Home
Categories
EXPLORE
True Crime
Comedy
Society & Culture
Business
News
Sports
TV & Film
About Us
Contact Us
Copyright
© 2024 PodJoint
00:00 / 00:00
Sign in

or

Don't have an account?
Sign up
Forgot password
https://is1-ssl.mzstatic.com/image/thumb/Podcasts116/v4/3a/43/09/3a4309fb-2278-d144-9de9-06270a8451de/mza_16103076572410334540.jpg/600x600bb.jpg
1 สมการชีวิต
ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana
346 episodes
21 hours ago
ในวันที่รู้สึกหลงทางกับปัญหาชีวิต เครียดกับความคาดหวังในการทำงาน และความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ยุ่งเหยิง มาร่วมค้นหาคำตอบกับรายการ "สมการชีวิต" ที่จะมอบหลักธรรมะที่เข้าใจง่ายเป็นแนวทางให้กับคุณ เพื่อเปลี่ยนจากความสับสนเป็นความมุ่งมั่น เปลี่ยนใจที่ร้อนรนให้สงบเย็น ครอบครัวจะกลับมาอบอุ่น การงานจะราบรื่น และคุณจะพบสมการชีวิตที่ลงตัวและเปี่ยมสุขอย่างแท้จริง

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
Health & Fitness
RSS
All content for 1 สมการชีวิต is the property of ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana and is served directly from their servers with no modification, redirects, or rehosting. The podcast is not affiliated with or endorsed by Podjoint in any way.
ในวันที่รู้สึกหลงทางกับปัญหาชีวิต เครียดกับความคาดหวังในการทำงาน และความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ยุ่งเหยิง มาร่วมค้นหาคำตอบกับรายการ "สมการชีวิต" ที่จะมอบหลักธรรมะที่เข้าใจง่ายเป็นแนวทางให้กับคุณ เพื่อเปลี่ยนจากความสับสนเป็นความมุ่งมั่น เปลี่ยนใจที่ร้อนรนให้สงบเย็น ครอบครัวจะกลับมาอบอุ่น การงานจะราบรื่น และคุณจะพบสมการชีวิตที่ลงตัวและเปี่ยมสุขอย่างแท้จริง

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
Health & Fitness
Episodes (20/346)
1 สมการชีวิต
"หมอนทองวิทยา" กับ "หลักธรรมสู่ความสำเร็จ" [6847-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: หมอนทองวิทยา

- จากข่าวทีมฟุตบอลโรงเรียนหมอนทองวิทยา ได้มุมมอง 4 เรื่อง

1. แม้ต้นทุนไม่เท่ากัน แต่ก็ประสบความสำเร็จได้ = ความเพียร ความพยายาม ความทุ่มเท ความมีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม ความทุ่มเทของผู้ฝึกสอน ปรากฏผลออกมาเป็นความสำเร็จ เกือบคว้าแชมป์

2. ชัยชนะแห่งความสำเร็จ ได้รับทีละน้อยตั้งแต่เริ่มตื่นนอนมาเพื่อฝึกซ้อม แข่งขันในทุกนัด

3. กัลยาณมิตร = เพื่อนที่นำกัลยาธรรม (ความดี) มาสู่ทีม คือ โค้ช

4. นี่คือเส้นทาง ยังไม่ใช่จุดหมาย = แต่ก็ได้เรียนรู้ระหว่างการเดินทาง ถ้าออกนอกเส้นทาง ก็จะไปไม่ถึงจุดหมาย ถ้าทำตามเส้นทาง ยังไงก็ไปถึงจุดหมาย


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: หลักธรรมสู่ความสำเร็จ

1. หลักอิทธิบาท 4 

(1) ฉันทะ = ความชอบ ความพอใจ

(2) วิริยะ = ความเพียร ความกล้า

(3) จิตตะ = ความเอาใจใส่ ความจดจ่อ

(4) วิมังสา = ความไตร่ตรอง ความใคร่ครวญ การปรับปรุงในสิ่งที่เป็นข้อผิดพลาด

- เจริญข้อใดข้อหนึ่งก็ได้ แต่ถ้าครบทำได้ทั้ง 4 ข้อ จะยิ่งดี พลังจะยิ่งมาก

- แต่ละข้อต้องอาศัย “สมาธิ” เป็นตัวกำกับ ทำให้เรื่องที่ตั้งไว้สำเร็จได้


2. หลักเสริมความสำเร็จ 9 ประการ

(1) ต้องมีสมาธิ = อาศัยฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา จนได้เอกัคคตาจิต จากนั้นให้ประคับประคองให้จิตตั้งไว้ให้ดีในการไม่ให้อกุศลเกิดขึ้น ทำกุศลธรรมให้เกิดขึ้น พัฒนากุศลธรรมที่มีอยู่

(2) ต้องไม่ย่อหย่อนเกินไป = ไม่เกียจคร้าน

(3) ไม่ประคับประคองเกินไป = ไม่กังวลใจ ไม่ฟุ้งซ่าน 

(4) ไม่หดหู่อยู่ในภายใน = ความง่วงซึม เหงาหงอย หดหู่ ท้อแท้

(5) ไม่ฟุ้งซ่านออกไปในภายนอก = อย่าฟุ้งซ่านไปตามตา หู จมูก ลิ้น กาย (กามคุณ 5) เช่น อาหาร การละเล่น ชื่อเสียง การสรรเสริญเยินยอ

(6) ให้ความสำคัญว่าเบื้องหน้าอย่างไร เบื้องหลังอย่างนั้น = ให้ทำดีอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง

(7) ให้ความสำคัญว่าเบื้องบนอย่างไร เบื้องล่างอย่างนั้น = ไม่ส่งจิตออกไปในภายนอกในขณะที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ แต่ให้ส่งจิตอยู่ในภายใน ให้จิตเจริญอยู่ในกาย เป็นการเจริญกายคตาสติ 

(8) ให้ความสำคัญว่ากลางวันอย่างไร กลางคืนอย่างนั้น = เจริญอิทธิบาท 4 โดยไม่เห็นแก่เวลาเลย

(9) ทำจิตให้เปิดเผย ไม่มีอะไรหุ้มห่อ = รักษาจิตใจให้มีความสว่างสดใส


โดยสรุป:

- การเจริญอิทธิบาท 4 เป็นการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิต

- การรักษาจิตให้สว่างสดใสและตั้งอิทธิบาท 4 ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อเอาจิตไปจดจ่อกับเรื่องใด ก็จะไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่ท้อถอย หากทำไปเรื่อย ๆ ก็จะได้รับความสำเร็จตลอดเส้นทาง โดยที่ความสำเร็จนั้นไม่ได้อยู่ในรูปแบบของถ้วยรางวัล แต่เป็นการชนะใจตนเองและผู้อื่น 


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
21 hours ago
56 minutes 42 seconds

1 สมการชีวิต
เส้นทางหลังความตาย [6846-1u]

Q1: ปฏิบัติธรรม-รักษาศีล ช่วงเข้าพรรษา 

A: ช่วงเข้าพรรษา พระสงฆ์มีข้อจำกัด เช่น งดการเดินทาง ฆราวาสจึงเอาคติข้อนี้มาใช้สร้างความเพียรอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น งดเหล้าเข้าพรรษา สวดมนต์ทุกวัน นั่งสมาธิทุกวัน

- ให้โฟกัสความสุขในช่วงเวลาที่ทำความเพียรนั้นว่า ได้อยู่ใกล้ชิดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (อริยอุโบสถ)


Q2: ทิศทางการตั้งพระพุทธรูป

A: พระพุทธรูปมีมาในสมัยหลัง จึงเทียบเคียงกับการจัดเสนาสนะสำหรับพระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาลที่มีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก

- อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้านั่งเทศน์ นั่งสมาธิได้ทุกทิศ ดังนั้น ทิศทางการตั้งพระพุทธรูปจึงไม่ใช่สาระสำคัญ เท่ากับการตั้งใจปฏิบัติธรรม


Q3: ตายแล้วไปไหน

A: ความตาย เป็นไปตามเหตุและปัจจัย 

- คนเราจะเกิดได้ ต้องเคยตายมาก่อน และเมื่อเกิดแล้ว ก็ต้องตาย เพราะเหตุแห่งความตายคือความเกิด ได้ทำมาแล้ว

- ซึ่งความตายสามารถดับไปได้ ถ้าเหตุและปัจจัยแห่งความตาย คือ ความเกิด นั้นหมดสิ้นไป

- หากละตัณหาและกำจัดอวิชชาได้ ก็จะละเหตุแห่งการเกิดได้ ความตายก็จะดับไป (นิพพาน) ซึ่งทำได้ด้วยการปฏิบัติตามมรรค 8 ก็จะพ้นจากความทุกข์ได้

- หากกลัวสูญเสียคนรัก ต้องเห็นด้วยปัญญาให้ได้ว่า ความตายเป็นเรื่องธรรมดา มีเกิดก็ต้องมีตาย

- ให้รักษาจิตของเราให้ดีตลอด จะได้ไปในที่ที่ดี 


Q4: สิ่งที่ระลึกได้ก่อนตาย

A: คนทำไม่ดีมาตลอด แต่จิตสุดท้ายคิดเรื่องดี ก็ไปดี 

- คนทำดีมาตลอด แต่จิตสุดท้ายคิดเรื่องไม่ดี ก็ไปไม่ดี

- อย่างไรก็ตาม ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ย่อมให้ผลแน่นอน อาจเป็นในเวลาต่อไป 


Q5: เกิดมาเจอกันเพราะบุญบาป

A: คนรักกันได้ เพราะความเกื้อกูลกันในปัจจุบันหรือในกาลก่อน

- คนเกลียดกันได้ เพราะเหตุในปัจจุบันหรือในกาลก่อน

- แต่ความรักความเกลียด สามารถเปลี่ยนแปลงได้ 

- ให้มีเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อดทน กรุณา รักษาศีลให้ดี ก็จะเปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตร เปลี่ยนคนเกลียดเป็นคนรักได้

- อย่างไรก็ดี ควรทำจิตให้อยู่เหนือรักเกลียด เหนือดีชั่ว เหนือสุขทุกข์ ซึ่งทำได้โดยเริ่มต้นจากมาทางดี คือ มรรค 8 (ศีล สมาธิ ปัญญา) อันเป็นเส้นทางที่จะทำให้จิตของเราอยู่เหนือสิ่งเหล่านั้นได้ ก็จะหลุดพ้นได้ 


Q6: ทำบุญขอหวย

A: ทำบุญ = ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา

- ถ้าทำบุญโดยไม่ปรารถนาอะไรตอบแทน = บุญบริสุทธิ์มากกว่า

- ถ้าทำบุญโดยปรารถนาอะไรตอบแทน = บุญมีความเศร้าหมองเจือปน

- การทำบุญโดยปรารถนาสิ่งตอบแทน ยังดีกว่าการไม่ทำบุญเลย

- ให้อธิษฐานสร้างเหตุ อย่าขอเอาผล


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 week ago
54 minutes 35 seconds

1 สมการชีวิต
ปาฏิหาริย์ใน 4 เดือนสุดท้ายของปี (Miracle Month) [6845-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: ครอบครัวฟังธรรม

- ครอบครัวที่หนึ่ง พ่อเปิดธรรมะฟัง แม่และคนอื่น ๆ ในบ้านก็ได้ฟังด้วย ทำให้เกิดปัญญา เกิดการพัฒนา เกิดความก้าวหน้าในชีวิต ทั้งทางโลกและเหนือโลก

- ครอบครัวที่สอง พ่อแม่เปิดธรรมะให้ลูกฟังก่อนนอน โดยเฉพาะรายการจิตตวิเวก ทำให้นอนหลับได้ดี

- ครอบครัวที่สาม พ่อฟังธรรมะ แม่กับลูกก็ได้ฟังด้วย ช่วงแรกพ่อเกิดความสงสัย ต่อมาได้ความรู้เพิ่มขึ้น ก็หายสงสัย

- การฟังธรรม ได้ประโยชน์แน่นอน ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: ปาฏิหาริย์ใน 4 เดือนสุดท้ายของปี (Miracle Month)

- เมื่อกำหนดเวลาสิ้นปีใกล้เข้ามา วิธีทำงานให้สำเร็จ มีดังนี้

(1) กำจัดความกังวลใจ ความฟุ้งซ่าน = ให้หายใจเข้า-ออก ลึก ๆ สัก 2-3 ครั้ง จะคลายกังวลได้

