Home
Categories
EXPLORE
True Crime
Comedy
Society & Culture
Business
Sports
History
Fiction
About Us
Contact Us
Copyright
© 2024 PodJoint
00:00 / 00:00
Sign in

or

Don't have an account?
Sign up
Forgot password
https://is1-ssl.mzstatic.com/image/thumb/Podcasts113/v4/1e/5d/ef/1e5def93-9de2-95d6-2425-fd40739de38b/mza_4082914927783136868.jpg/600x600bb.jpg
คิดก่อนเชื่อ
Thai PBS Podcast
157 episodes
6 months ago
คิดก่อนเชื่อ
Show more...
TV & Film
RSS
All content for คิดก่อนเชื่อ is the property of Thai PBS Podcast and is served directly from their servers with no modification, redirects, or rehosting. The podcast is not affiliated with or endorsed by Podjoint in any way.
คิดก่อนเชื่อ
Show more...
TV & Film
Episodes (20/157)
คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : ภูมิคุ้มกันอาจถูกปรับเปลี่ยนได้ถ้ากินอาหารผลิตทางอุตสาหกรรมบ่อยเกินไป

อาหารอุตสาหกรรมคืออะไร
•    อาหารอุตสาหกรรมคือ อาหารที่ผลิตเป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง โดยแต่ละกล่องหรือห่อหรือกระป๋องมีความใกล้เคียงกันทั้งกายภาพและคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งรวมถึงทั้งรสชาติและปริมาณ ส่วนใหญ่นั้นอาหารอุตสาหกรรมเก็บได้นานในช่วงเวลาหนึ่งและที่ช่วงอุณหภูมิที่กำหนดไว้ ประเด็นที่น่าสนใจคือ การที่ทำให้ได้อาหารตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ผู้ผลิตจำต้องอาศัยเทคโนโลยีทางอาหารที่มีการเลือกใช้สารเจือปนในอาหารที่เหมาะสมในการทำให้อาหารอยู่ในสภาพที่เมื่อผู้บริโภคเห็นด้วยตาและสัมผัสด้วยลิ้นแล้วถูกใจ อาหารอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ต้องใช้สารเจือปนในอาหารมากกว่า 1 ชนิด ซึ่งยากที่ผู้บริโภคจะรู้จักเพราะมักระบุเป็นระหัส INS ของ JECFA (Joint FAO/WHO Expert Committee on Food Additives) หรือ E ตามที่ทางสหภาพยุโรปกำหนด อย่างไรก็ดีราวร้อยละ 99 ทั้งสองระบบใช้เลขระหัสเดียวกัน

สารเจือปนในอาหารอะไรที่มีข้อมูลการศึกษาว่า มีแนวโน้มในการปรับระบบภูมิต้านทาน
•    BHA (E320) ชื่อเต็มคือ butylated hydroxyanisole เป็นสารต้านการหืนของไขมันซึ่งภาษาอังกฤษใช้คำว่า antioxidant (ความจริงน่าจะใช้คำว่า anti-rancidity) ประโยชน์ของสารประเภทนี้ในอาหารอุตสาหกรรมคือ ป้องกันการเปลี่ยนสภาพของของกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งโดยธรรมชาติแล้วกรดไขมันไม่อิ่มตัวสามารถถูกออกซิไดส์ตรงตำแหน่งที่เป็นพันธะคู่ระหว่างอะตอมคาร์บอนในโมเลกุลไขมันให้แตกหัก ได้สารที่ก่อให้เกิดกลิ่นหืนซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารกลุ่มอัลดีไฮด์ (aldehyde) ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กจึงระเหยได้
o    มีนักวิจัยระดับปรมาจารย์ที่ศึกษาเกี่ยวกับสารต้านมะเร็งในอาหารคือ Dr. Lee Wattenberg จาก University of Minnesota เคยทำงานวิจัยที่พบว่า BHA สามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งในสัตว์ทดลองที่ได้รับสารก่อมะเร็งกลุ่ม PAH ได้กล่าวยกย่องให้เป็นสารเจือปนในอาหารที่มีศักยภาพสูงในการต้านการเกิดมะเร็ง อย่างไรก็ดีในอีกแง่หนึ่งเมื่อมีการศึกษาถึงผลของ BHA ต่อระบบภูมิคุ้มกันของเซลล์ที่ได้จากสัตว์ทดลองซึ่งตีพิมพ์เป็นบทความวิจัยเรื่อง Inhibitory Effect of an Anti-oxidant, Butylated Hydroxyanisole, on the Primary in Vitro Immune Response ในวารสาร Proceedings of The Society for Experimental Biology and Medicine ของปี 1977 แล้วปรากฏว่า BHA นั้นมีผลยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทั้ง B-cells และ T-cells อย่างไรก็ดีมีงานวิจัยที่ตามมาหลายชิ้นที่ศึกษาในสัตว์ทดลองพบประมาณว่า BHA นั้นสามารถกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันได้ในปริมาณต่ำ แต่กลับยับยั้งระบบภูมิคุ้มกันที่ปริมาณสูง ซึ่งเป็นไปในลักษณะเดียวกับสารต้านออกซิเดชั่นอื่น เช่น เบต้าแคโรทีน
•    tartrazine (E102 สีเหลือง) และ Amaranth (E123 สีแดง) ทั้งสองเป็นสีสังเคราะห์ที่มีการอนุญาตให้ใช้ในอาหารอุตสาหกรรมทั่วไป รวมทั้งอาหารที่ผลิตจากอุตสาหกรรมครัวเรือน ซึ่งประเภทหลังค่อนข้างน่ากังวลในปริมาณที่มีการใช้
o    นักวิจัยกรีกกลุ่มหนึ่งได้เผยแพร่ผลงานวิจัยเรื่อง Immunological studies on Amaranth, Sunset Yellow and Curcumin as food colouring agents in albino rats ในวารสาร Food and Chemical Toxicology ของปี 2010 ที่แสดงให้เห็นว่าสี tartrazine (E102) และ Amaranth (E123) ยับยั้งระบบภูมิต้านทานโดยศึกษาในเม็ดเลือดขาวของคน (Human peripheral blood lymphocytes) ในหลอดทดลอง

