม่ไปตามความคิดนั้น 

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
58 minutes 41 seconds

1 สมการชีวิต
มงคลรับวันสงกรานต์ [6816-1u]

Q1: มงคลรับวันสงกรานต์

A: ความเป็นมงคลไม่ได้ขึ้นอยู่กับกาลเวลา แต่อยู่ที่การลงมือทำ ทำความดีเมื่อใด ความเป็นมงคลก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น 

- “พรหมวิหาร 4” เป็นหลักธรรมที่ช่วยคุ้มครองจิตใจของเรา เพื่อให้ชีวิตตลอดทั้งปีเป็นไปด้วยความราบรื่น ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายไปได้ และเป็นหลักธรรมที่ผู้ใหญ่พึงมี 


Q2: สิ่งที่ไม่ควรพูด

A: คำพูดที่โปรยประโยชน์ทิ้งเสีย ไม่ควรพูด ได้แก่ 

1. คำหยาบ 

2. คำพูดที่ทำให้คนแตกกัน แม้เป็นความจริงก็ตาม

3. คำพูดที่ไม่ก่อให้เกิดกุศลธรรมในจิต = คำพูดที่เกิดประโยชน์ คือ เกิดประโยชน์ในปัจจุบัน ประโยชน์ในเวลาต่อมา ประโยชน์ที่สุด (นิพพาน)

4. คำพูดที่ไม่ถูกต้องตามกาล = พูดตอนนั้นผู้ฟังอาจจะไม่ชอบ และไม่รับฟัง

5. คำพูดนั้นไม่มีที่มา ไม่มีแหล่งอ้างอิง ไม่มีหลักฐาน

6. คำพูดเพ้อเจ้อ


Q3: การแผ่เมตตาต้องสวดมนต์บทแผ่เมตตาหรือไม่

A: หลักสำคัญ คือ การแผ่เมตตาทางใจ

- หากตั้งจิตให้แผ่เมตตาได้แล้ว ก็ไม่ต้องมีการกระทำกาย (กรวดน้ำ) หรือวาจา (สวดมนต์) ประกอบก็ได้

- แต่ถ้ายังตั้งจิตแผ่เมตตายังไม่ได้ ก็ต้องเริ่มจากการกระทำทางกาย (กรวดน้ำ) และวาจา (บทสวดมนต์) ก่อน แล้วค่อยน้อมจิตใจให้ไปในแนวทางเดียวกันกับกายและวาจานั้น


Q4: ญาติเยอะ จะแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลอย่างไร

A: เตรียมตัวไว้ก่อน โดยการเขียนรายชื่อญาติทั้งหมดไว้ หรือจะใช้คำว่า “ญาติทั้งหลาย” ก็ได้


Q5: วิจิกิจฉา แก้ได้ด้วย “ศรัทธา”

A: - ความกังวลใจ เคลือบแคลง ไม่ลงใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า (วิจิกิจฉา) แก้ได้ด้วยการสร้างความมั่นใจ (ศรัทธา)

- ศรัทธา = ความมั่นใจในพระพุทธ (การตรัสรู้) พระธรรม (องค์ความรู้ที่ทำให้เกิดการตรัสรู้) พระสงฆ์ (ผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามธัมโมก็จะได้ผลคือพุทโธเช่นเดียวกัน)


Q6: ทางพ้นทุกข์ ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

A: พระพุทธเจ้าทรงหาทางแก้ความทุกข์ด้วยการครองเรือน ระบบการปกครอง การทำทุกรกิริยา แล้วเห็นว่าไม่ใช่ทางพ้นทุกข์

- ทางสายกลาง คือ ทางพ้นทุกข์ คือ มรรค 8 (ศีล สมาธิ ปัญญา) ซึ่งต้องใช้ความเพียร 


Q7: วิธีอยู่ร่วมกับคนที่ไม่ชอบ

A: อย่าไปเกลียดเขาตอบ ให้เรามีเมตตาต่อเขา ถ้าเขายังเกลียดเราอยู่ ก็เป็นเวรของเขา

- ไม่มองใครด้วยความเป็นศัตรูเลย ด้วยความที่เราตั้งจิตไว้ถูก ไม่คิดเบียดเบียน มีความเมตตากรุณาอุเบกขา จะทำให้เห็นช่องทางบางอย่างเปิดออก ให้จิตใจเรามีความแจ่มใส คนรอบข้างก็จะได้รับพลังบวกจากเรา การงานก็จะสำเร็จได้