(2) อย่าคิดว่าตนเองสำคัญ ที่จะทำงานนั้นได้เพียงคนเดียว = ยังไงก็มีคนมาทำแทนได้

(3) สร้างระเบียบวินัย = เป็นทางแห่งความสำเร็จ

   - ระเบียบ = ตั้งระบบที่ถูกต้องในงานที่ทำ (อิทธิบาท 4 - ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา)

   - วินัย = ความสามารถที่จะลงมือทำ ในสิ่งที่ต้องทำ ในเวลาที่ต้องทำ ไม่ว่าจะอยากทำหรือไม่อยากทำก็ตาม


โดยสรุป: 

ในช่วงท้ายของปี ปาฏิหาริย์มักจะเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ สิ่งใดที่ปรารถนาก็ขอให้สำเร็จได้ด้วยอิทธิบาท 4 อันเป็นธรรมะแห่งความสำเร็จ การเจริญอิทธิบาท 4 ด้วยกาย วาจา ใจ จะทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน  


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 weeks ago
56 minutes 53 seconds

1 สมการชีวิต
AI สอนธรรมะ & Buddha Bot [6844-1u]

- โดยสรุป : ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ เช่น ใบลาน ตำรา คัมภีร์ หนังสือ เว็บไซต์ ข้อมูลจาก AI และหากปฏิบัติตามข้อมูลนั้นแล้ว ราคะ โทสะ โมหะ ลดลง นั่นเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า


Q2: AI Buddha Bot 

A: มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น สร้าง AI Bhudda Bot ให้คุยกับพระพุทธเจ้าได้ตลอดเวลา โดยนำข้อมูลมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่บันทึกไว้  

- ความจำเป็นของสถานที่ (วัด) ก็จะลดลง เปลี่ยนรูปแบบเป็นออนไลน์ ทั้งการสอน การนั่งสมาธิ การสวดมนต์ 

- เป็นการเปลี่ยนแปลงใน “รูปแบบ/สื่อการสอนธรรมะ” ส่วน “ธรรมะคำสอน” ไม่ได้เปลี่ยนแปลง


Q3: วิธีบริหารทรัพย์สิน

A: 1. เป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยถูกต้อง

2. แบ่งจ่ายทรัพย์ให้ถูกต้อง 4 หน้าที่

(1) ใช้ในครัวเรือน ใช้ส่วนตัว

(2) เก็บไว้ใช้ในยามฝนตก, ลงทุน

(3) ให้เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น

(4) ให้เพื่อหวังเอาบุญ


Q4: Work-Life Integration 

A: “ธรรมะ” ต้องอยู่ในชีวิตประจำวัน ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงานต้องสัมพันธ์กัน หลักธรรมจะประสานให้ไปด้วยกันได้ทั้งหมดโดยไม่มีการแบ่งแยก


Q5: การถูกต่อว่านินทา

A: การถูกนินทา เป็น 1 ในโลกธรรม 8 เป็นเรื่องธรรมดาของโลก แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ถูกนินทา 

- ให้มองเห็นด้วย “ปัญญา” ของผู้ที่เป็นบัณทิต

(1) มองเป็นธาตุ = เป็นเพียงลม เป็นแรงสั่นสะเทือนออกมาเสียง ไม่ได้มีความหมายใด ๆ  

(2) มองเป็นของไม่เที่ยง = เดี๋ยวก็ด่า เดี๋ยวก็ชม 

(3) มองว่าผู้ด่า คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์ = ให้เราพัฒนาแก้ไขข้อบกพร่องให้ดีขึ้น 


Q6: ทำวิปัสสนา ระหว่างทำงาน

A: สามารถทำได้ เป็น Work-Life Integration เพราะจิตเรามีดวงเดียว ธรรมะอยู่ที่จิต

- ต้องตั้งทัศนคติเอาไว้ให้ถูก โดยให้มีธรรมะทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ไม่แยกกัน

- การรักษาอินทรีย์ 5 (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่วัด ย่อมดี


Q7: ความรู้สึกผิดในอดีต

A: พระพุทธเจ้าสอนว่า “อย่าเป็นผู้ที่ต้องร้อนใจในภายหลังเลย” 

- ควรรู้สึกผิดตั้งแต่ตอนที่ทำไม่ดีนั้น 

- แต่ถ้ามารู้สึกผิดทีหลัง ก็ยังดี เป็นการรู้สึกตัว ให้ตั้งใจว่าจะไม่ทำผิดอีก ก็จะหยุดความร้อนใจในภายหลังไว้เพียงเท่านี้ 

- สิ่งที่ทำผิดไปแล้ว มันล่วงไปแล้ว ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงการไม่ทำผิดซ้ำอีก นี่จะเป็นการให้อภัยตัวเองอย่างแท้จริง เป็นการปลดเปลื้องภาระทางใจ


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 weeks ago
55 minutes 29 seconds

1 สมการชีวิต
"สุขในครอบครัว" เกิดได้ด้วย "ขันติ" [6843-1u]

ปัญหาชีวิตคู่

- ปัญหาครอบครัว สามารถปรึกษาพระสงฆ์ได้ แต่จะผิดพระวินัย หากพระสงฆ์สนับสนุนให้คนแต่งงานกัน หรือแนะนำให้หย่าร้างกัน

- ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่เมื่อแต่งงานแล้ว จะกลายเป็นเรื่องของสองครอบครัว ซึ่งแต่ละครอบครัวอาจมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน จึงเกิดปัญหาครอบครัวตามมา เช่น ปัญหาลูกสะใภ้กับแม่สามี ปัญหาสามีเข้ากับบ้านภรรยาไม่ได้ ปัญหาพฤติกรรมของลูก ปัญหาการเงินในครอบครัว ปัญหามือที่สาม ปัญหาการหย่าร้าง เป็นต้น


วิธีแก้ปัญหาครอบครัว

- ถ้าครอบครัวมีปัญหา ไม่รักกันเหมือนตอนแรก วิธีแก้ปัญหาโดยใช้ธรรมะข้อเดียว นั่นคือ “ตบะ”

- การจะรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ให้พิจารณา “ประโยชน์ 3 กาล” และ “ประโยชน์ 3 ที่”

ประโยชน์ 3 กาล = ประโยชน์ในเวลาปัจจุบัน ประโยชน์ในเวลาต่อมา และประโยชน์ในเวลาต่อมาต่อมาอีก

ประโยชน์ 3 ที่ = ประโยชน์เกิดกับตนเอง ประโยชน์เกิดกับผู้อื่น และประโยชน์เกิดกับทั้งสองฝ่าย


“ตบะ และ “ขันติ"

- “ตบะ” หมายถึง ความอดทนในสิ่งที่อดทนได้ยาก (ขันติ) ซึ่งประกอบด้วยปัญญาในการกำจัดอกุศลธรรมออกไปจากจิตใจให้ได้

- ความอดทน ก่อให้เกิดประโยชน์ 3 กาล และประโยชน์ 3 ที่

- ความอดทน ก่อให้เกิดความเพียร นำไปสู่การบรรลุธรรมได้

- จิตใจของคนที่มีขันติ จะไม่หวั่นไหวสะเทือนไปตามโลกธรรม 8 จะเห็นได้ว่าโลกธรรม 8 เป็นของไม่เที่ยง สุขก็มี ทุกข์ก็มี

- คู่ครองที่มีความอดทน (ขันติ) ความอดทนจะค่อย ๆ บ่มเพาะคุณธรรมให้เกิดขึ้น จากนั้น คุณธรรมที่มี ความดีที่มี จะแผ่รัศมี ส่งอานิสงส์ให้คนที่อยู่รอบตัวปฏิบัติคุณธรรมเหล่านั้นได้เช่นกัน เปรียบดั่ง การเอาน้ำดี ไล่น้ำเสีย การเอาผ้าสะอาด เช็ดสิ่งที่สกปรก


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
4 weeks ago
1 hour 2 minutes 10 seconds

1 สมการชีวิต
บัญชีพระ-บัญชีวัด [6842-1u]

Q1: บัญชีพระ บัญชีวัด

A: ตามธรรมวินัย เงินทองไม่ควรแก่สมณะ 

- จึงให้มีไวยาวัจกร ผู้ที่ทำการแทนพระ ในการจัดการปัจจัยสี่อันควรแก่สมณะจะบริโภค

- ถ้าโอนเข้าบัญชีพระรูปเดียว ก็ไม่เป็นไปตามธรรมวินัย

- แต่ถ้าเป็นบัญชีวัด/มูลนิธิ ที่ไม่ได้เซ็นคนเดียว แต่ต้องเซ็นร่วมกันหลายคน อันนี้ได้

- “การให้ทาน การสละออก เป็นสิ่งที่ดี ที่ควรทำ แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามรูปแบบ รัดกุม ไม่หละหลวม ก็จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย”


Q2: ข่าวพระมีผลต่อการทำบุญ

A: ความงมงาย = ตั้งศรัทธาไว้ไม่ถูก เช่น ตั้งศรัทธาไว้ที่ตัวบุคคล

- ศรัทธาที่ไม่มั่นคง ทำให้เกิดความคลอนแคลน เคลือบแคลงใจ เป็นวิจิกิจฉา

- ให้กลับมาตั้งศรัทธาให้ถูกต้องไว้ในพระพุทธ (การตรัสรู้) พระธรรม (คำสอน) พระสงฆ์ (การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ)


Q3: การขอพร

A: สุดโต่ง 2 ข้าง 1. ขอพรแล้ว แต่ไม่ทำอะไรเลย 2. ทุกอย่าง ฉันต้องทำเองทั้งหมด อะไรก็ช่วยไม่ได้

- ทางสายกลาง = ศรัทธา+ปัญญา+อธิษฐาน+ลงมือทำ

- ศรัทธาที่ประกอบด้วยความงมงาย จะไม่เกิดกำลังใจในการลงมือทำจริง

- ศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญา จะรู้ว่าอะไรเป็นเหตุ เป็นผล

- การตั้งจิตอธิษฐาน คือ การตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้า ที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

- เมื่อเจออุปสรรค ด้วยอำนาจของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้


Q4: ทำนายฟัน ดูดวง ดูฤกษ์ยาม เสกคาถา เป่าร่ายมนต์

A: หากทำเพื่อเลี้ยงชีพ ก็เป็นมิจฉาอาชีวะ

- ศรัทธา มี 3 ระดับ

1. ไม่มีศรัทธาเลย

2. มีศรัทธา แต่ตั้งไว้ในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ที่ไม่เป็นสัจจะความจริง

3. มีศรัทธา และตั้งไว้ในเรื่องที่ถูกต้อง ที่เป็นสัจจะความจริง คือ อริยสัจสี่


Q5: ไม่ได้โกหก แต่พูดไม่หมด 

A: มิจฉาวาจา ได้แก่ 1. พูดโกหก 2. พูดส่อเสียด พูดยุยงให้แตกกัน 3. พูดคำหยาบ 4. พูดเพ้อเจ้อ 

- ถ้ามีเจตนาพูดไม่หมด เพื่อให้คนอื่นเดือดร้อน แม้ไม่ได้โกหก ก็เป็นมิจฉาวาจาในข้ออื่นได้ และแม้ว่าจะไม่ผิดศีล ก็เป็นบาปทางใจได้


Q6: พูดโกหก เพื่อให้รู้สึกดี

A: วิธีให้รู้ความจริง อาจไม่ได้บอกในครั้งแรก แต่ต้องหาเวลาบอกในโอกาสต่อ ๆ ไป ในเวลาที่เหมาะสม ที่ผู้ฟังจะรับความจริงได้


Q7: AI สอนนิพพาน

A: ใครก็ตามที่สอนตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ก็สามารถนำไปสู่การบรรลุพระนิพพานได้


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
44 minutes 22 seconds

1 สมการชีวิต
วิธีออกแบบ "แผนของชีวิต" [6841-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: เหตุแห่งความสำเร็จ

- ผู้ฟังท่านนี้ ก่อนฟังธรรมะ ประสบความสำเร็จในชีวิตหลายอย่าง เรียนเก่ง ทำงานดี ความสามารถสูง เดิมเข้าใจว่าความสำเร็จเหล่านี้เกิดเพราะความเก่งของตนเท่านั้น ต่อมา ได้ฟังธรรมะ จึงมีความเข้าใจใหม่ว่า ความสำเร็จเป็นเรื่องของการให้ผลของกรรมที่สะสมมาในชาติก่อน ทั้งบุญกิริยาวัตถุ 10 การให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา นอกจากนี้ ยังมีเหตุอันเกิดจากอุตุ เหตุแห่งการเตรียมตัวสม่ำเสมอ เหตุจากสุขภาพ ส่งผลให้เกิดสุขทุกข์ในปัจจุบัน

- เมื่อเข้าใจในเหตุเงื่อนไขปัจจัย และความเป็นอนัตตา (ไม่มีตัวตน) แล้ว ทิฏฐิและความยึดถือในตน จึงลดลง 

- การฟังธรรมะ ทำให้กิเลสและความเศร้าหมองในจิตใจลดลง จิตใจมีความแจ่มใสมากขึ้น ความเครียดจึงลดลง สุขภาพดีขึ้น ผู้ฟังท่านนี้ก็มีจิตใจสบาย ไม่ถือตัว มีเหตุผล การงานก็ดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเกิดความคิดในงานดียิ่งขึ้น


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: วิธีออกแบบ “แผนของชีวิต”

- “ถ้าเราไม่มีแผนการดำเนินชีวิตของตัวเอง ก็จะต้องตกอยู่ในแผนการดำเนินชีวิตของผู้อื่น”

- “การไม่มีแผน นั่นแหละคือ แผนแห่งความล้มเหลวหรือความผิดพลาดทันที”


วิธีออกแบบ “แผนของชีวิต”

- เราต้องรู้ให้ได้ว่า เราต้องการอะไร/จะทำอะไร ในชีวิตข้างหน้า 1 ปี 10 ปี 20 ปี ...