ฟังรายละเอียดต่อใน คิดก่อนเชื่อ 
 

Show more...
4 years ago
18 minutes 7 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : ชนิดของหน้ากากอนามัย ประสิทธิภาพการป้องกันโควิด-19 และข้อมูลที่ระบุบนฉลาก

หน้ากากอนามัยแบ่งได้เป็นกี่ชนิด
•    ข้อมูลจาก อย.กล่าวว่า หน้ากากอนามัยแบ่งได้เป็น 2 ชนิด
o    หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Medical mask) มีส่วนประกอบของคาร์บอน หรือที่มีวาล์วปิด หน้ากากอนามัยชนิด N95 หรือหน้ากากอนามัยชนิดใช้ครั้งเดียว ที่มีวัตถุประสงค์การใช้ทางการแพทย์ เช่น กรองหรือฆ่าเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย เฉพาะ Surgical mask เป็นต้น เข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ต้องได้รับการอนุญาติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาก่อนการผลิตและนำเข้า
o    หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง (Disposable dust mask) หรือมีส่วนประกอบของคาร์บอน หรือที่มีชนิดวาล์วปิด หน้กากชนิด N95 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันฝุ่นละออง, เกสรดอกไม้, หมอกควัน, หน้ากากใช้ในอุตสาหกรรม (Disposable mask for industry) หน้ากากใช้สวมป้องกันความร้อนและเปลวไฟขณะเกิดเพลิงไหม้ (Firefighter Mask) ไม่เข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ไม่ต้องได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาก่อนการผลิตและนำเข้า

คำว่า medical mask, surgical mask และ procedure mask  มีความหมายเหมือนกันหรือไม่
•    คำจำกัดความของ WHO ในบทความเรื่อง Advice on the use of masks in the community, during home care and in health care settings in the context of the novel coronavirus (2019-nCoV) outbreak เมื่อ 29 มกราคม 2020 กล่าวว่า มีความหมายเดียวกัน 

ตามสถานพยาบาลนั้น ในทางสากลแล้วควรใช้หน้ากากแบบใด
•    หน้ากากมาตรฐานสำหรับใช้ในสถานพยาบาลคือ หน้ากาก N95 ซึ่งออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้สวมใส่โดยการกรองอนุภาคในอากาศขนาด 0.3 ไมโครเมตร (µm) และใหญ่ได้กว่าร้อย 95 แต่หน้ากากชนิดนี้บางครั้งขาดตลาดหรือมีราคาดูแพง จึงเกิดคำถามว่า ประชาชนควรใส่หน้ากากอนามัย (ตามความหมายที่ อย. กำหนด) หรือหน้ากากผ้าได้หรือไม่? 
o    SARS-CoV-2 มีขนาดแต่ละ particle ที่ 0.05-0.14 ไมโครเมตร (หรือ 50-140 นาโนเมตร) ซึ่งเล็กกว่ารูของ N95 อย่างไรก็ดี เท่าที่รู้กันนั้นไวรัสต้องอยู่กับฝอยน้ำลายเสมอ ไม่ได้อยู่เดี่ยว
o    ขนาดของฝอยน้ำลายเดี่ยว ๆ ที่ไอออกมาอยู่ที่ 5-10 ไมโครเมตร ซึ่งใหญ่กว่ารูของ N95
o    ดังนั้นหน้ากากที่มีขนาดรูบนวัสดุที่ใช้ผลิตเล็กกว่า 5 ไมโครเมตร เช่น 0.3 ไมโครเมตร ป้องกันฝอยน้ำลายได้

ฟังต่อใน คิดก่อนเชื่อ 
 

Show more...
4 years ago
18 minutes 17 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : วัคซีนสู้โควิด-19 ที่ฉีดไม่เจ็บ เพราะไม่ต้องใช้เข็มปักแขน

บทความเรื่อง India’s DNA Covid Vaccine Is A First — More Are Coming ในวารสาร Nature เมื่อ 9 กันยายน 2021 ให้ข้อมูลว่า วันที่ 23 สิงหาคม 2021 กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียได้อนุมัติการใช้ฉุกเฉินแก่วัคซีนสู้โรคโควิด-19 ชื่อ ไซคอฟ-ดี (ZyCoV-D) ซึ่งผลิตโดยบริษัท ไซดัสคาดิลา (Zydus Cadila) ในอินเดียแก่ผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
•    ไซคอฟ-ดี ถือเป็นวัคซีนต้านเชื้อโควิด-19 ที่พัฒนาโดยใช้พลาสมิดดีเอ็นเอ (Plasmid DNA) จึงจัดเป็นวัคซีนดีเอ็นเอ (DNA based vaccine) ลำดับแรกของโลกในการสู้กับ SARS-CoV-2 โดยมีประสิทธิภาพต้านไวรัสกลายพันธุ์โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าถึงร้อยละ 66.6
•    ข้อบ่งใช้บนฉลากวัคซีนคือ ต้องฉีด 3 โดส ห่างกันประมาณ 28 วันต่อโดส ซึ่งผลจากการทดลองระยะ 3 ในอาสาสมัครจำนวน 28,000 คน และในจำนวนนี้มีเด็กอายุ 12-18 ปี อยู่ 1,000 คน พบว่า ปลอดภัยดี