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
55 minutes 30 seconds

1 สมการชีวิต
เครื่องมือเผชิญหน้ากับการสูญเสียคนรัก [6815-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: พระเจ้าปเสนทิโกศลสูญเสียพระนางมัลลิกาภรรยาอันเป็นที่รัก

- ความเศร้าโศก ความร่ำไร ย่อมเกิดจากสิ่งอันเป็นที่รักที่น่าพอใจ เมื่อความเศร้าโศก (ลูกศรอาบยาพิษ) ทิ่มแทงกลางอกแล้ว ใครเล่าจะถอนลูกศรนี้ออกได้ จะทำอย่างไรให้จิตใจยังผาสุกอยู่ได้ 

- คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นยาสมานแผลจากลูกศรนั้น


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ:

- ลักษณะความสุดโต่งและทางสายกลาง เมื่อสูญเสียคนรัก 

สุดโต่ง = 1. ร่ำไห้คร่ำครวญ ทุบอกชกตัว งุนงงพร่ำเพ้อ ทานอาหารไม่ลง นอนไม่หลับ ร่างกายซูบผอม การงานอื่น ๆ ไม่ทำ 2. แสดงความโกรธ ความขัดเคือง ความไม่พอใจ ให้ปรากฏ

ทางสายกลาง = พิจารณาใคร่ครวญ (โยนิโสมนสิการ) ให้เกิด “ปัญญา” ซึ่งมีเครื่องมือ 3 ประการที่ทำให้เกิดปัญญา 


เครื่องมือในการเผชิญหน้ากับการสูญเสียคนรัก 3 ประการ

เครื่องมือที่ 1 พิจารณาฐานสูตร 5 ประการ 

- ฐานะ 5 ประการ ที่ไม่ว่าจะเป็นสมณะ พราหมณ์ เทพ มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลก ไม่พึงได้ 

1. ขอสิ่งที่มีความแก่ ว่าอย่าแก่

2. ขอสิ่งที่มีความเจ็บไข้ ว่าอย่าเจ็บไข้

3. ขอสิ่งที่มีความตาย ว่าอย่าตาย

4. ขอสิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา ว่าอย่าได้สิ้นไป

5. ขอสิ่งที่มีความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ว่าอย่าได้เปลี่ยนแปลงไป

- ฐานะ 5 ประการนี้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เพียงแค่เราเท่านั้นที่ต้องเจอ จึงไม่ควรกังวลใจ เศร้าโศกร่ำไร 


เครื่องมือที่ 2 พิจารณาอนมตัคคปริยายสูตร 

- พระพุทธเจ้าแสดงธรรมนี้ให้กับนางปฏาจาราที่ได้สูญเสียคนในครอบครัว 7 คน เกิดความเศร้าโศกมาก นัยว่า น้ำตาที่หลั่งไหลจากการได้พบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจ การพลัดพรากจากสิ่งที่น่าพอใจ เฉพาะการตายแบบธรรมชาติ ถ้านับย้อนหลัง 1 กัป นำมานับรวมกันจนปริมาณน้ำตาเท่ากับน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่ เวลา 1 กัป ยังไม่สิ้นไปเลย

- ความโศกที่เจอวันนี้มันเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับความเศร้าโศกที่เคยเจอมาแล้ว ให้พิจารณาว่า เราต้องการจะทุกข์มากไปกว่านี้หรือไม่ ถ้ายังมีความเกิด ก็ยังต้องพบกับความพลัดพรากอีกต่อ ๆ ไปเป็นธรรมดา ไม่มีที่สิ้นสุด

- ความสุข คือ ความทุกข์ที่ทนได้ง่าย สุขอยู่ตรงไหน ทุกข์จะตามมาด้วย ทุกข์ที่ต้องพยายามรักษาสุขเอาไว้ และเมื่อสุขหมดลง ทุกข์ก็จะตามมา สุขทุกข์มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ความทุกข์ไม่ว่าทนได้ง่ายหรือทนได้ยาก ก็ทุกข์พอกัน เราจึงต้องอยู่เหนือทั้งสุขและทุกข์ จึงจะมีความผาสุกที่แท้จริง สุขจากในภายใน 