- “ทางที่ใช่” จะรู้ได้ต่อเมื่อ “ลงมือทำ” โดย“ทำอย่างเต็มที่” จึงจะรู้ว่า “ชอบหรือไม่ชอบ” ในสิ่งนั้น


(1) “ทำเต็มที่”

- ต้องลงมือทำ = การลงมือทำ คือ ทางที่ใกล้ที่สุด เพื่อไปสู่จุดหมาย 

เช่น การว่ายน้ำ/ขี่จักรยาน ต้องลงมือทำจึงจะเกิดทักษะนั้น ไม่ใช่อ่านคู่มือ

- การเจอปัญหา/อุปสรรค/ความผิดพลาด ไม่ใช่ความล้มเหลว ให้มี Mindset ว่า ปัญหานั้นจะนำไปสู่การพัฒนาและความก้าวหน้า

- อย่าไปโฟกัสที่ความล้มเหลวว่าทำไม่ได้ เพราะจะเกิดความกลัวและคิดล้มเลิก แต่ให้โฟกัสจดจ่อในจุดที่ว่า ทำอย่างไรถึงจะทำได้ สิ่งนั้นจะมีพลัง

- ล้มแล้วอย่าเหลว ต้องล้มแล้วลุกให้ได้ นั่นคือ การพัฒนา เป็นความก้าวหน้า เช่น เด็กทารกฝึกเดินด้วยตนเอง

- การทำเต็มที่ = ทำด้วยศรัทธา (กำลังใจ) มีความเพียร (ทำจริงแน่วแน่จริง) มีสติ ระลึกได้ จดจ่อในเป้าหมายที่เราต้องการ จะเกิดเป็นสมาธิในงานที่ทำ (อินทรีย์ 5+อิทธิบาท 4) และจะเกิดปัญญา เห็นทิศทางที่ต้องดำเนินต่อไป


(2) “ความชอบหรือไม่ชอบ” 

- ความชอบหรือไม่ชอบในที่นี้ = ไม่ใช่ความพอใจ/ไม่พอใจ (ตัณหา) แต่หมายถึง เห็นด้วยปัญญา ว่าใช่หรือไม่ใช่ ทำให้จิตใจเราตั้งอยู่ได้หรือไม่


(3) ขอคำแนะนำจากผู้รู้ 

- ผู้ที่เคยไปถึงเป้าหมายนั้นมาก่อน เช่น พระพุทธเจ้า บรรลุเป้าหมาย คือ นิพพานแล้ว 


โดยสรุป:

- คนที่จะบอกได้ว่าชีวิตเราต้องการอะไร ไม่ใช่คนอื่น แต่คือตัวเราเอง เราต้องทำจิตใจให้สว่าง ด้วยการมีปัญญา ซึ่งต้องอาศัยสมาธิ และการลงมือทำจริง แน่วแน่จริง (ความเพียร) มีความมั่นใจ (ศรัทธา) มีสติ มีการพัฒนาจากข้อผิดพลาดต่าง ๆ 

- งานที่ทำเต็มที่ ด้วยหลักอินทรีย์ 5 ประกอบอิทธิบาท 4 จะเกิดปัญญา เห็นช่องทางไปต่อ ความแจ่มแจ้งในใจจะปรากฏขึ้นว่างานนั้น ใช่หรือไม่ใช่ เพียงแค่คิดอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องลงมือทำ


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
57 minutes 42 seconds

1 สมการชีวิต
ละความยึดติดในสิ่งสมมติทั้งหลาย [6840-1u]

Q1: ทำบุญแล้ว พระเอาไปใช้ในทางไม่ถูก จะได้บุญหรือไม่

A: บุญมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ

1. ศรัทธาของผู้ให้ = ทั้งก่อน ในระหว่าง และหลังให้

- ศรัทธานั้นไม่ได้ตั้งอยู่กับตัวบุคคล

- ศรัทธานั้นไม่ใช่ความงมงาย

2. ศีลของผู้รับ = มีราคะ โทสะ โมหะ มากหรือน้อย


Q2: ทำบุญต้องหวังผล

A: วิธีทำบุญมี 3 อย่าง คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการภาวนา

- ทำบุญต้องหวังผล หากผลที่หวังนั้น คือ นิพพานหรือการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ก็ต้องเลือก/พิจารณาการทำบุญนั้นให้ดี เช่น บุญจากการให้ทาน ต้องเลือกผู้รับที่เป็นเนื้อนาบุญ คือ มีราคะ โทสะ โมหะ น้อย โดยดูจากข้อวัตรปฏิบัติ ทางกาย วาจา ใจ ต้องใกล้ชิดและใช้เวลาดู 

- บุญจากการให้ทาน เกิดได้ 3 ช่วงเวลา คือ ก่อนให้ ระหว่างให้ และหลังให้ ถ้าก่อนให้และระหว่างให้ มีศรัทธา ก็ได้บุญ แต่หากต่อมามีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพระ แล้วเสื่อมศรัทธา บุญที่เกิดหลังให้ก็จะไม่ได้

- จึงไม่ควรตั้งศรัทธาไว้ที่ตัวบุคคล แต่ให้ตั้งศรัทธาไว้ที่สถาบันสงฆ์ ซึ่งไม่ได้หมายถึงบุคคล แต่คือ การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ

- เมื่อตั้งศรัทธาไว้ที่การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อย่างไม่คลอนแคลนแล้ว บุญก็จะไม่ลด ดังนั้น อย่าเอาการที่คนอื่นทำไม่ดี มาตัดกระแสบุญของเรา


Q3: ตู้ชำระหนี้สงฆ์

A: สมัยพุทธกาลไม่มี เพิ่งมีขึ้นในภายหลัง เริ่มจากประเพณีขนทรายเข้าวัด ที่มองว่าไปวัดแล้วเอาของวัดติดมาด้วย จึงต้องใช้หนี้วัด


Q4: บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นในวัด

A: สมัยก่อนไม่มีพระพุทธรูป การบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปวัด แต่การไปวัด คือ การไปรวมตัวกันเพื่อฟังธรรมจากผู้รู้ ไปทำความสงบ 

- ถ้าจะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ต้องบูชาในคุณธรรม ความดี ไม่ใช่บูชาเพื่อขอผล


Q5: เพาะพันธุ์แมวขาย

A: เป็นการค้าขายสัตว์เป็น

- ให้ทำอาชีพอื่นที่ไม่เสี่ยงเป็นบาป และมีเวลาว่างในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น จะดีกว่า


Q6: ทีฆชาณุสูตร

A: ทีฆชาณุสูตร = ประโยชน์ในปัจจุบัน 4 ประการ และประโยชน์ในอนาคต 4 ประการ

- ประโยชน์ในอนาคต 4 ประการ คือ ศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา 


Q7: ถวายตั๋วรถไฟให้พระ 

A: โยมท่านหนึ่งเจอพระที่สถานีรถไฟ ตั้งใจจะถวายตั๋วรถไฟให้พระ แต่พระให้ถวายเป็นเงินแทน จึงไม่ได้ถวายให้

- ที่โยมทำ เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมวินัยแล้ว

- การที่ไม่ได้ถวายเงินให้พระ เป็นสิ่งที่ถูกตามธรรมวินัยแล้ว เป็นการช่วยพระรักษาศีล ได้บุญ


Q8: บูชาบุคคลที่ควรบูชา

A: บุคคลที่ควรบูชา ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระสงฆ์ (ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ) ผู้มีศีล มารดาบิดา (ผู้มีอุปการะก่อน) ผู้มีพรหมวิหาร 4 บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เทวดา (ผู้มีศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา)


Q9: การยึดติดกับสิ่งสมมติ

A: การยึดถือ (อุปาทาน) เกิดจาก ความเพลิน ความพอใจ หากมีในสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน

- ต้องมีสติ จึงจะไม่เพลิน ก็จะไม่ยึดถือในสิ่งที่สมมติเหล่านั้น

- ต้องฝึกการมีสติอยู่เรื่อย ๆ ให้มีกำลังมากขึ้น ความเพลินก็จะค่อย ๆ ลดลง


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
55 minutes 48 seconds

1 สมการชีวิต
ปรับชีวิตคู่ ให้อยู่อย่างมีสุข [6839-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: ปัญหาชีวิตคู่

- ผู้หญิงท่านหนึ่งแต่งงานเข้าบ้านสามี ไม่ใช่เรื่องของคน 2 คน เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของ 2 ครอบครัว ต้องปรับตัวหลังแต่งงาน มีตัวแปรหลายอย่างเพิ่มขึ้น เช่น แม่สามี คนในครอบครัวสามี ลูก ปู่ย่าตายาย เกิดการกระทบกระทั่งกัน สามีลงไม้ลงมือ ไม่มีความสุขในครอบครัว 

- อำนาจของกิเลส ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ:

เรื่องเล่า “ใครน่ากลัวมากที่สุด”

- ประชาชนกลัวพระราชา พระราชากลัวนักรบที่ทรยศ นักรบกลัวโจรที่ไม่มีระเบียบวินัย โจรกลัวภรรยาด่า ภรรยากลัวคนนิ่ง ไม่เถียงกลับ 


เรื่องเล่า “ครอบครัวอยู่เป็นสุข ด้วยน้ำมนต์คุณยาย”

- สามีภรรยาคู่หนึ่ง ทะเลาะกันมาก เถียงกันวันเว้นวัน เกิดความระอาใจ ต่างคนต่างไม่ยอมกัน คิดว่าอีกฝ่ายเป็นต้นเหตุของปัญหา ภรรยาไปปรึกษาคุณยายว่าทำอย่างไรถึงอยู่กับคุณตาได้อย่างสงบ คุณยายจึงให้น้ำมนต์มา และกำชับว่าเมื่อสามีเข้ามาในเขตบ้านเมื่อไร ให้ภรรยาอมน้ำมนต์ไว้ในปาก จนกว่าสามีจะกินข้าวเสร็จ จึงค่อยบ้วนทิ้ง ให้ทำติดต่อกันเจ็ดวัน 

- ผลปรากฏว่า สามีภรรยาไม่ได้ต่อคำซึ่งกันและกัน จึงไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกันอีก


ความนิ่ง

- “ความนิ่ง” เป็นทางลัดที่จะนำไปสู่ความสงบ

- “ความนิ่ง” เป็นการเอาชนะการโต้เถียงกัน

- ชี้แจงได้ แต่ถ้าชี้แจงแล้วไม่เกิดประโยชน์ ก็ให้นิ่งเสีย

- ให้อดทน ยังไม่พูดขณะเกิดปัญหา รอให้อารมณ์เย็น บรรยากาศเหมาะสม จึงค่อยพูดคุยกัน

- “การนิ่ง” เป็น 1 ใน 4 ของฆราวาสธรรม 4 ในเรื่อง “ขันติ” (ความอดทน)