วัคซีนดีเอ็นเอคือ อะไร
•    หลักการผลิตและการทำงานวัคซีนดีเอ็นเอ คือ 
o    สร้างสารพันธุกรรมที่เป็นดีเอ็นเอ 2 สายพันกัน โดยสายหนึ่งเมื่อถูกถอดระหัส (transcription) ภายในเซลล์มนุษย์แล้วจะได้ m-RNA ที่สามารถถูกแปลระหัส (translation) ไปเป็นหนามโปรตีนของ SARS-CoV-2 ที่ได้ไปเป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายรู้จักเชื้อโรคและสร้างภูมิคุ้มกันใหักับร่างกายจากโรคโควิด-19 ซึ่งก็ไม่ต่างจากวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ หรือวัคซีนไวรัลเวกเตอร์ สำหรับดีเอ็นเออีกสายหนึ่งทำหน้าที่เป็นสายประคอง (complementary strand) เพื่อช่วยเพิ่มความเสถียรให้ดีเอ็นเอที่ถูกถอดระหัสได้หนามโปรตีน
o    นำดีเอ็นเอสายคู่ที่สังเคราะห์ได้ถูกตัดต่อเข้าสู่การเป็นพลาสมิด (plasmid) ซึ่งเป็นดีเอ็นเอสายคู่ที่มีสภาพเป็นวงกลมเป็นหลัก เพื่อนำส่งเข้าสู่ภายในเซลล์ของแบคทีเรียเจ้าบ้านที่แบ่งเซลล์ได้เร็ว

จุดเด่นวัคซีนดีเอ็นเอ ได้แก่อะไรบ้าง
•    สามารถกำหนด epitome ของตำแหน่งกระตุ้นแอนติบอดีให้เปลี่ยนได้ตามการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค
•    ผลิตได้ในปริมาณมาก เร็วและถูก เพราะอาศัยการเพิ่มจำนวนของพลาสมิดไปตามการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียที่เป็นเจ้าบ้านในลักษณะการหมักเชื้อ (fermentation)
•    ในกรณีของ ไซคอฟ-ดี สามารถเก็บได้ที่อุณหภูมิตู้เย็น 2-8 องศาเซลเซียสได้เป็นปี และเก็บที่อุณหภูมิห้อง 25 องศาเซลเซียสได้นานถึงสามเดือน
•    การฉีดวัคซีนไปชั้นใต้ผิวหนังคือ หนังแท้ที่มีเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมากในระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยกระตุ้นให้ B cell หรือ T cell ให้ถูกพัฒนาตามลำดับไปทำหน้าที่สร้างแอนติบอดี หรือกลายเป็นเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 และ CD8 ที่พร้อมสู้กับไวรัส ตลอดถึงการสร้างเซลล์จดจำ (memory cells) นั่นคือชั้นหนังแท้นั้นปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวมากกว่าในชั้นกล้ามเนื้อ
•    ข้อดีมาก ๆ คือ วัคซีนดีเอ็นเอเป็นวัคซีนที่ฉีดได้ด้วยอุปกรณ์ที่ใช้แรงดันสูง ไม่ต้องใช้เข็มเพื่อส่งวัคซีนให้ซึมเข้าทางผิวหนังซึ่งเป็นใช้ขนาดของวัคซีนเพียง 1 ใน 10 ของขนาดที่มักฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เป็นการลดความวิตกกังวลให้กับผู้ที่มีความกลัวต่อเข็มฉีดยาและกลัวผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน
 

Show more...
4 years ago
16 minutes 45 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : ประโยชน์ของหน้ากากผ่าตัดที่พิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์

งานวิจัยนี้ทำการศึกษาในบังคลาเทศและตีพิมพ์ผลงานเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2021 เรื่อง The Impact of Community Masking on COVID-19: A Cluster-Randomized Trial in Bangladesh ในเว็บ www.poverty-action.org ซึ่งเป็นเว็บทางการขององค์กรเอกชนในสหรัฐอเมริกาชื่อ Innovation for Poverty Action หรือ IPA
o    น่าเสียดายที่ผลงานนี้ยังไม่ได้ตีพิมพ์ในวารสารที่มี peer review 
o    IPA ทำงานด้านการวิจัยแก้ปัญหาเกี่ยวกับความยากจนที่เกิดขึ้นใน 51 ประเทศทั่วโลก โดยได้ทุนจากหลายแหล่งเช่น Bill & Melinda Gates Foundation, Hewlett Foundation, Ford Foundation, World Bank, USAID เป็นต้น 

กระบวนการศึกษานั้นน่าสนใจอย่างไร
•    การศึกษานี้เป็นแบบการสุ่มตัวอย่างที่ใช้อาสาสมัครเกือบ 350,000 คน ในชนบทของบังกลาเทศ ซึ่งได้ผลการศึกษาว่า หน้ากากผ่าตัด (ไม่รวมถึงหน้ากากผ้า) ลดการแพร่เชื้อ SARS-CoV-2 อย่างมีนัยสำคัญในหมู่บ้านที่ทีมวิจัยแจกจ่ายหน้ากากอนามัยและส่งเสริมการใช้ 
o    การทดลองนี้นำไปสู่บทสรุปว่า ควรสิ้นสุดการถกเถียงในการสวมหรือไม่สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคและก้าวไปอีกขั้นในการกำหนดความเข้มงวดในการใช้หน้ากากอนามัยโดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการทดลองทางวิทยาศาสตร์

ฟังรายละเอียดใน คิดก่อนเชื่อ
 

Show more...
4 years ago
18 minutes 20 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : โฆษณาสินค้ามักมีข้อมูลไม่ครบ

โฆษณาขายคอลลาเจนจริง ๆ ควรซื้อมากินหรือไม่
•    ในบทความเรื่อง Do Collagen Supplements Work? ในเว็บ www.healthline.com ของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ปี 2020 ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคอลลาเจนที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารว่า การกินคอลลาเจนจากแหล่งภายนอกร่างกาย ทำให้เราได้กรดอะมิโนในลักษณะเดียวกับที่กินโปรตีนแหล่งอื่น สิ่งที่พิเศษหน่อยคือ เมื่อกินคอลลาเจนแล้วจะได้ hydroxyproline และ hydroxylysine ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ลืมคิดว่า กินแล้วกรดอะมิโนทั้งสองไปไหน
o    กรดอะมิโนต่าง ๆ (ยกเว้น hydroxyproline และ hydroxylysine) ที่ได้จากการย่อยคอลลาเจนนั้น ร่างกายนำไปสร้างเป็นโปรตีนตามที่แต่ละอวัยวะต้องการ โดยไม่มีการระบุว่า กรดอะมิโนจากคอลลาเจนต้องถูกนำไปสร้างเป็นคอลลาเจน
o    จากการสืบค้นข้อมูลปรากฏว่า ไม่พบว่ามีงานวิจัยใดที่แสดงหลักฐานว่า hydroxyproline และ hydroxylysine จากคอลลาเจนถูกนำไปใช้ในการสร้างคอลลาเจนใหม่ (ซึ่งถ้าต้องการพิสูจน์จำต้องใช้กรดอะมิโนที่ถูกสังเคราะห์ให้มีกัมมันตภาพรังสีเพื่อใช้ในการติดตามได้ว่า เข้าไปอยู่ในคอลลาเจนที่สร้างใหม่หรือไม่) เพราะตามทฤษฎีแล้วหลังการสร้างโปรคอลลาเจนแล้วจึงมีปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่เรียกว่า hydroxylation แก่กรดอะมิโน proline และกรดอะมิโน lysine ไม่ใช่เอากรดอะมิโนที่ถูกไฮดรอกซิเลชั่นมาก่อนแล้วไปสร้างเป็นโปรตีนโดยตรง
ถาม การดูดซึมคอลลาเจนที่ได้จากกระป๋อง โดยเฉพาะคอลลาเจนไทป์ทู (type 2 collagen) และคอลลาเจนที่ถูกย่อยแล้วบางส่วน (hydrolyzed collagen) มีการกล่าวถึงเป็นงานวิจัยหรือไม่
•    จริงแล้ว มีงานวิจัยที่กล่าวถึงการดูดซึมคอลลาเจนนั้น มักเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการดูดซึมหลังการถูกย่อยไปเป็นกรดอะมิโนอิสระแล้ว เพราะในงานวิจัยนั้นเป็นการตรวจวัดการเพิ่มขึ้นของกรดอะมิโนหลายชนิดในเลือดหลังกินคอลลาเจนเข้าไป ไม่ได้วัดว่ามีคอลลาเจนในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างไร ตัวอย่างเช่นบทความเรื่อง Plasma Amino Acid Concentrations After the Ingestion of Dairy and Collagen Proteins, in Healthy Active Males ในวารสาร Frontiers in Nutrition ของปี 2019 และบทความเรื่อง Enzymatic Hydrolysis of a Collagen Hydrolysate Enhances Postprandial Absorption Rate ในวารสาร Nutrients ของปี 2019.

ฟังต่อใน คิดก่อนเชื่อ 
 

Show more...
4 years ago
17 minutes 13 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : รูปแบบการฉีดวัคซีนไขว้ ที่ WHO ยังงง ๆ อยู่ ตอนที่ 2