เครื่องมือที่ 3 ปรารภความเพียร 

- ต้องมีความกล้าเผชิญหน้ากับความจริง โดยมีอาวุธ คือ สติ สมาธิ และปัญญา

- วิริยะ, วายามะ = การนำเอาสิ่งที่เป็นอกุศลออกไป และนำเอาสิ่งที่เป็นกุศลเข้ามาในจิต 

- สติ + สมาธิ + ความเพียร (โดยมีศรัทธาเป็นตัวหล่อหลอมรวมกัน) = เกิดอาวุธ คือ ปัญญา ให้เห็นแทงตลอดตามความเป็นจริงว่า ความพลัดพราก ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความเศร้าโศก ความร่ำไรรำพัน เป็นธรรมชาติ ไม่ควรค่าแก่การยึดถือ


โดยสรุป: การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ต้องเตรียมใจไว้ก่อน ให้พิจารณาอยู่เนือง ๆ ว่า สัตว์จะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจทั้งสิ้น การจะได้ตามปรารถนาในสิ่งใด ๆ จะไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อเราตริตรึกในข้อนี้อยู่เป็นประจำ สติก็จะมีกำลังเพิ่มขึ้น ประกอบกับความเพียร จิตจะสงบระงับเป็นอารมณ์อันเดียว เมื่อเจอผัสสะก็จะมีอาวุธ คือ ปัญญาเกิดขึ้นมาได้


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
57 minutes 14 seconds

1 สมการชีวิต
การวางจิตต่อคำชมและคำด่า [6814-1u]

Q1: คนถูกด่าแล้วด่ากลับ เลวกว่าคนด่ามา

A: เพราะดูที่กุศลหรืออกุศลที่เกิดขึ้นในจิตใจ 

  • คนที่มีความดีอยู่แล้ว เมื่อถูกคนด่า มีความโกรธเกิดขึ้น 1) ความชั่วในทางใจเพิ่มขึ้น 2) ความดีที่ทำอยู่ลดลงหรือหายหมด 3) การด่ากลับไป ทำให้ความชั่วทางวาจาก็เพิ่มขึ้น จึงเห็นได้ว่าจิตใจแย่ลงมากกว่าคนด่ามา
  • ลามก = ความเศร้าหมอง ความเสื่อมทรามลงของจิตใจ
  • วิธีตอบโต้คนที่ด่า คือ ใช้ความอดทนและปัญญา ไม่ด่าตอบเพราะกลัวบาปมากกว่า
  • เมื่อมีผัสสะมากระทบทำให้ความไม่พอใจเกิดขึ้น จะเป็นเครื่องทดสอบว่าเราจะสามารถดำรงกาย วาจา ใจ ให้อยู่ในเส้นทางของมรรค 8 ได้หรือไม่
  • วิธีจัดการจิตใจ
  1. กรณีคำชม - ให้เห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง
  2. กรณีคำด่า - ให้ใช้หลักพรหมวิหาร 4 แผ่เมตตา 3 ขั้นตอน ให้ตนเอง ให้ผู้ด่าเรา และให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย  


Q2: พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์

A: ในคัมภีร์ฝ่ายเถรวาท มีรายนามพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ ในคัมภีร์อรรถกถา มีพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ในคัมภีร์ฝ่ายมหายาน มีพระพุทธเจ้ามากกว่านี้ ในคัมภีร์พุทธวงศ์ จะอธิบายรายละเอียดของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์

  • แต่ทุกคัมภีร์เหมือนกัน คือ พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องมรรค 8
  • ในยุคสมัยหนึ่งจะมีพระพุทธเจ้าได้เพียงพระองค์เดียว จนเมื่อคำสอนและพระธาตุต่างๆ หายไปหมดแล้ว พระพุทธเจ้าอีกพระองค์จึงจะอุบัติขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นคนละกาลเวลากัน 
  • ช่วงเวลาที่ไม่มีคำสอนของพระพุทธเจ้ามีมากกว่า  


Q3: พระไตรปิฎก

A: พระไตรปิฎก = 45 เล่ม ไม่มีอรรถกถา แบ่งเป็นพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก ส่วนอรรถกถา = มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยได้รวบรวมไว้มี 91 เล่ม ซึ่งรวมพระไตรปิฎกกับอรรถกถา