ฆราวาสธรรม 4 กับการใช้ชีวิตคู่

ฆราวาสธรรม 4 เป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงให้ไว้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของคนคู่ หรือผู้ครองเรือน

1. สัจจะ (ความจริง) = มีความไว้วางใจต่อกัน มีความจริงใจต่อกัน ทั้งทางกาย วาจา ใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง 

2. ทมะ (การฝึกตน) = มีความข่มบังคับใจต่อผัสสะที่ไม่น่าพอใจ 

3. ขันติ (ความอดทน) = มีความนิ่ง อดทนต่อสิ่งที่เป็นอกุศลธรรม

- ความอดทน (ละอกุศลธรรมด้วยสติและปัญญา) ไม่ใช่ ความเก็บกด (เก็บอกุศลธรรม ราคะ โทสะ โมหะ)

4. จาคะ (ความเสียสละ) = ยอมให้กัน ลดทิฏฐิมานะ ลดความเอาแต่ใจ เสียสละทั้งสองฝ่าย ประนีประนอมกัน

- การครองเรือนไม่ใช่งานง่าย ๆ มีภาระมาก ทุกข์ของผู้ครองเรือนมีมากกว่าการออกบวช

- ปัญหาครอบครัว เกิดจากการขาดฆราวาสธรรม 4 ข้อใดข้อหนึ่ง

- ยิ่งมีคนในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกันมากเท่าไร ยิ่งต้องเพิ่มฆราวาสธรรม 4 ให้มากขึ้นเท่านั้น 

- หากพยายามปรับตัวแล้ว ให้เวลาแล้ว ไม่ดีขึ้น ก็ลองแยกกันอยู่ ห่างกันสักพัก 

- ถ้าพิจารณาแล้วครอบครัวไม่มีฆราวาสธรรม 4 อยู่เลย และต้องเลิกกันจริง ๆ เพราะอยู่กับคนพาลไม่ดี ก็ให้เลิกกันด้วยดี ไม่คิดร้าย ไม่พยาบาท  


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
1 month ago
57 minutes 23 seconds

1 สมการชีวิต
วิธีทำบุญ ใส่บาตร และการนำของวัดไปใช้ [6838-1u]

Q1: นำของจากวัด มาใช้ส่วนตัว บาปหรือไม่

A: ต้องแยกประเด็นก่อนว่าสิ่งของนั้น ถวายให้ “สงฆ์” (หมู่, วัด, ไม่เจาะจงบุคคล) หรือ “ภิกษุ” (เจาะจงบุคคล) 

- กฎของสงฆ์ = หากญาติโยมจะน้อมลาภปัจจัยอันใดอันหนึ่งถวายเพื่อหมู่สงฆ์ ถ้ามีภิกษุบอกให้ถวายแก่ท่านเพียงรูปเดียว ภิกษุรูปนั้นเป็นอาบัติ (ความผิดน้อมลาภของหมู่เข้าสู่ตัวเอง)

- รูปแบบการแบ่งสิ่งของของสงฆ์ = ตักอาหารไล่จากภิกษุผู้มีพรรษามากไปหาน้อย, เก็บสิ่งของไว้ในคลังแล้วไปเบิกเมื่อต้องการใช้, จับสลาก

- ดังนั้น หากเป็นสิ่งของของหมู่สงฆ์ ถ้าญาติโยมจะเอาไปใช้ ก็ต้องขออนุญาตหมู่สงฆ์ เช่น เจ้าอาวาสผู้ได้รับมอบหมายให้ตัดสินใจแทนหมู่สงฆ์, หมู่สงฆ์เกิน 4 รูป ประชุมกันแล้ว ไม่ใช่ขออนุญาตภิกษุรูปเดียว เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว =ไม่เป็นการถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ = ไม่บาป, ไม่ผิดศีล


Q2: ใช้สิ่งของของคนตาย 

A: สิ่งของของคนตาย = ไม่มีเจ้าของ 

- คนตายไปแล้วไม่สามารถเรียกร้องว่าเป็นของตนได้อีกต่อไป ตัวอย่าง พระเจ้าปเสนทิโกศล ชี้ว่าสิ่งของนั้นเป็นของปู่ ของพ่อ ซึ่งตายไปแล้วแต่เอาไปไม่ได้ 


Q3: พระให้ถังสังฆทาน

A: สังฆทาน = ทานที่ให้แก่หมู่สงฆ์ ไม่ได้ให้เฉพาะเจาะจงบุคคล ไม่จำกัดรูปแบบว่าต้องเป็นถัง

- ถ้าภิกษุนั้นได้รับมอบฉันทะจากหมู่สงฆ์ให้สละได้ เช่น เจ้าอาวาส ผู้ได้รับก็เอาไปใช้ได้ จะเอาไปให้ใครต่อก็ได้


Q4: นำของที่ได้รับมาไปถวายต่อให้พระ

A: ทำได้ ผู้ให้ทอดแรกก็ได้บุญด้วย


Q5: ใส่บาตร ไม่ใส่น้ำดื่ม

A: มีอะไรก็ใส่บาตรได้ ใส่เท่าที่มี 

- บาตร จะใส่ได้เฉพาะของที่กลืนล่วงลำคอเท่านั้น

- ผู้ให้ทานแต่ละคน มีความละเอียดประณีตแตกต่างกัน  


Q6: ทำบุญไม่เกินตัว

A: “คนฉลาดในการให้ทาน จะไม่เบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น หรือทั้งสองฝ่าย”

- ความบริสุทธิ์ของบุญจากการให้ทานมากน้อย ขึ้นอยู่กับ

1. ผู้ให้ = มีศรัทธา มีศีล

2. ผู้รับ = มีราคะ โทสะ โมหะ น้อย

3. ของที่ให้ = ได้มาโดยบริสุทธิ์

- จำนวนเงิน, สิ่งของ ที่ให้ทาน ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักว่าจะได้บุญมากหรือน้อย

- การให้ทาน = เป็นไปเพื่อการสละออก ไม่ใช่เพื่อความยึดถือว่าต้องได้ผลของทาน

- การสร้างบุญนอกจากการให้ทานแล้ว ยังมีบุญเหล่าอื่น ได้แก่ การรักษาศีล การภาวนา ได้บุญมากกว่าให้ทาน นำไปสู่การอยู่เหนือบุญ เหนือบาป ได้


Q7: เรียนภาษาบาลี

A: การเข้าใจรูปแบบของภาษาบาลี ทำให้ได้รู้ความคิดของผู้พูด

- การเรียน = การฝึกฝนทักษะใหม่ 

- ถ้าเอื้อเฟื้อรับฟังคำตักเตือนของผู้สอน ด้วยความเคารพหนักแน่น ก็จะสามารถไปได้


Q8: ทำงานที่ไม่ชอบ กับคนที่ไม่ชอบ

A: ต้องตั้งสติไว้ให้มาก เปรียบเหมือนเข้าป่าที่มีหนามเยอะ ต้องระมัดระวังอย่างมาก

- ต้องตั้งสติไว้ให้ดี อย่าทำในสิ่งที่เป็นอกุศลธรรม เพื่อตอบโต้สิ่งไม่ดีที่คนอื่นทำ

- ตั้งสติโดยนึกถึงลมหายใจ, พุทโธ, กายคตาสติ เป็นต้น

- ความชอบในงาน = ปรับจิตเราได้ = อย่าเพลินไปตามสิ่งที่ชอบใจ (ความสบาย) ก็จะสามารถปรับจิตเพื่อการทำงานทั้งที่ชอบและไม่ชอบได้

- หลักธรรมที่ทำให้มีความสุขในการทำงาน คือ สังคหวัตถุ 4  

1. ทาน = แบ่งปันสิ่งของให้กัน 

2. ปิยวาจา = พูดจาดีต่อกัน

3. อัตถจริยา = ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

4. สมานัตตตา = เสมอต้นเสมอปลาย ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่เอาเปรียบ เห็นประโยชน์ส่วนรวม


Q9: Social Media กระทบกับการทำงาน

A: ปิดไปเลย, เอาโทรศัพท์ไปไว้อีกห้องหนึ่ง ให้เข้าถึงไม่ได้ในช่วงเวลานั้น

- แบ่งเวลาใช้ Social Media ให้เหมาะสม 


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
54 minutes 11 seconds

1 สมการชีวิต
วิธีกำจัด "ความบ้า" ในตัวทุกคน [6837-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: เป็นประสาท เพราะสามีมีหญิงอื่น

- ผู้หญิงท่านหนึ่ง เจอผัสสะที่ไม่น่าพอใจอย่างมาก แบบไม่ทันตั้งตัว จับได้ว่าสามีมีหญิงอื่น เกิดอาการมึน นอนไม่หลับ หัวเราะ ร้องไห้ หลายความคิดเกิดขึ้น คิดวน หาทางออกไม่เจอ จะเป็นประสาท


เปรียบเหมือนกับ “ถูกยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ”

- ลูกศรอาบยาพิษ = ตัณหา (ราคะ โทสะ โมหะ)

- พิษ = อวิชชา 

- แผล = ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (ต้องใช้สติ เป็นเครื่องมือตรวจหาว่าลูกศรที่แทงอยู่ตรงไหน)

- มีดปาดแผลเอาลูกศรออก = ปัญญาที่มีความคม

- บีบหนองที่แผลออก = กำจัดสิ่งไม่ดีออก อย่าไปทำอีก เช่น การด่า การคิดไม่ดี การทำร้ายผู้อื่น

- ยาใส่แผล = เจริญศีล สมาธิ ปัญญา เมตตา กรุณา อุเบกขา

- ไม่ให้แผลกำเริบ ไม่กินของแสลง ไม่ให้แผลโดนลมโดนแดด = อย่าทำสิ่งที่เป็นอกุศลเพิ่ม และอย่าคิด อย่าคุย อยู่ห่าง ๆ สิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดความโกรธนั้นขึ้นมาอีก

- ตัวเรา คือ ผู้ที่รู้ว่าเจ็บตรงไหนได้ดีที่สุด พระพุทธเจ้าให้ยาไว้แล้ว ก็ให้ใส่ยาให้ตรงแผลที่สุด ก็จะหายจากโรค (ความเข้าใจผิด) นี้ได้

- ธรรมะรักษานี้ แม้จะต้องเจ็บบ้าง แต่ถ้าไม่รีบรักษา เชื้ออาจลุกลาม จนต้องตัดอวัยวะหรือเสียชีวิต

- ทางที่ดี ควรป้องกันไม่ให้ถูกแทงด้วยลูกศรอาบยาพิษแต่แรก โดยสำรวมอินทรีย์ รักษาศีล ไม่เพลิน ไม่หลง เห็นตามความเป็นจริง


ความรักแบบเมตตาหรือราคะ

- “ความรัก” อยู่ตรงไหน ภัยอันตรายอยู่ตรงนั้น เพราะสิ่งที่รักที่พอใจ ย่อมเปลี่ยนแปลงไป ไม่เที่ยง นี่คือความจริง 

- ต้องมีสติ ทำจิตให้นิ่งเป็นสมาธิ จะเกิดปัญญาเห็นตามความเป็นจริง แยกได้ว่าเป็นความรักแบบเมตตาหรือราคะ ให้ถอนราคะออก เหลือไว้แต่เมตตา

 - ความจริงเป็นของดี กุศลธรรมเกิดขึ้นได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าสุขเวทนาหรือทุกขเวทนา ก็ให้เข้าใจว่าสุขทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา และเลือกที่จะสร้างสิ่งที่เป็นกุศล


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: สัญญาณบ่งบอกความบ้า

1.ทางด้านพฤติกรรม = นอนไม่หลับ นอนมากเกินไป เบื่ออาหาร กินมากขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น หาอบายมุขเพื่อให้เกิดความสุขในตอนนั้น เช่น สุรา บุหรี่ ยาเสพติด เล่นโซเซียลมากเกินไป

2. ทางด้านอารมณ์ = เพ้อ อาละวาด เครียดตลอดเวลา หวาดระแวง กังวลใจไปหมด

3. ทางด้านความคิด = จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ ตัดสินใจในเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ คิดว่าจะมีคนทำร้าย เห็นภาพหลอน ได้ยินเสียงแว่ว คิดทำร้ายตัวเอง


โรคประสาทมีในทุกคน

- คนบ้า คือ คนที่ยังมีราคะ โทสะ โมหะ 

- จะเกิดความวิปลาส 4 อย่าง 

1. เห็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ว่าเที่ยง

2. เห็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข

3. เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน (อนัตตา) ว่าเป็นตัวเราของเรา