วัคซีนต่างประเภทกัน (เชื้อตาย ไวรัลเวกเตอร์ โปรตีนซับยูนิต เอ็ม-อาร์เอ็นเอ) มีผลต่อระดับหรือประเภทของภูมิคุ้มกันหรือไม่
•    แพทย์ผู้หนึ่งให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์ทางหนังสือพิมพ์ว่า ระบบภูมิคุ้มกันในตัวเรา จะมีเซลล์ 2 กลุ่ม คือ เม็ดเลือดขาว บีเซลล์ และทีเซลล์ 
o    “บีเซลล์”จะจัดการเชื้อต่างๆ โดยการสร้างแอนติบอดีออกมาคอยจับเชื้อทำให้เชื้อไม่สามารถเข้าไปก่อเรื่องในเซลล์ทำให้เซลล์ไม่ติดเชื้อ โดยวัคซีน mRNA และเชื้อตายจะทำงานตรงส่วนนี้ได้ดี 
o    ขณะที่ “ทีเซลล์” หน้าที่ คือ เมื่อไหร่มีการติดเชื้อ ทีเซลล์จะไปกำจัดการติดเชื้อ วัคซีนที่ทำให้ทีเซลล์ทำหน้าที่ได้ดี คือ วัคซีนไวรัลเวคเตอร์ (เช่น Ad5-N ซึ่งเป็น adenovirus ซึ่งกระตุ้นให้มีการสร้างโปรตีนเปลือกหรือ viral capsid ของ SARS-CoV-2) ทำให้เซลล์ทำงานได้ดี
o    อย่างน้อยในขณะนี้มี  4 โรงเรียนแพทย์กำลังทำการศึกษาวัคซีนไขว้กันหลายคู่ เพราะหากไม่มีงานวิจัยรองรับการสลับวัคซีนก็ไม่เป็นระบบ ซึ่งหากผลออกมาคล้ายคลึงกับในต่างประเทศ นโยบายการฉีดวัคซีนไขว้น่าจะเป็นที่ยอมรับ (ประเด็นสำคัญคือ ถ้าผลออกมาดีจะสามารถอธิบายกระบวนการได้หรือไม่ เป็นอีกประเด็นหนึ่ง)
o    การฉีดเข็ม 3 ในทางทฤษฎี น่าจะเป็นกลุ่มกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน “ทีเซลล์” แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จีนกำลังศึกษาว่า เข็ม 3 ที่เป็นเชื้อตายจะได้ผลหรือไม่ ทั้งหมดนี้ WHO ยังไม่ได้บอกว่ามีความจำเป็นในเข็ม 3 หรือไม่ อยู่ในดุลยพินิจของแต่ละประเทศในการบริหารจัดการ เพราะการบริหารจัดการไม่ใช่แค่ฉีดแต่อยู่ที่ว่ามีวัคซีนหรือไม่ และมีการเก็บข้อมูลเพื่อจะได้รู้ว่ามีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน

ฟังต่อใน คิดก่อนเชื่อ 
 

Show more...
4 years ago
18 minutes 51 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : รูปแบบการฉีดวัคซีนไขว้ ที่ WHO ยังงง ๆ อยู่ ตอนที่ 1

มีข่าวในช่วงการระบาดของโควิด 19 ใหม่ ๆ ว่าฉีดวัคซีนไวรัลเว็คเตอร์ตามผู้ผลิตแนะนำก็สามารถป้องกันโรคได้ นั่นเป็นข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับสายพันธุ์อัลฟ่า แต่กับเดลต้าไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ซึ่งงานวิจัยต่างประเทศก็ออกมาพูดเรื่องนี้กันเยอะว่า ฉีดเท่าเดิมไม่เพียงพแล้วอต้องฉีดเพิ่ม ที่สำคัญคือ เมื่อเวลาผ่านไปภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนจะลดลง หากไม่กระตุ้นให้ทันก่อนที่จะลดต่ำมาถึงจุดที่ไม่สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ก็จะเกิดอันตรายได้ เรื่องนี้จริงหรือไม่
•    เป็นที่ทราบกันว่า ระดับแอนติบอดีที่เพิ่มขึ้นนั้นเมื่อไม่ถูกใช้งานก็จะลดลงแน่นอน ดังนั้นถ้าจะให้แอนติบอดีเพิ่มขึ้นอีกก็ต้องมีการติดเชื้อหรือมีการกระตุ้นด้วยวัคซีนเข็ม 2 ข้อมูลเหล่านี้น่าจะอยู่บนพื้นฐานที่ว่า แม้ประชาชนจะใส่หน้ากากอนามัน 1-2 ชั้นแล้วก็ยังมีความเสี่ยงถ้าต้องเข้าไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ตลาดนัด จึงต้องพยายามรักษาระดับแอนติบอดีไว้
•    แพทย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า ในหลายประเทศได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนต่างประเภทกัน ซึ่งถ้าจับคู่ดีๆ ภูมิคุ้มกันอาจดีขึ้นกว่าวัคซีนชนิดเดียว ได้แก่ วัคซีน mRNA กับวัคซีนไวรัลเวคเตอร์, วัคซีนไวรัลเวกเตอร์กับวัคซีนเชื้อตาย และวัคซีนเชื้อตายกับวัคซีน mRNA แต่องค์การอนามัยโลกยังไม่รับรอง เพราะงานวิจัยต่างๆ เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นการศึกษาในจำนวนคนไข้ไม่เยอะนัก ยังไม่มีใครศึกษาในคนไข้ที่จำนวนมากพอ องค์การอนามัยโรคกำลังเฝ้าติดตาม ซึ่งเมื่อไหร่ที่งานวิจัยหลากหลายแล้วผลออกมาตรงกัน เชื่อว่าองค์การอนามัยโลกจะตัดสินใจออกนโยบายในเรื่องนี้ แต่ตอนนี้องค์การอนามัยโรคยังคงแนะนำแบบทั่วไปว่า เข็มหนึ่งฉีดแบบไหน เข็มสองก็ควรฉีดแบบนั้น”

ติดตามเพิ่มเติมใน คิดก่อนเชื่อ
 
 

Show more...
4 years ago
15 minutes 1 second

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : มีข้อสังเกตในการเลือกซื้อผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าหรือไม่