Q4: เปรียญธรรม

A: การจัดสอบเปรียญธรรมในคณะสงฆ์ มี 9 ประโยค จัดขึ้นตั้งแต่สมัยพระสมณเจ้า 

  • การแบ่งเป็นประโยค ก็เพื่อความชัดเจนในการวัดผล


Q5: ปล่อยปลาชนิดไหน ห้ามกินปลาชนิดนั้น

A: ไม่มีบัญญัติในคำสอนของพระพุทธเจ้า

  • พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้ฆ่าสัตว์ทุกประเภท ที่มีปราณ มีลมหายใจ
  • การปล่อยปลา = มีจิตกรุณาให้เขาพ้นจากความตายเฉพาะหน้า
  • ความกรุณาต่อสัตว์ทั้งหลายเป็นเรื่องที่ดี ให้โดยไม่มีประมาณ ไม่มีเงื่อนไข 


Q6: กรรมที่นำไปเกิดใหม่

A: นิมิตที่ปรากฏก่อนตาย เป็นนิมิตที่เกิดจากกรรมที่นำไปเกิด

  • ต้องสะสมความดีไว้ เพื่อให้จิตของเราทุกขณะ ตั้งอยู่ในกุศลธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในปัจจุบัน ในเวลาต่อมา (ตายแล้วไปเกิดในที่ที่ดี) และเกิดประโยชน์สูงสุด (พระนิพพาน)  


Q7: พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ

A: พูดส่อเสียด =พูดยุยงให้แตกกัน แม้เป็นคำจริงก็ตาม 

พูดเพ้อเจ้อ = พูดเอาเอง โดยไม่มีหลักฐานอ้างอิง

  • โทษของการพูดมาก ก็จะเสี่ยงต่อการพูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด พูดโกหก พูดคำหยาบได้ ซึ่งเป็นมิจฉาวาจา ถ้าทำบ่อย ๆ ก็จะไปตกนรกได้
  • โทษของการพูดโกหก = ถูกกล่าวตู่ด้วยคำพูดที่ไม่จริง
  • โทษของการพูดยุงยงให้แตกกัน = แตกจากมิตร
  • โทษของการพูดคำหยาบ = ได้ฟังสิ่งที่ไม่น่าพอใจ
  • โทษของการพูดเพ้อเจ้อ = พูดแล้วไม่มีใครเชื่อ 


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
4 months ago
58 minutes 29 seconds

1 สมการชีวิต
วิธีแก้ปมในอดีต [6813-1u]

ช่วงไต่ตามทาง : 

- ผู้ฟังท่านนี้เป็นโรคกลัวที่แคบ ส่งผลต่อการดำรงชีวิต เช่น นั่งรถ ขึ้นเครื่องบิน ขึ้นลิฟท์ ต้องมีคนไปด้วย เข้าเครื่องทำ MRI หรือ CT Scan ไม่ได้ ต้องให้ยาสลบหรือยากล่อมประสาท และมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วย เป็นปมมาจากตอนเด็กเคยถูกทำโทษถูกขังให้อยู่ในโกดังคนเดียว 

- ผู้ฟังท่านนี้สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบุญทำทาน มาอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่สาว ๆ แต่อาการก็ยังไม่หาย จนกระทั่งอายุประมาณ 70 ปี อาการกลัวที่แคบและนอนไม่หลับก็หายไปเอง

- พิจารณาแล้วเห็นว่า เพราะความกลัวตายจึงกลัวที่แคบ เกิดจากความคิดปรุงแต่ง แต่การปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องและเมื่อเกษียณมีเวลาปฏิบัติธรรมได้มากขึ้น ได้พิจารณามรณานุสติ ทำให้เข้าใจความตาย ความกลัวตายจึงลดลง จนปล่อยวางได้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาเป็นสิบ ๆ ปี

- การรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยสมาธิ ถ้าจิตเป็นสมาธิ มีปีติปราโมทย์แล้ว จะทำให้โรคที่มีอยู่ หายได้ ตามควรแก่ฐานะของมัน การมีธรรมะรักษาจิตใจ แม้โรคทางกายจะไม่หาย ต้องเป็นไปตามเหตุเงื่อนไขปัจจัย แต่เมื่อต้องตายก็จะมีจิตใจที่ผาสุกอยู่ได้ มีจิตใจที่สูงที่ประเสริฐ เมื่อละกายนี้ไป ก็จะไปเกิดในที่ที่ดี สุขคติโลกสวรรค์ เป็นหนทางที่ธรรมะสามารถนำพาไปได้