4. เห็นสิ่งไม่งาม (อสุภะ) ว่าเป็นของงาม


ราคะ โทสะ โมหะ ทำให้ไม่เป็นตัวเอง 

ราคะ = ความหิว ความต้องการ

โทสะ = ความร้อน ความโกรธ ความไม่พอใจ

โมหะ = ความไม่เข้าใจ ความมึน ความมืด


วิธีการกำจัดราคะ โทสะ โมหะ 

- ใช้สติ = ตรวจหาลูกศรอาบยาพิษ

- ใช้ปัญญา = มีดปาดแผลเอาลูกศรออก

- ใช้ศีล สมาธิ ปัญญา เห็นตามความเป็นจริง เมตตา กรุณา อุเบกขา = ใส่ยาที่แผลทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

- แผลหาย = กำจัดอวิชชาซึ่งเป็นรากของราคะ โทสะ โมหะ ออกไปจากจิตได้ ไม่วิปลาสอีกต่อไป เป็นผู้ที่พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
58 minutes 43 seconds

1 สมการชีวิต
หนังสือสุทธิ และการรับเงินของพระ [6836-1u]

Q1: หนังสือสุทธิของพระ

A: หนังสือสุทธิของพระ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการบวช เช่น วันที่บวช พระอุปัชฌาย์ วัดที่สังกัด สมณศักดิ์ ข้อมูลทะเบียนราษฎรบางส่วน (เลขบัตรประจำตัวประชาชน มารดาบิดา สัญชาติ) 


Q2: การรับเงินของพระ

A: พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ชัดเจนว่า “เงินและทองไม่ควรแก่สมณะ เงินและทองควรแก่ผู้บริโภคกาม”

- พระสงฆ์ยินดีในทองและเงินที่เก็บไว้ให้ไม่ได้ เป็นอาบัติ

- วิธีที่จะทำให้เกิดความบริสุทธิ์ ความบริบูรณ์ ตามธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ และไม่เป็นการขวางทางบุญของผู้ให้ทาน คือ 

1. ญาติโยมสามารถให้เงินไว้กับไวยาวัจกร แล้วบอกว่าเป็นเงินสำหรับปัจจัยสี่ของพระในเรื่องใด ให้ไวยาวัจกรเป็นผู้จัดการดูแลให้ 

2. เมื่อพระต้องการปัจจัยสี่ใด ก็ไปบอกไวยาวัจกรให้จัดหาให้ แต่จะไปเบิกเป็นเงินไม่ได้ ไวยาวัจกรก็จะนำเงินที่ญาติโยมให้ไว้นำไปจัดหาสิ่งของนั้นให้พระ 


Q3: นรกสวรรค์ เป็นสิ่งสมมติ 

A: อยู่ที่มุมมองต่อสิ่งที่มากระทบ

- นรก = การได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ในสิ่งที่ไม่น่าพอใจ

- สวรรค์ = การได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ในสิ่งที่พอใจ

- เมื่อมีผัสสะมากระทบ อาจถูกกิเลสบิดเบือนทำให้การรับรู้ของจิตผิดเพี้ยนไปในทางร้อน ทางหิว ทางมืด ตามอำนาจของราคะ โทสะ โมหะได้ 

- หากไม่มีกิเลส ก็จะเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริงด้วยปัญญาว่า ทุกขเวทนาและสุขเวทนาที่เกิดขึ้น ก็เป็นธรรมดาอย่างนั้น จิตก็จะอยู่เหนือบาป เหนือบุญ เหนือสวรรค์ เหนือนนรก เป็นสภาวะหลุดพ้น (นิพพาน) ซึ่งมรรค 8 เป็นทางที่นำไปสู่ทางหลุดพ้นนี้ได้


Q4: ผู้ไม่ถูกนินทา ย่อมไม่มีในโลก

A: สุข-ทุกข์ นินทา-สรรเสริญ มีลาภ-เสื่อมลาภ มียศ-เสื่อมยศ (โลกธรรม 8) = เป็นของโลก โลกจะหมุนไป เปลี่ยนแปลงไปอย่างนี้ เดี๋ยวมี เดี๋ยวไม่มี

- ถ้าผิดจริงก็ปรับปรุงแก้ไข แต่ถ้าไม่ได้ทำผิด ก็อย่าถือคำด่าคำนินทานั้นเป็นสาระ ให้ทำความดีต่อไปเรื่อย ๆ 


Q5: ผู้ชี้ขุมทรัพย์

A: เรื่องนี้อยู่ในกินติสูตร 

- ผู้ที่ตักเตือนผู้อื่น เป็นกัลยาณมิตร มีความเป็นผู้นำ มีพรหมวิหาร 4  

1. ถ้าพูดเตือน ณ ตอนนั้น แล้วเขาไม่เคือง = ก็พูดตอนนั้นได้เลย 

2. ถ้าพูดเตือน ณ ตอนนั้น แล้วเขาจะเคือง = ก็อย่าเพิ่งพูด ให้หาเวลาและวิธีการอื่นที่พูดแล้วเขารับได้ เช่น เวลากินข้าว

3. ให้เห็นว่าความขัดเคืองของเขาเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการที่เขาจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ = ก็ต้องพูด

4. ถ้าพูดเตือนแล้ว เขาจะเคือง และจะไม่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่ ๆ = ก็ต้องใช้อุเบกขา

- อย่ามีจิตใจที่คิดว่า “เรื่องของเขา เราจะไม่ยุ่ง” อันนี้เป็นโมหะ แต่ให้มีพรหมวิหาร 4 พิจารณาตามลำดับข้างต้น 


Q6: ไม่ควรไว้ใจในคนไม่คุ้นเคย แม้ในคนคุ้นเคยก็ไม่ควรไว้ใจ 

A: ไว้ใจ = เพลิน, ประมาท, ถือวิสาสะ ไม่ได้หมายความว่า ไม่เชื่อใจ

- ต่อให้เป็นคนคุ้นเคยกัน ก็ต้องระมัดระวัง เกรงใจกัน ไม่ถือวิสาสะ ไม่ประมาท 


Q7: ลดผลกรรมจากอาชีพฆ่าสัตว์

A: ลดผลของกรรม = เพิ่มปริมาณความดี

- ให้ทำความดีอย่างอื่น ไม่ประมาทในการให้ทาน ไม่ประมาทในการรักษาศีลข้ออื่น ไม่ประมาทในการเจริญภาวนา และให้ตั้งจิตอธิษฐานที่จะทำมาหากินอย่างอื่นที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
52 minutes 45 seconds

1 สมการชีวิต
ข้อปฏิบัติที่ไม่มีทางผิด 3 ประการ [6835-1u]

ช่วงไต่ตามทาง:

- ผู้ฟังท่านนี้ เคยเป็นคนมีความสงสัยมาก แต่เมื่อได้ฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น จิตใจเย็นลง ความสงสัยในเรื่องต่าง ๆ จางคลายไป ระงับไป 


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: วิธีคิดที่ไม่มีทางผิด

- อปัณณกสูตร การปฏิบัติที่ไม่มีทางผิด 


เรื่องที่ 1 อุปมาเหมือนลูกเต๋าที่ปรับแต่งถ่วงน้ำหนักไว้แล้ว ยังไงก็ลงด้านนี้ตลอด ใช้เป็นกลโกงในการเล่นพนัน ก็แต่คนดีก็สามารถนำมาวิธีคิดให้ได้เปรียบมาใช้กับสถานการณ์เพื่อให้ตั้งอยู่ในความดีได้ตลอด ไม่เผลอเพลิน มีสติ ทำสิ่งที่เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น หรือทั้งสองฝ่าย ทั้งในปัจจุบันและในเวลาต่อ ๆ ไป


เรื่องที่ 2 พ่อค้าเดินทางด้วยเกวียนไปค้าขายต่างเมือง ต้องผ่านเส้นทางที่มียักษ์คอยหลอกลวงจับพ่อค้ากิน พ่อค้าเห็นว่าถ้าข้ามไปได้จะค้าขายได้กำไรมาก จึงเตรียมตัวบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น เตรียมน้ำไปให้เกินพอดีนิดหน่อยสำหรับการเดินทาง สั่งลูกน้องไม่ให้ใช้น้ำเกินและอย่าเชื่อคนที่เจอระหว่างทาง 


ความเสี่ยงสูง แต่คุ้มที่จะทำ

- ในทุกเรื่อง ถ้าไม่มีความรู้ ไม่มีปัญญา ก็จะมีความเสี่ยงสูง แต่ถ้าจะเกิดผลตอบแทนที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ต่อผู้อื่น หรือทั้งสองฝ่าย และเกิดประโยชน์ทั้งในเวลาปัจจุบันและในเวลาต่อ ๆ ไปอีก แม้จะมีความเสี่ยงมาก แต่ก็คุ้มที่จะทำ โดยสามารถลดความเสี่ยง ด้วยการเพิ่มความรู้ ลดความยาก ด้วยการเพิ่มความเพียรได้


วิธีคิดที่ไม่มีทางผิด

1. มีระบบที่จะป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้า (มีปัญญา โยนิโสมนสิการ)

2. มีระเบียบวินัยที่จะทำตามระบบนั้น (มีวิริยะ มีความเพียร)

3. หากเกิดความผิดพลาด ให้รีบแก้ไข

4. มีความยืดหยุ่น เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ได้ แต่ต้องไม่เสี่ยงจนเกินไป


วิธีคิดในการกระทำมี 2 แบบ 

1. ยังไงก็ผิด = เป็นความวิบัติ 3 อย่าง คือ ศีลวิบัติ จิตวิบัติ และทิฏฐิวิบัติ

2. ยังไงก็ไม่ผิด = เป็นความถึงพร้อม 3 อย่าง คือ ศีลสัมปทา จิตสัมปทา และทิฏฐิสัมปทา


ข้อปฏิบัติ 3 อย่าง ที่ไม่มีทางผิด 

1. การคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย = สำรวมอินทรีย์ ระวังอย่าให้บาป อกุศลธรรมเกิดขึ้น

2. การรู้ประมาณในการบริโภค = อย่ากินมากเกินไป กินพอระงับเวทนา ไม่กินเพื่อเล่น, มัวเมา, ประดับตกแต่ง

3. การประกอบความเพียรเครื่องตื่นอยู่เนือง ๆ = ทำความเพียรในการเดินจงกรม นั่งสมาธิ อยู่เป็นประจำ

- ถ้ามีความคิดนึกตริตรึกใน 3 เรื่องนี้อยู่เสมอ จะทำให้การปฏิบัติไม่ว่าเรื่องใด มีแต่จะดีท่าเดียว


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
2 months ago
59 minutes 13 seconds

1 สมการชีวิต
ความคิดในจิตสุดท้าย [6834-1u]

Q1: พระสูตรภาษาอังกฤษ 

A: พระสูตร 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) รับฟังได้ 4 ช่องทาง

1. FM 88.00 MHz ทุกวัน เวลา 05.00-05.30 น. 

2. Youtube ช่องปัญญาภาวนา รายการ PureDhamma

3. Podcast ช่องปัญญาภาวนา รายการ PureDhamma 

4. www.panya.org 

- รายการ Sunday Dhamma talk เดือนละครั้ง ทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือน ทาง FM 88.00 MHz เวลา 08.00 น.  