งานวิจัยเกี่ยวกับผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าที่ดีนั้น มีการเผยแพร่หรือไม่
•    ส่วนใหญ่ที่เป็นการเผยแพร่ทางวิชาการนั้นมักเป็นงานระดับพื้นฐานทางชีวเคมีที่ใช้เฉพาะในงานวิจัยในห้องปฏิบัติการ ส่วนผลการวิจัยที่เกี่ยวกับการซักผ้าในบ้านโดยตรงนั้นดูเหมือนไม่มีการเผยแพร่ คงเนื่องจากเป็นงานวิจัยเพื่อพัฒนาสินค้าของแต่ละบริษัท
•    มีบทความ เรื่อง The Best Laundry Detergents of 2021 Americans spend billions of dollars every year on laundry detergents. ซึ่งกล่าวนำประมาณว่า ชาวอเมริกันใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ทุกปีเพื่อซื้อผงซักฟอก คนส่วนใหญ่จะซื้อผงซักฟอกเนื่องจากชอบกลิ่น มีคุณสมบัติที่ชอบ หรือบอกตามตรงว่า กำลังลดราคา และจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการทำให้พบว่า น้ำยาซักผ้าบางชนิดสามารถทำความสะอาดได้ดีกว่าแบบอื่นๆ โดยวัดจากความแตกต่างระหว่างการมีคราบเล็กๆ ที่หลงเหลืออยู่บนเสื้อผ้าและความสะอาดแบบไร้ที่ติ
ฟังรายละเอียดเพิ่มเติม ใน คิดก่อนเชื่อ 

Show more...
4 years ago
15 minutes 16 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : คำแนะนำในการเลือกกินผักเพื่อลดอันตรายจากสารพิษ

เคยได้รับการเสนอให้ซื้อคลอโรฟิลล์ผงซึ่งเมื่อละลายน้ำแล้วได้น้ำสีเขียวในลักษณะเดียวกับน้ำใบบัวบกหรือไม่
•    คลอโรฟิลล์ผงซึ่งเรียกว่า คลอโรฟิลลิน (chlorophyllin) เป็นสารเคมีกึ่งสังเคราะห์ที่ดัดแปลงมาจากคลอโรฟิลล์ (chlorophyll) ธรรมชาติที่สกัดออกมาจากใบพืช การดัดแปลงนั้นเป็นการตัดส่วนที่เป็นไฮโดรคาร์บอนซึ่งทำให้คลอโรฟิลล์ไม่ละลายน้ำออกไป เปลี่ยนธาตุแมกนีเซียมที่อยู่ในโมเลกุลไปเป็นธาตุทองแดง และมีการออกซิไดส์บางส่วนของโมเลกุลให้มีการจับตัวกับธาตุโซเดียม ทั้งหมดนี้เป็นการทำให้คลอโรฟิลลินที่ได้ละลายน้ำได้ดี ซึ่งต่างกับน้ำใบบัวบกที่เพียงแขวนลอยในน้ำได้พักหนึ่งก็จะแยกตัว ดังนั้นทุกครั้งที่มีการตักน้ำใบบัวบกใส่แก้วจำต้องมีการคนให้เกิดการกระจายตัวชั่วคราว
•    ทั้งคลอโรฟิลล์และคลอโรฟิลลินเป็นสารเคมีซึ่งมีโมเลกุลใหญ่และมีอะตอมของโลหะซึ่งมีประจุ จึงไม่สามารถซึมผ่านผนังของทางเดินอาหารได้

คลอโรฟิลล์และคลอโรฟิลลิน มีประโยชน์เหมือนกันหรือไม่ และประโยชน์นั้นมาจากอะไร
•    ประโยชน์นั้นเหมือนกัน เพราะเกิดเนื่องจากโมเลกุลของสารทั้งสองมีส่วนใจกลางที่เรียกว่า วงพอร์ไฟริน (porphyrin ring) ซึ่งเป็นลักษณะที่เหมือนกับใจกลางของฮีโมโกลบินในเลือดของคน ต่างกันที่ใจกลางพอร์ไฟรินของคลอโรฟิลล์เป็นแมกนีเซียม คลอโรฟิลลินเป็นทองแดง และฮีโมโกลบินเป็นเหล็ก ส่วนประโยชน์ของโมเลกุลทั้งสามที่เหมือนกันคือ สามารถจับสารพิษที่มีลักษณะโมเลกุลที่แบนราบ (planar form) เช่น โพลีไซคลิกอะโรเมติกไฮโดรคาร์บอน อะฟลาทอกซิน เพราะวงพอร์ไฟรินนั้นเป็นสารอินทรีย์ที่มีรูปสามมิติที่มีลักษณะแบนราบเช่นกัน คุณสมบัติอย่างหนึ่งทางเคมีของสารที่มีลักษณะดังกล่าวนี้คือ มีแรงดึงดูดอ่อน ๆ ทางกายภาพที่สามารถให้สารสองโมเลกุลที่ต่างกันเข้าจับกันในลักษณะประกบกันได้ดีในระดับหนึ่ง งานวิจัยที่อธิบายด้วยกระบวนการนี้มีมากมายทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน

ฟังต่อใน คิดก่อนเชื่อ 

Show more...
4 years ago
18 minutes 37 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : มันฝรั่งทำอะไรก็อร่อย แต่ปลอดภัยนั้นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อซื้อมันฝรั่งมาเก็บไว้ในครัวจนลืม มาพบอีกครั้งคือ มันฝรั่งเริ่มมีสีเขียว ต้นอ่อนเริ่มงอกและมีรากแล้ว สิ่งหลายคนทำคือ ตัดลำต้นและรากทิ้ง จากนั้นก็ปอกเปลือกออกแล้วรีบปรุงเป็นอาหาร พฤติกรรมดังนี้ปลอดภัยหรือไม่
•    โดยพื้นฐานแล้วผู้บริโภคไม่ควรกินมันฝรั่งที่เปลือกออกสีเขียว ทั้งที่ความจริงสีเขียวนั้นคือ คลอโรฟิลล์ 
o    ปรกติแล้วมันฝรั่งจะมีเปลือกสีกากี (น้ำตาล) แต่ถ้าเริ่มออกสีเขียวเมื่อใด แสดงว่า มันฝรั่งนั้นกำลังเข้าสู่กระบวนการเริ่มงอกแล้ว ซึ่งช่วงนี้มันฝรั่งจะมีสารพิษกลุ่มหนึ่งชื่อ ไกลโคอัลคาลอยด์ (glycoalkaloid) เพิ่มขึ้น
o    คำว่า Glycoalkaloid นั้น  glyco คือ กลุ่มน้ำตาล ส่วน alkaloid คือ สารอินทรีย์กลุ่มที่มีธาตุไนโตรเจนอยู่ภายในโมเลกุล โดยทั่วไปอัลคาลอยด์มักมีฤทธิ์ทางยาหรือสารพิษ ในธรรมชาติจะพบอัลคาลอยด์มากในพืชชั้นสูง ตามส่วนต่าง ๆ ของพืชเช่น ใบ ดอก ผล เมล็ด รากและเปลือก แต่ก็มีบ้างที่เป็นสารพิษจากเชื้อรา เช่น ergot alkaloid ที่เกิดจากราชื่อ Claviceps purpurea ซึ่งเกิดบนข้าวไรน์ที่เกี่ยวหนีหิมะไม่ทัน พืชชนิดอื่นที่มีไกลโคอัลคาลอยด์ เช่น มะเขือเทศและมะเขือต่างๆ 
•    หัวมันฝรั่งที่เริ่มออกสีเขียวนั้น มีสารพิษกลับโคอัลคาลอยด์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว นอกจากนี้แล้วหัวมันที่ถูกโยนจนช้ำ เก็บในที่อุณหภูมิสูงไป ได้รับแสงแดด หรือมีแมลงเจาะ มักสร้างสารกลัยโคอัลคาลอยด์เพิ่มขึ้น 
o    สมมุติฐานหนึ่งในการสร้างสารพิษนั้นเป็นการเตรียมตัวเพื่อต่อสู้กับแมลงที่จะเข้าโจมตี ประเด็นที่สำคัญคือ เมื่อมีสารพิษเกิดขึ้นใต้เปลือกแล้ว สารพิษนั้นจะซึมไปรอบ การตัดต้นหรือรากทิ้งนั้นไม่ได้ช่วยให้สารพิษหมดไป ทดสอบได้จากการลองชิมดูจะรู้สึกถึงรสขมซึ่งเป็นธรรมชาติของอัลคาลอยด์ทั่วไป

การให้ความร้อนแก่มันฝรั่งระหว่างการปรุงอาหารสามารถทำลายไกลโคอัลคาลอยด์ได้หรือไม่
•    ไกลโคอัลคาลอยด์นั้นเป็นสารที่ค่อนข้างทนความร้อน การปรุงอาหารธรรมดาจึงทำลายได้ไม่มากนัก ในทางอุตสาหกรรม เช่น การทำมันฝรั่งทอดนั้น โดยพื้นฐานแล้วหัวมันจะถูกล้างในเครื่องด้วยน้ำร้อนและลวกไอน้ำ โดยน้ำนั้นอาจมีการปรับให้มีฤทธิ์เป็นด่างเพื่อช่วยในการทำให้เปลือกยุ่ย ง่ายต่อการขัดให้เปลือกหลุดออกไปด้วยเครื่องอัตโนมัติ ดังนั้นสารพิษนี้จึงอาจหลุดละลายไปกับน้ำเป็นบางส่วน แต่ส่วนที่เหลือนั้น จะทอด ต้ม หรือผัดอย่างไร ก็ทำลายไม่ได้

มีไกลโคอัลคาลอยด์ในมันฝรั่งดิบสักเท่าไร 
•    โดยปรกติแล้วมีไม่เกิน 10-20 มิลลิกรัม/กิโลกรัมทั้งหัว โดยส่วนใหญ่อยู่ที่เปลือกซึ่ง มากกว่า 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แต่ในมันฝรั่งที่มีสีเขียวแล้วอาจมีไกลโคอัลคาลอยด์ถึง 250–280 มิลลิกรัม/กิโลกรัม โดยส่วนเปลือกที่มีสีเขียวอาจมีถึง 1,500 –2,200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
•    อาการทั่วไปที่เกิดจากฤทธิ์ของไกลโคอัลคาลอยด์คือ เป็นไข้ ปวดหัว ปวดท้อง ถ่ายท้อง อาเจียน ชีพจรเบาลง หายใจช้าลง ทั้งนี้เพราะไกลโคอัลคาลอยด์ มีฤทธิ์ทำลายผนังเซลล์ทางเดินอาหาร และเป็นสารพิษต่อระบบประสาทในลักษณะเดียวกับยาฆ่าแมลงชนิดออร์กาโนฟอสเฟตคือ เป็น cholinesterase inhibitor แต่อาการไม่หนักถึงขั้นเสียชีวิตแบบเกษตรกรที่ได้รับสารกำจัดแมลง

วิธีการเพื่อลดการเพิ่มของไกลโคอัลคาลอยด์เมื่อซื้อมันฝรั่งมา ทำได้อย่างไร 
•  เก็บมันฝรั่งในที่เย็น  (การเก็บที่ 25 องศาเซลเซียสทำให้ไกลโคอัลคาลอยด์เพิ่มเป็น 3 เท่าของการเก็บที่ 7 องศาเซลเซียส)
•  อย่าให้โดนแสงแดดหรือแสงไฟโดยไม่จำเป็น
•  ต้องขนส่งอย่างเบามืออย่าให้ช้ำ
•  ที่สำคัญคือ ต้องอยู่ในภาชนะกันแมลงได้
 