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ :

- อดีต = ความคิดปัจจุบัน ในเรื่องที่ผ่านมาแล้ว

อนาคต = ความคิดปัจจุบัน ในเรื่องที่ยังมาไม่ถึง

- เรื่องดีในตอนนั้น อาจเป็นเรื่องไม่ดีในอนาคตได้ หรือเรื่องไม่ดีในตอนนั้น อาจเป็นเรื่องดีในอนาคตได้ ไม่มีอะไรแน่นอน แต่การจมอยู่ในอดีตจะทำให้มองไม่เห็นอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร 

- ปมในอดีต = มีความยึดถือในจุดนั้นต่อเนื่องมา จนสะท้อนเป็นพฤติกรรมในปัจจุบัน อดีตและอนาคตจึงเป็น Timeline ที่มาด้วยกัน 


วิธีเลิกอดีตและอนาคต ให้อยู่กับปัจจุบัน:

- วิธีตัดความเชื่อมโยงในอดีต = ให้อภัย มีเมตตา วางอุเบกขา ไม่คิดปองร้ายอาฆาต แผ่ไปให้ คนที่ทำไม่ดีต่อเรา

- วิธีวางอนาคต = อนาคตยังไม่มาถึง อย่าเพิ่งไปนึกถึง วางแผนงานได้ แต่อย่าคาดหวัง

- ให้อยู่กับปัจจุบัน = ปัจจุบันเป็นของไม่เที่ยง เกิดได้ ดับได้ และไม่เพลินไปกับปัจจุบัน แต่ให้อยู่กับปัจจุบันด้วยสติสัมปชัญญะ ก็จะคลายความยึดถือทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ได้ โดยให้ปฏิบัติตามมรรค 8 ก็จะมีความสุขในปัจจุบัน ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ให้จิตของเราอยู่เหนือสุข เหนือทุกข์ ด้วยสติสัมปชัญญะ ก็จะอยู่เหนือโลก

- การเข้าใจอดีต อนาคต และปัจจุบันอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถปล่อยวางจิตใจได้อย่างสบาย มีเงื่อนไขปัจจัยในโลกผ่านเข้ามาทางตา ทางหู ให้เห็นด้วยความเป็นของไม่เที่ยง อันนี้เป็นการกระทำที่ถูกต้อง ให้มีระบบในการทำปัจจุบันให้มีความเหมาะสมถูกต้องดีงาม ด้วยอิทธิบาท 4


อุบายกำจัดความผูกเวร :

- จุดที่เกิดความผูกเวร ความอาฆาต ได้แก่ ตัวเรา คนที่เรารัก คนที่เราเกลียด 

- ต้องกำจัดที่จุดนั้น ให้เห็นความไม่เที่ยง ณ จุดนั้น ความผูกเวร ความอาฆาต ก็จะคลายลง


วิธีคลายความกลัวตาย :

ความกลัวอนาคต สุดจบอยู่ที่การตาย วิธีคลายความกังวลในความตายมี 4 อย่าง

1. ไม่ประมาทในการละกายทุจริต บำเพ็ญกายสุจริต

2. ไม่ประมาทในการละวจีทุจริต บำเพ็ญวจีสุจริต

3. ไม่ประมาทในการละมโนสุจริต บำเพ็ญมโนสุจริต

4. ไม่ประมาทในการละมิจฉาทิฏฐิ บำเพ็ญสัมมาทิฏฐิ

  

วิธีฝึกสะสมอาสวะที่ดีในปัจจุบัน : 

1. ฝึกอยู่คนเดียว - ทำจิตใจให้ดีอยู่ได้ ไม่เบื่อ ไม่เซ็ง

2. หาความสุขจากภายใน – ไม่พึ่งสิ่งภายนอก

3. รักษาสุขภาพกาย - รู้ประมาณในการบริโภค นอนให้ถูกเวลา ออกกำลังกาย

4. แบ่งเวลา ใช้เวลาให้ถูกต้องเหมาะสม 

5. มีกัลยาณมิตร - มีศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา




Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
4 months ago
56 minutes 44 seconds