Q2: ค้าขายอาวุธ

A: สำหรับอุบาสกอุบาสิกา ที่มีจิตใจน้อมตั้งดิ่งอยู่กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ควรค้าขาย 5 อย่าง ได้แก่ 1. อาวุธ 2. สัตว์เป็น 3. สัตว์ตาย (เนื้อสัตว์) 4. สุรา 5. ยาพิษ

- แม้การค้าขาย 5 อย่างนี้ จะไม่ผิดศีล แต่เป็นไปเพื่อการสนับสนุนให้มีการทำผิดศีล จึงมีส่วนได้รับบาปนั้นด้วย

- เพื่อไม่ให้ได้รับส่วนแห่งบาป อันจะเป็นตัวปิดกั้นทางสู่มรรคผลนิพพาน ให้ค้าขายอย่างอื่นหรือทำอาชีพอื่น

- ยุทโธปกรณ์ที่ใช้สำหรับป้องกันอาวุธเข้ามาโจมตี ถือว่าเป็นอาวุธเช่นกัน เพราะขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะนำใช้ไปทางไหน จึงถือเป็นการค้าขายอาวุธ

- การปรับเปลี่ยนความรู้ ความสามารถ เทคโนโลยี ไปในทางไม่เบียดเบียน เกิดประโยชน์กับตัวเองหรือผู้อื่น คือทางที่ถูกต้อง


Q3:ค้าขายเนื้อสัตว์

A: บุญ บาป เป็นคนละบัญชี

- การค้าขายเนื้อสัตว์ ไม่ได้ผิดศีล

- คนขายเนื้อสัตว์ อย่าทำผิดศีลและสร้างบุญในรูปแบบอื่น เช่น รักษาศีลให้ดี เจริญสมาธิ ทำทาน ค่อย ๆ ลดการเบียดเบียนลง และตั้งจิตอธิษฐานในการเปลี่ยนอาชีพ 


Q4: การซื้อหุ้นของบริษัทค้าอาวุธ

A: แบบแรก ซื้อหุ้นแบบวิเคราะห์สถิติ ซื้อมาขายไป = ไม่เป็นการสนับสนุนการค้าอาวุธ

แบบสอง ซื้อหุ้นแบบพื้นฐาน มองธุรกิจ ผลประกอบการในช่วงมีการรบ คาดว่าจะได้กำไรจึงลงทุน = เป็นการสนับสนุนการค้าอาวุธ


Q5: เนื้อวัว VS เนื้อหมู

A: การฆ่า ไม่ดีทั้งหมด

- สัตว์ที่ฆ่า บาปไม่เท่ากัน ดูจากตัวเล็กตัวใหญ่ มีบุญคุณมากน้อย สัตว์นั้นเบียดเบียนมากหรือน้อย

- คนที่ค้าขายเนื้อสัตว์ เมื่อรู้ว่าประมาทแล้วแต่ยังออกมาไม่ได้ ก็ต้องไม่ประมาท อาจลดการฆ่าหรือลดกินเนื้อสัตว์บางประเภท


Q6: ละความโกรธ

A: ไม่ควรโกรธใครเลย

1. ใช้ “เมตตา” ช่วยละความโกรธ 

2. ใช้ “กรุณา” เพื่อยับยั้งการตอบโต้ของเรา, แนะนำเขาให้ดีขึ้น 

3. ใช้ “อุเบกขา” หยุดจิตของเราไม่ให้ไปในทางอกุศล ให้ตั้งจิตวางเฉยต่อผัสสะที่มากระทบว่า “สัตว์โลกมีกรรมเป็นของของตน เขาทำกรรมอย่างไร ก็จะได้รับผลอย่างนั้น เขาเบียดเบียนผู้อื่น เขาก็มีกรรมของเขา ถ้าเราเบียดเบียนเขา เราก็จะมีกรรมของเรา อย่ากระนั้นเลย เราก็จะไม่เบียดเบียนใคร”


Q7: ภัยธรรมชาติ เกิดจากกรรมใด

A: ทุกขเวทนา เกิดได้ด้วยเหตุ 6 ประการ คือ 1. กรรมเก่าของเรา 2.เหตุแห่งดินฟ้าอากาศ 3.กรรมของคนอื่น 4. สุขภาพของเรา 5. เตรียมตัวไม่สม่ำเสมอ 6. กรรมในปัจจุบัน 

- วิธีปรับจิตให้อยู่กับเวทนาได้อย่างสบายใจ คือ นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วทำสิ่งที่ควรทำ เว้นสิ่งที่ควรเว้น บุญจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่อยู่กับทุกขเวทนา เช่น ขันติ อุเบกขา

- “เห็นทุกข์ จึงเห็นธรรม” เพราะทุกข์สังเกตได้ง่าย ทำให้ไม่ประมาท แต่สุข ทำให้เพลินได้ง่าย ทำให้ประมาท แต่ทั้งสุขและทุกข์ ต่างก็ตั้งอยู่ดับไปเช่นกัน สุขเวทนาและทุกขเวทนาจึงนำมาซึ่งทุกข์พอ ๆ กัน 


Q8: ความคิดในจิตสุดท้าย

A: จิตสุดท้าย ให้นึกถึงสิ่งที่เป็นกุศลธรรมที่เคยได้ทำ จะนำไปสู่สุขคติ เช่น การทำบุญทำทาน รักษาศีล ดูแลพ่อแม่อย่างดี เคยไปบวชไปปฏิบัติธรรม นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ นึกถึงการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของเรา จะทำให้เป็นผู้มีสติ ไม่ลืมหลง เกิดสมาธิ อย่างน้อยก็ได้เป็นพระอนาคามี มีพรหมโลกเป็นที่ไป

- ด้วยจิตสงบ มีสมาธิแล้ว ถ้าพิจารณาให้เกิดปัญญาว่า “ทุกสิ่งเป็นของไม่เที่ยง” ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ ไม่ก่อนไม่หลังความตาย 

- ขอให้มีสติ ไม่หลง ไม่เพลิน ไม่ประมาท ฝึกจิตให้นึกถึงสิ่งที่เป็นกุศลธรรมอยู่เสมอ นึกถึงความตายวันละหลาย ๆ รอบ เป็นมรณานุสติ

การนึกถึงความตายด้วยปัญญาอย่างถูกต้อง ก็จะพ้นจากความตายได้


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
54 minutes 49 seconds

1 สมการชีวิต
อธิษฐานสู่ความสำเร็จ [6833-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: บนบานเพื่อได้ยอดขาย/สอบติด

- ผู้ฟังท่านนี้เป็นนักขายประกัน มีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ไม่เชื่อว่าการบนบานจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ แต่เพื่อนร่วมวงการไปบนบานแล้วได้ลูกค้าเพิ่ม และลูกค้าของผู้ฟังก็ให้หมอดูก่อนทำประกัน เกิดความลังเลว่าจะไปบนบานบ้างดีหรือไม่ แต่ในใจก็แย้งเพราะมีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย 

- ผู้ฟังอีกท่าน มีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ลูกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้พาลูกไปบนบานศาลกล่าวที่ใด ต่างกับเด็กคนอื่น

- ความมั่นใจอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ สามารถยังประโยชน์ให้ถึงความสำเร็จในชีวิตได้


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: อธิษฐานสู่ความสำเร็จ

ความงมงาย กับ การอธิษฐาน

- งมงาย = ศรัทธาที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา

- อธิษฐาน = การตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่เป็นการ “สร้างเหตุ” ที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จ ไม่ใช่อธิษฐานเพื่อขอผลสำเร็จ โดยจะมีเครื่องบูชาหรือไม่ก็ได้ สำคัญอยู่ที่ใจ 

- การอธิษฐานไม่ใช่การบนบานหรืออ้อนวอนขอร้อง

- พระพุทธเจ้าสอนว่า “ถ้าลำพังคนเราจะได้อะไร เพียงจากการอ้อนวอนขอร้องแล้ว จะไม่มีใครเสื่อมจากอะไร” 

- การอ้อนวอนขอร้องไม่ใช่หลักการของคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ท่านให้ทำ คือ “อธิษฐาน”


การบูชาสิ่งที่ควรบูชาเป็นมงคลอย่างยิ่ง 

- การบูชา ไม่ใช่การอ้อนวอนขอร้อง

- การบูชาบรรพบุรุษ หรือเทพเจ้า ให้บูชาในคุณความดีให้เข้ามาอยู่ในจิตใจ เช่น ความเมตตากรุณาที่ท่านเลี้ยงดูมา คุณความดีของเทพเจ้า เช่น ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ ความเพียร 

- เครื่องบูชา มี 2 รูปแบบ ได้แก่ 

1. การให้ทานโดยมีผู้รับ

2. การบูชายัญโดยไม่มีผู้รับ

- ความเชื่อที่ว่า ยัญที่บูชาแล้วมีผล ทานที่ให้แล้วมีผล เป็นสัมมาทิฏฐิ


อธิษฐานสร้างเหตุนำไปสู่ความสำเร็จ

- ระเบียบวินัย นำไปสู่ความสำเร็จ

- วิธีตั้งจิตอธิษฐาน 

1. เริ่มต้นให้ตั้งจิตยินดีนึกถึงศีลหรือคุณความดีของสิ่งที่อธิษฐานต่อ เช่น คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สังฆคุณ 9 ของครูบาอาจารย์ ความดีของเทพเจ้าต่าง ๆ ศีลของพญานาค สังคหวัตถุ 4 ของท้าวเวสสุวรรณ พรหมวิหาร 4 ของท้าวมหาพรหม

2. บูชาด้วยสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์

3. ให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “เพื่อให้ได้ผลนี้ ฉันจะสร้างเหตุดังนี้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใด ก็จะไม่เลิกความเพียรนี้”


พระพุทธเจ้าอธิษฐานสร้างเหตุ

- การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุด พระพุทธเจ้าอธิษฐานสร้างเหตุที่ใต้ต้นโพธิ์


ความมั่นใจและความศรัทธา

- กำลังใจในการทำความเพียร (วิริยะ) = ความมั่นใจ = ความศรัทธา = ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผลและปัญญา ไม่ใช่งมงาย

- ศรัทธา 4 อย่าง ได้แก่

1. ศรัทธาในเรื่องของกรรม = กฎแห่งกรรม

2. ศรัทธาในผลของกรรม = ผลของกรรมอาจไม่ได้ให้ผลในทันที แต่จะให้ผลในเวลาต่อไป และให้ผลไม่เท่ากัน มากบ้างน้อยบ้าง

3. ศรัทธาว่าสัตว์มีกรรมเป็นของของตน = แต่ละคนต้องรับผิดชอบในการกระทำของตน

4. ศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า = พุทโธ (ทางพ้นทุกข์มีอยู่) ธัมโม (วิธีปฏิบัติเพื่อให้ถึงความพ้นทุกข์มีอยู่) สังโฆ (ผู้ปฏิบัติแล้วพ้นทุกข์ได้จริงมีอยู่) ให้มีศรัทธาในข้อนี้แบบอจลศรัทธา คือ ศรัทธาเหมือนเสาหินยาว 16 ศอก มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 1 ศอก เป็นเสาหินทั้งแท่งไม่มีรอยต่อ ฝังลงไปในดินลึก 8 ศอก โผล่ขึ้นพ้นดินยาว 8 ศอก ทำมุม 90 องศากับพื้นดิน ตบดินให้แน่นอย่างดี ลมจะไม่สามารถพัดเสานี้ให้สั่นคลอนได้ ผู้ที่มีศรัทธาในข้อนี้อย่างเต็มเปี่ยม สามารถยังประโยชน์ให้ไม่ต้องเกิดอีก เป็นพระโสดาบันเข้าถึงกระแสที่จะเข้าสู่พระนิพพานได้

- บุคคลที่มีศีลเต็ม มีศรัทธาเต็ม สามารถยังประโยชน์ในชีวิตนี้ให้สำเร็จได้


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
56 minutes 35 seconds

1 สมการชีวิต
วิธีเปลี่ยนแปลงความผิดพลาดในชีวิต [6832-1u]

Q1: ชาวพุทธสายมู

A: คนมีที่พึ่งดีกว่าคนไม่มีที่พึ่ง เพราะคนมีที่พึ่ง ยังมีความละอายใจกับการทำไม่ดีต่อสิ่งที่นับถือ แต่คนไม่มีที่พึ่งจะทำไม่ดีได้โดยไม่ละอายใจต่อสิ่งใด 

- คนมีที่พึ่งไม่ถูกต้อง = ขอให้พ้นทุกข์ด้วยการอ้อนวอนขอร้องต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่การอ้อนวอนขอร้องไม่ใช่วิธีที่ทำให้พ้นทุกข์ได้ เพราะถ้าใช่ โลกนี้จะไม่มีใครเสื่อมจากอะไร ไม่มีคนเจ็บป่วย ซึ่งความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น 

- คนมีที่พึ่งถูกต้อง = คือ มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง แล้วรู้ธรรมะ เห็นธรรมะ ใช้ธรรมะเป็นที่พึ่ง คือ การใช้ตนเป็นที่พึ่ง ทุกข์หนักอยู่ที่ใจ ถ้าจิตใจตั้งไว้ถูกต้อง ก็จะปล่อยวางทุกข์ได้ จิตใจจะเบาลงได้ โดยไม่ต้องอ้อนวอนขอร้องต่อสิ่งใด