1 สมการชีวิต
เจ้ากรรมนายเวร กับ กรรมเก่า [6812-1u]

Q1: ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่

A: การอุปการะผู้อื่นก่อน เป็นธรรมะค้ำจุนโลก

- การช่วยเหลือผู้อื่นโดยคิดว่าเขาจะช่วยกลับ จะทำให้ได้บุญน้อย

- การช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อให้เป็นเครื่องประดับจิต เป็นเครื่องปรุงแต่งจิต จะทำให้ได้บุญมาก เพราะจิตจะนุ่มนวลเหมาะสำหรับการเจริญสมถวิปัสสนา 


Q2: กรรมเก่า เจ้ากรรมนายเวร

A: ความเข้าใจที่ถูกต้อง คือ ทุกอย่างมีเหตุ มีปัจจัย มีเงื่อนไข บางอย่างเกิดจากกรรมเก่า บางอย่างเกิดจากกรรมใหม่ บางอย่างเกิดจากผู้มีอำนาจบันดาล ให้เรายืนหยัดตั้งมั่นในการสร้างกรรมดีไว้ แม้จะมีทุกข์บ้าง สุขบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาในโลก

- ถ้ามีคนมาผูกเวรกับเรา แต่เราจะไม่ผูกเวรกับใคร จะมองสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยความเป็นมิตร ไม่มองเห็นใครด้วยความเป็นศัตรูเลย ให้แผ่เมตตา ไม่คิดพยาบาทหรือเบียดเบียน

- บทสวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร เป็นวจีกรรม การกระทำดีทั้งทางกาย วาจา และใจ ต้องให้สอดคล้องกันด้วย


Q3: บรรลุธรรมสมัยพุทธกาลทำได้ง่ายกว่าปัจจุบัน

A: การบรรลุธรรมง่ายหรือยาก ขึ้นอยู่กับเหตุที่สร้าง ซึ่งแต่ละคนสร้างเหตุแห่งการบรรลุธรรมมาไม่เท่ากัน

- แม้สัทธรรมปฏิรูป (ธรรมะปลอม,ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง) จะมีมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ปฏิบัติผิด อย่างไรก็ตาม เหตุที่จะทำให้เกิดการบรรลุธรรมยังคงมีเหมือนเดิม นั่นคือ มรรค 8 (ศีล สมาธิ ปัญญา) ดังนั้น หากสร้างเหตุแห่งการบรรลุธรรม การบรรลุธรรมก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก  


Q4: ความสงบ คืออะไร

A: ความสงบ หมายถึง สงบจากราคะ โทสะ โมหะ

- วิเวก ได้แก่ วิเวกทางกาย (เสนาสนะสงัด) กับวิเวกทางใจ (ไม่คิดทางกาม พยาบาท เบียดเบียน)

- วิเวกขั้นพื้นฐาน คือ มีความคิดในทางกุศล


Q5: ลาภทั้งหลาย มีความไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง

A: ลาภ = การได้

- การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ คือ ไม่มีโรคทางกาย และไม่มีโรคทางใจ (ราคะ โทสะ โมหะ)


Q6: ทรัพย์มีความสันโดษ เป็นอย่างยิ่ง

A: สันโดษ = ความพอใจยินดีในสิ่งที่มีอยู่ 

- สันโดษ ทำให้ไม่ทุกข์ ช่วยรักษาจิต ดังนั้น ความสันโดษ จึงเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง


Q7: ญาติมีความคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง

A: สังคหวัตถุ 4 เป็นธรรมที่ช่วยประสานญาติมิตรได้ คือ ให้ทาน พูดดีต่อกัน ประพฤติประโยชน์ต่อกัน เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน 


Q8: พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

A: พระนิพพานเป็นความสุขที่ละเอียด



Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
4 months ago
53 minutes 22 seconds

1 สมการชีวิต
นำ "โจทย์" จากชีวิตจริงมาวิเคราะห์แจกแจง, เปิดประเด็นปัญหา ขุดคุ้ยคำตอบที่ซ่อนอยู่ แล้วปรับสมดุลย์ด้วยสัจจะธรรม เพื่อให้เห็นเส้นทางดำเนินต่อไปในชีวิต ในช่วง "สมการชีวิต". New Episode ทุกวันจันทร์ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.