- อิทธิปาฏิหาริย์ในพระพุทธศาสนามีมาก หลายชั้น แต่ไม่ใช่เรื่องการอ้อนวอนขอร้อง ไม่ได้มีสิ่งใดบันดาล แต่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจที่เกิดจากอำนาจของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 

- มรรค 8 (ศีล สมาธิ ปัญญา) ที่เกิดจากการมีศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดในชีวิตได้ ทำกรรมดีก็จะได้ผลดี กรรมนั่นแหละ คือ ปาฏิหาริย์ของการกระทำที่จะให้ผลเกิดขึ้นกับตัวเรา หากเข้าใจได้เช่นนี้ นั่นคือ ปัญญา อภินิหารต่าง ๆ จึงจัดอยู่ในส่วนของปัญญา


Q2: ทำบุญใส่ซองให้พระ/ใส่ในบาตร/ตู้บริจาค

A: พุทธพจน์ = เงินและทองไม่ควรแก่สมณะ เงินและทองควรแก่ฆราวาสเท่านั้น สมณะไม่ควรยินดีในการรับเงินและทอง แต่สามารถรับปัจจัยสี่ที่ควรแก่สมณะจะบริโภคที่เกิดจากเงินและทองนั้นได้ โดยให้มี “ไวยาวัจกร” ผู้ที่ทำการแทนสงฆ์ 

- ไวยาวัจกร ต้องเป็นอุบาสก หรือคนทำการในอารามนั้นที่ไม่ใช่ผู้หญิง

- เมื่อพระต้องใช้ปัจจัยสี่ที่ควรแก่สมณะจะบริโภคสิ่งใด ก็จะไปบอกไวยาวัจกรให้ช่วยจัดหาให้ ไวยาวัจกรก็จะนำเงินที่โยมทำบุญไปจัดหามาให้พระ

- การให้ทาน ต้องหวังเอาบุญ จึงต้องทำต่อเนื้อนาบุญ (ผู้ที่มีราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง)


Q3: Internet ประตูสู่ความเสื่อมของพุทธศาสนา

A: พระพุทธศาสนาเคยเสื่อมจากประเทศอินเดียที่เป็นต้นกำเนิดของศาสนา ทั้งที่สมัยนั้นยังไม่มี Internet แต่เพราะมีมิจฉาทิฏฐิ ทำให้ความเข้าใจที่ถูกต้องค่อย ๆ หายไป

- เหตุแห่งความเสื่อมของพุทธศาสนา คือ พระเถระไม่ใส่ใจในการปฏิบัติอย่างจริงจัง ไม่ทรงจำคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้องดีงาม ไม่ได้บอกสอนต่อกันไป สนใจแต่เรื่องชื่อเสียง ลาภสักการะ

- เทคโนโลยี เป็นผัสสะรูปแบบหนึ่ง มีการสื่อสารข้อมูล ผัสสะจะเป็นตัวกระตุ้นกิเลส จึงต้องสำรวมอินทรีย์ ตั้งสติไว้ให้ดี

- Internet เป็นเครืองมือในการเผยแพร่คำสอนได้


Q4: พระเล่น Internet

A: ถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่การละเล่นอันเป็นข้าศึกต่อกุศลธรรม (กระตุ้นราคะ โทสะ โมหะ) ก็ทำได้ ไม่ผิดศีล ไม่อาบัติ

- การผ่อนคลายสำหรับพระสงฆ์ คือ การนั่งสมาธิ ไม่ใช่การดูซีรีส์


Q5: ภาระของพระสงฆ์

A: ภาระ = ของหนัก 

- เมื่อบวชเป็นพระ ก็ต้องรับภาระในการทรงจำคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ 

- สมบัติ/ประโยชน์ที่จะได้รับในพุทธศาสนาก็มีมากเช่นกัน เป็นเรื่องเบาใจ เช่น มีความปล่อยวาง มีจิตสงบ มีปัญญา มีสมาธิ

- ต้องมีความคิดแบบม้าอาชาไนย ต่อให้ใครไม่ทำ เราก็จะทำ 

- เมื่อรับภาระแล้ว ให้มุ่งที่ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ก็จะมีกำลังใจในการปฏิบัติ


Q6: ความผิดพลาดในชีวิต

A: ถ้ามองแต่จุดที่ผิดพลาด ก็จะโฟกัสที่จุดนั้น สิ่งนั้นก็จะมีพลัง ทำให้กิเลสเพิ่มขึ้น (ราคะ โทสะ โมหะ เพิ่มขึ้น)

- แต่ถ้ามองข้อผิดพลาดนั้นว่า เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง พัฒนาข้อผิดพลาดให้ดีขึ้น = เป็นสัมมาทิฏฐิ (ราคา โทสะ โมหะ เบาบางลง) เกิดสัมมาวายามะ (ความเพียร) เกิดความแน่วแน่จริง การลงมือทำจริง ข้อผิดพลาดนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงพัฒนาให้ดีขึ้นได้


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
56 minutes 20 seconds

1 สมการชีวิต
วิธีรับมือกับสถานการณ์ที่ยากต่อการตัดสินใจ [6831-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: ทำงานที่ใหม่/ที่เดิม

- ผู้ฟังท่านนี้ได้รับข้อเสนอจากที่ทำงานใหม่ที่ดีกว่าที่เดิม แต่ก็ลังเลใจเพราะที่ทำงานเดิมก็ดีอยู่แล้ว จึงปรึกษาคนรอบข้าง แต่ก็ได้รับความเห็นต่างกัน จึงตัดสินใจไม่ได้

- สภาวะกำกวม กังวลใจ ความสับสน ความไม่แน่ใจ ความไม่มั่นใจ ความเคลือบเคลืองสงสัย เห็นแย้ง เรียกว่า “วิจิกิจฉา”  


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: ปัญญากับสถานการณ์ที่ยากต่อการตัดสินใจ

ตัวเรา คือ คนที่รู้ตัวเราดีที่สุดว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร ต้องการสิ่งไหน จะดำเนินชีวิตไปอย่างไร แต่ที่ตัดสินใจไม่ได้ เพราะจิตของเราไม่ได้ตั้งอยู่ในสถานะที่จะบอกได้ เพราะยังมีความไม่ลงใจ มีความเคลือบแคลงใจ เรียกว่า “วิจิกิจฉา” ซึ่งทางออกของปัญหานั้น คือ “ทางสายกลาง”


ทางสายกลาง = มัชฌิมาปฏิปทา องค์ประกอบอันประเสริฐ 8 อย่าง (ศีล สมาธิ ปัญญา)

- การตัดสินใจไม่ได้ เป็นมิจฉาสังกัปปะ ยังไม่อยู่ในทางสายกลาง

- ความขัดแย้งกันในตัวเอง ต้องใช้ปัญญาเท่านั้นจึงจะเข้าใจ

- “ปัญญา” เกิดได้ด้วยการคิดอย่างเป็นระบบตามอริยสัจสี่ (โยนิโสมนสิการ) ด้วยจิตอันเป็นสมาธิ เรียกว่า การพิจารณา เมื่อพิจารณาแล้วก็จะเกิดปัญญา


วิธีทำให้เกิดปัญญา (ทำให้จิตว่าง) 2 วิธี

วิธีที่ 1 นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 

- จิตจะเกิดความสบายใจ เพราะเมื่อเราตริตรึกเรื่องไหน จิตจะน้อมไปในเรื่องนั้น จิตน้อมไปในเรื่องไหน สิ่งนั้นจะมีพลัง

- เมื่อเรานึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างถูกต้องดีงาม ประกอบด้วยปัญญา อันเป็นศรัทธาที่ใช่แล้ว เราจะมีปีติสุข คือ ความอิ่มเอิบใจ ความสบายใจเกิดขึ้นในภายใน ความเครียด ความกังวลใจ ภายในใจ ก็จะหยุดลงครู่หนึ่ง ณ จังหวะนั้น เราหยุดความกังวลใจได้ หยุดสิ่งที่ไม่ควรทำได้ และเราก็จะสามารถทำสิ่งที่ควรทำ ควรเจริญ ให้เกิดขึ้นได้ ณ จุดนั้น แล้วก็ต้องรักษาสภาวะแบบนี้ไว้ ก็จะไม่กลับไปกังวลใจอีก

วิธีที่ 2 เจริญพรหมวิหาร 4 

- เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา


วิธีพิจารณาสถานการณ์ที่ยากต่อการตัดสินใจ

- เมื่อจิตสงบแล้ว ให้ยกเอาสิ่งสถานการณ์ที่เป็นปัญหาขึ้นมาพิจารณา ทีละทางเลือก ด้วยจิตอันสงบ แล้วสังเกตดูจิตของเราว่าแจ่มใสขึ้น หรือเศร้าหมองลง ร้อนหรือเย็น ทำ 3 ครั้ง 3 วัน จดไว้ แล้วตัดสินใจตามนั้น อย่าเปลี่ยนการตัดสินใจอีก เดินหน้าอย่างเดียว

- การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ทุกข์ก็มี สุขก็มี ต้องเจอปัญหา ปรับตัว ให้มีการพัฒนา บ่มเพาะให้จิตใจมีความเข้มแข็ง เรียนรู้จากประสบการณ์


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
47 minutes 54 seconds

1 สมการชีวิต
พระสงฆ์ สีกา กับ วิกฤตแห่งศรัทธา [6830-1u]

Q1: พระสงฆ์ สีกา กับ วิกฤติแห่งศรัทธา

A: พระพุทธเจ้าบัญญัติ “พระวินัย” เพื่อให้คนที่ยังไม่มีศรัทธา ให้มีศรัทธา ให้คนที่มีศรัทธาอยู่แล้ว ให้มีศรัทธามากยิ่งขึ้น เพราะมีพระวินัย พระพุทธศาสนาจึงดำรงมาได้จนถึงทุกวันนี้

แง่มุมที่ 1 = เป็นเรื่องที่ดี ที่อุบาสก อุบาสิกา ในปัจจุบัน ยังมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า พฤติกรรมเสพเมถุนของพระสงฆ์กับสีกาในข่าว เป็นสิ่งไม่ดี ซึ่งเป็นกระบวนการป้องกันการประพฤติมิชอบในศาสนา


แง่มุมที่ 2 = ความมหัศจรรย์ของธรรมวินัย จะมีกระบวนการกำจัดคนไม่ดีออกไป คนทุศีล จะอยู่ไม่ได้ พระพุทธเจ้าเปรียบไว้ เหมือนทะเลจะไม่อยู่รวมกับซากศพหรือเศษสิ่งของ ที่จะถูกพัดให้เกยตื้นขึ้นฝั่งเสมอ 


แง่มุมที่ 3 = การปล่อยให้คนไม่ดีอยู่ในหมู่สงฆ์ ก็จะดึงคนอื่นไปไม่ดีด้วย (อ้างได้ว่าคนอื่นก็ทำ) ดังนั้น การตัดคนไม่ดีออกจากระบบ จะทำให้คนอื่นไม่ถูกดึงไปในทางเสื่อมด้วย 

- เรื่อง อาบัติ ไม่ได้มีไว้เพื่อเพ่งโทษ แต่เป็นกรอบเพื่อแยกแยะเรื่องดี เรื่องไม่ดี ถ้าไม่ดี ก็ให้แก้ไขปรับปรุง

- อาบัติหนัก = การกระทำที่ผิดพลาด ซึ่งมีกระบวนการแก้ไขได้ยาก เช่น อาบัติสังฆาทิเสส (ต้องติดคุกพระ 6 วัน และต้องนิมนต์พระ 20 รูป มาเพื่อรับฟัง และแก้ไข), อาบัติปาราชิก (เช่น เสพเมถุน ขโมยของ ฆ่ามนุษย์ อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน ต้องขาดจากความเป็นพระ)

- แม้อาบัติหนัก จะแก้ไขได้ยากหรือแก้ไขไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ตกนรกเสมอไป ถ้าปรับปรุงตนเองเป็นฆราวาส รักษาศีล 8 อย่างดี หรือบวชเป็นเณร รักษาศีล 10 อย่างดี ก็สามารถบรรลุธรรมได้


แง่มุมที่ 4 = คำว่า “สีกา” มาจาก อุบาสิกา, คำว่า “ประสก” มาจาก อุบาสก


แง่มุมที่ 5 = จุดเกิดการแก้ไขปรับปรุงตน คือ ตนเตือนตน, คนอื่นเตือนตน, โดนโพสต์ลงโซเซียล, ถูกองค์กรวินิจฉัย, ตกนรก


แง่มุมที่ 6 = การทำผิดศีล เกิดจาก “กิเลส” ล่อลวง ด้วยชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ เพศตรงข้าม 


แง่มุมที่ 7 = โทษของการศรัทธาในตัวบุคคล 5 อย่าง 1. เสียความเลื่อมใส 2. ติเตียน 3. เสียใจ 4. เสื่อมจากสัทธรรม 5. เสื่อมศรัทธา 

- “ศรัทธา” จึงต้องประกอบด้วย “ปัญญา” เสมอ กล่าวคือ ศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า (ไม่ใช่ตัวพระพุทธเจ้า) (พุทโธ) ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า (ธัมโม) และศรัทธาในการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ของพระสงฆ์หรือใครก็ได้ (สังโฆ)

- ปัจจุบัน พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยังคงมีอยู่ ไม่ได้หายไปไหน หากเห็นด้วยปัญญาเช่นนี้ นั่นคือ อจลศรัทธา เป็นศรัทธาที่ไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลน


Q2: การลาสิกขา

A: การลาสิขา จะสำเร็จประโยชน์ต่อเมื่อ มีบุคคลที่เป็นพระสงฆ์ (ที่ไม่ปาราชิก) คนเดียว รับฟังว่า จะไม่อยู่เป็นพระแล้ว ขอลาสิกขา เพียงเท่านี้ ทำที่ไหนก็ได้ 

- ถ้าอาบัติปาราชิก บวชใหม่เป็นพระไม่ได้ แต่บวชเป็นเณรได้ ถ้าอาบัติอื่น บวชใหม่เป็นพระได้

- เรื่องเบาใจในศาสนานี้ยังมีอยู่ เช่น การเจริญเมตตา ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วเจริญพรหมวิหาร 4 แม้ชั่วลัดมือเดียว ก็ได้ชื่อว่าทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่เหินห่างจากฌานแล้ว จะมีนิพพานเป็นที่สุดจบได้นั่นเอง


Q3: ข้อปฏิบัติของพระสงฆ์ต่อสีกา

A: พระวินัย บัญญัติไว้แล้ว เช่น อย่ามอง, อย่าคุย, ถ้าต้องคุย ให้คุยเรื่องธรรมะ และห้ามเกิน 6 คำ, ถ้าต้องคุยเกิน 6 คำ ต้องมีผู้ชายอื่นอยู่ด้วย, ห้ามอยู่สองต่อสองในที่ลับหู ลับตา, ถ้าต้องอยู่สองต่อสองในที่ลับหู ลับตา หรือไม่ลับตา แต่ลับหู ก็ต้องยืน ห้ามนั่ง 

- ให้รักษาศีล ตรวจสอบตนเองอยู่เป็นประจำ สำรวมอินทรีย์ ไม่ประมาท ในธรรมวินัยนี้ เป็นคำสอนสำหรับผู้ตั้งเจตนาดี มีปัญญา มีศรัทธา รู้จักแก้ไขปรับปรุงตัว ก็จะไม่เสีย มีแต่เจริญ


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
3 months ago
51 minutes 40 seconds

1 สมการชีวิต
วิธีรับมือกับสิ่งไม่น่าพอใจ [6829-1u]

ช่วงไต่ตามทาง: ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง

- ผู้ฟังท่านนี้เป็นข้าราชการ ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง เพราะคนที่อาวุโสน้อยกว่า ความสามารถน้อยกว่า แต่มีเส้นสาย ได้รับการเลื่อนตำแหน่งข้ามตนเองไป แต่ผู้ฟังท่านนี้ก็อดทน ไม่โกรธ ตั้งใจทำงานต่อไปอย่างดี ต่อมา หัวหน้าแผนกอื่นเห็นความสามารถจึงชักชวนไปอยู่ที่ส่วนงานอื่น ท้ายที่สุด ผู้ฟังท่านนี้ก็ได้เลื่อนตำแหน่งและทำงานด้วยความสุขใจ

- การที่เราตั้งอยู่ในความดี รักษาความดีของตนไว้อยู่ตลอด ปรับปรุงแก้ไขตนเองให้ดีอยู่เสมอ เป็นกุศลกรรม เป็นประโยชน์ แม้จะมีสิ่งที่ไม่น่าพอใจเกิดขึ้นบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ความดีนั้นจะให้ผลแน่นอน แต่อาจออกมาในรูปแบบอื่นที่ไม่คาดคิดได้


ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: วิธีรับมือกับสิ่งไม่น่าพอใจ 5 ประการ

- เมื่อพบเจอสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ต้อง “มีสติ” รู้ว่าความไม่น่าพอใจเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นให้ทำวิธีใดวิธีหนึ่งใน 5 วิธีนี้ เพื่อทำให้จิตใจตั้งอยู่ในกุศลธรรม กำจัดอกุศลธรรมออกไปจากใจ  

- วิธีที่ 1 คิดเรื่องอื่น = ให้คิดเรื่องอื่นในทางสว่าง ไม่ใช่ทางที่ผิดศีล ตัวอย่าง กรณีนางปฏาจารา กรณีนางวิสาขา 

- วิธีที่ 2 เห็นโทษของสิ่งที่ไม่น่าพอใจนั้น = ให้ละอกุศลธรรมในใจทันที ด้วยการเห็นโทษของสิ่งนั้น เช่น โทษของความโกรธ คือ ผิวพรรณไม่งาม นอนไม่เป็นสุข ได้รับความเสื่อม มีโภคทรัพย์น้อย ความไม่ดีเกิดขึ้นกับตน เสื่อมจากมิตร 

- วิธีที่ 3 ไม่นึกถึงเรื่องที่ไม่น่าพอใจนั้นเลย = เอาจิตไปเข้าสมาธิแทน ตัวอย่าง กรณีพระมหาปันถก

- วิธีที่ 4 มองแง่มุมอื่นที่เป็นกุศล = ตัวอย่าง กรณีพระปุณณะ ไปอยู่ที่เมืองสุนาปรันตะ กรณีเศรษฐีตีนแมว

- วิธีที่ 5 อดทนต่อสิ่งที่ไม่น่าพอใจ = เช่น การนั่งสมาธิ


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
4 months ago
59 minutes 7 seconds

1 สมการชีวิต
งานสำเร็จด้วยจิตเป็นสุข [6828-1u]

Q1: หลักธรรมนำองค์กรสู่ความสำเร็จ

A: หัวหน้าต้องมีสังคหวัตถุ 4 = ธรรมะที่จะประสานหมู่ชนให้สามัคคีกันได้ 

   1. ทาน = ให้ เสียสละ แบ่งปัน 

   2. ปิยวาจา = พูดจาดีต่อกัน ไม่ทิ่มแทง ไม่พูดคำหยาบ

   3. อัตถจริยา =ประพฤติประโยชน์ ช่วยเหลือกัน

   4. สมานัตตตา = มีตนเสมอกัน นัยแรก เสมอต้นเสมอปลายในทาน ปิยวาจา และอัตถจริยา นัยสอง มีเป้าหมายร่วมกัน นัยสาม มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรเช่นเดียวกับผู้อื่น

- หัวหน้าต้องมีพรหมวิหาร 4 = ธรรมะเพื่อการรักษาความเป็นผู้ใหญ่ของตน (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)

- บุคคลในองค์กรต้องมีอิทธิบาท 4 = ธรรมะเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา)


Q2: ทำงานอย่างไรให้จิตใจเป็นสุข

A: งานทุกอย่างสามารถสร้างกุศลธรรมให้เกิดขึ้นในงานนั้นได้ (ยกเว้นงานที่ทำผิดศีล) เช่น สร้างความดี รักษาศีล ทำสังควัตถุ 4 เจริญอิทธิบาท 4 มีพรหมวิหาร 4 เป็นต้น ให้ตั้งความพอใจไว้ตรงนี้ ก็จะเกิดสันตุฏฐี = ความสันโดษ (พอใจในสิ่งที่มี ไม่ไปตามอำนาจความอยาก) ทำให้รักษาจิตให้เป็นสุขได้ ส่งผลให้เจริญอิทธิบาท 4 ได้ดียิ่งขึ้น ก็จะนำไปสู่ความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ 


Q3: การทำงานเป็นทีม

A: นอกจากสังคหวัตถุ 4 แล้ว ต้องมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นด้วย

- หัวหน้าต่อลูกน้อง (ตามหลักทิศ 6) = ให้ของที่มีรสประหลาด ให้ทำงานตามกำลัง มีรางวัลวันหยุด ดูแลยามเจ็บไข้

- ลูกน้องต่อหัวหน้า (ตามหลักทิศ 6) = ทำงานเต็มที่ ไม่ถือเอาทรัพย์ที่เจ้านายไม่ได้ให้ มาทำงานก่อน เลิกงานทีหลัง 


Q4: ธรรมะสำหรับชีวิตคู่

A: ฆราวาสธรรม 4 = ธรรมะสำหรับผู้ครองเรือน

1. สัจจะ (ความจริง) = นัยแรก ให้ความจริงต่อกัน นัยสอง เห็นความจริงของโลก (อริยสัจ, อนิจจัง, อนัตตา)

2. ทมะ (การฝึกตน)) = ฝึกข่มบังคับใจตน ปรับเปลี่ยนตนเอง

3. ขันติ (ความอดทน) = อดทนต่อสิ่งที่ไม่น่าพอใจ พฤติกรรมที่ไม่ชอบ 

4. จาคะ (ความเสียสละ) 

- ความรักด้วยราคะ = ต้องการเงื่อนไขตอบแทน

- ความรักด้วยเมตตา = ไม่ต้องการเงื่อนไขใดตอบแทน ไม่มีประมาณ ไม่มีขอบเขต

- ความอดทนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของราคะซึ่งอยู่ไม่นิ่ง ความอดทนนั้นจะอยู่ได้ไม่นาน ทนได้แค่ไหน ก็อยู่ด้วยกันได้เท่านั้น 

- แต่ความอดทนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเมตตา ความอดทนนั้นจะตามมาด้วยพรหมวิหาร 4 ข้ออื่น รวมถึงอุเบกขา

- สามีภรรยาไม่สามารถเปลี่ยนอีกฝ่ายให้เป็นในแบบที่ “อยาก” ให้เป็นได้ จึงต้องฝึกจิตใจให้มีความมั่นคง จึงจะอดทนได้มาก หากมีความอยากมาก จิตใจก็จะไม่มั่นคง 


Q5: ภรรยา 7 ประเภท และหน้าที่ของสามี

A: ภรรยา 7 ประเภท

1. ภรรยาเสมอด้วยเพชฌฆาต = จ้องทำร้ายสามี

2. ภรรยาเสมอด้วยโจร = ขโมยของสามี, มีชู้

3. ภรรยาเสมอด้วยเจ้านาย = ชอบออกคำสั่งกับสามี

4. ภรรยาเสมอด้วยแม่ = คอยดูแล เตือนสามี 

5. ภรรยาเสมอด้วยพี่สาวน้องสาว 

6. ภรรยาเสมอด้วยเพื่อน

7. ภรรยาเสมอด้วยทาสี

- ข้อ 1-3 ไม่ดี ทำให้จิตใจตั้งอยู่ในทางอกุศล

- ข้อ 4-7 ดี ทำให้จิตใจตั้งอยู่ในทางกุศล


- หน้าที่ของสามีต่อภรรยา 5 ประการ

1. ยกย่องภรรยา 

2. ไม่ดูหมิ่นภรรยา 

3. ไม่ประพฤตินอกใจ 

4. มอบความเป็นใหญ่ในหน้าที่ให้ 

5. ให้เครื่องประดับ


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Show more...
4 months ago
51 minutes 18 seconds

1 สมการชีวิต
ในวันที่รู้สึกหลงทางกับปัญหาชีวิต เครียดกับความคาดหวังในการทำงาน และความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ยุ่งเหยิง มาร่วมค้นหาคำตอบกับรายการ "สมการชีวิต" ที่จะมอบหลักธรรมะที่เข้าใจง่ายเป็นแนวทางให้กับคุณ เพื่อเปลี่ยนจากความสับสนเป็นความมุ่งมั่น เปลี่ยนใจที่ร้อนรนให้สงบเย็น ครอบครัวจะกลับมาอบอุ่น การงานจะราบรื่น และคุณจะพบสมการชีวิตที่ลงตัวและเปี่ยมสุขอย่างแท้จริง

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.