Show more...
4 years ago
16 minutes 52 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : วัคซีนโควิด-19 เข็ม 3 ในสหรัฐอเมริกา

องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยออกมาบอกว่า ขอให้ประเทศที่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากพอ แบ่งปันให้ประเทศที่ยากจนและขาดโอกาสในการฉีดวัคซีน แต่บางประเทศก็ได้ฉีดวัคซันเข็ม 3 หรือบางทีอาจจะเป็นเข็มที่ 4 แล้ว  มาฟังงานวิจัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 3 ของสหรัฐอเมริกาว่า มีกฎหมายระบุว่าอย่างไร 

ในคิดก่อนเชื่อ  

 

Show more...
4 years ago
18 minutes 25 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : ฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันแล้วภูมิคุ้มกันทำไมถึงต่างกัน

ทำไม การฉีดวัคซีนลดความรุนแรงโรคโควิด-19 จึงมีข่าว เช่น วัคซีนชนิดหนึ่งกระตุ้นภูมิคุ้มกันดีกว่าอีกชนิดหนึ่ง วัคซีนลักษณะเดียวกันยี่ห้อเดียวกันฉีดแล้วกระตุ้นภูมิคุ้มกันขึ้นต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว ตลอดจนถึงการฉีดวัคซีนไขว้กันไปมาหลายสูตรแบบ ลองแล้วเปลี่ยน-เปลี่ยนแล้วลอง แต่ภูมิคุ้มกันก็ยังขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง เลยต้องพยายามหาเข็มสามมาฉีด ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น 

เพราะระบบภูมิคุ้มกันนั้นมีระดับแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นกับปัจจัยหลายประการ  

มีบทความวิชาการเรื่องหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ก่อนเกิดการมีวัคซีนสำหรับโรค COVID-19 ชื่อ Factors That Influence the Immune Response to Vaccination (ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อการฉีดวัคซีน) ในวารสาร Clinical Microbiology Reviews ของปี 2019 ให้ข้อมูลที่สำคัญในการทำความเข้าใจต่อปรากฏการณ์ที่พบว่า การฉีดวัคซีนต่างชนิดกัน เกิดภูมิคุ้มกันในรูปแบบต่างกันคือ ขึ้นช้าบ้าง เร็วบ้าง ระดับตกเร็ว-ช้าต่างกัน เป็นต้น กล่าวคือ

o  แอนติบอดีตามธรรมชาติ ในมนุษย์คือ IgM และ IgA ซึ่งสร้างโดยเซลล์ที่เรียกว่า เม็ดเลือดขาว B-1 ในตัวอ่อนและหลังคลอด โดยอยู่ที่ระดับร้อยละ 1 ของ immunoglobulins ในเลือด (ซึ่งเริ่มลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น) มีความสำคัญในการป้องกันโรคต่าง รวมถึงโรคแพ้ภูมิตนเอง การอุดตันในเส้นเลือด อาการอักเสบ ตลอดจนถึงมะเร็ง
o  แอนติบอดีจากการกระตุ้นเกิดจากสิ่งแปลกปลอม ซึ่งมีความสามารถกระตุ้นการสร้างแอนติบอดีซึ่งเรียกว่า antigenicity 
o  ภูมิคุ้มกันแบบเซลล์ ซึ่งได้แก่ T-cells ชนิดต่าง ๆ คือ เซลล์ที่จัดการกับสิ่งแปลกปลอมทั้งที่เป็นเซลล์หรือชิ้นส่วนที่มีคุณสมบัติเป็นโปรตีน เมื่อตรวจพบว่า ลักษณะโปรตีนนั้นไม่ใช่โปรตีนที่ร่างกายผลิต T-cells จะจัดการทำลายทิ้งด้วยวิธีต่าง ๆ ตามความเหมาะสม


ปัจจัยที่มีผลต่อการสร้างภูมิคุ้มกันของแต่ละคนเมื่อได้รับวัคซีน มีอะไรบ้าง

•  ความแตกต่างนั้นเริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เพราะมีงานวิจัยที่พบว่า อายุครรภ์ของทารกก่อนคลอดมีบทบาทสำคัญในการกำหนดระบบภูมิคุ้มกันของเด็กเพื่อตอบสนองต่อการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวต่าง ๆ 

•  ปัจจัยภายในแต่ละบุคคลที่ออกเผชิญโลก ซึ่งได้แก่ อายุ เพศ พันธุกรรม และโรคประจำตัว

•  สภาพแวดล้อมที่เด็กเกิดและเติบโตมามีผลอย่างมากต่อการตอบสนองของแอนติบอดีต่อวัคซีนประเภทต่างๆ  

•  ความแตกต่างในการพัฒนาประเทศ

•  พฤติกรรมส่วนตัวมีผลต่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เช่น การสูบบุหรี่ การออกกำลังกาย อาหาร การนอน 

•  ความแตกต่างที่ชนิดของวัคซีน เช่น เชื้อตาย หรือ mRNA ฯ

ติดตามฟังเพิ่มเติม คลิกคิดก่อนเชื่อกับ ดร.แก้ว กังสดาลอำไพ ตอนนี้ 

 

Show more...
4 years ago
19 minutes 28 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : งานศพแบบ new normal ของคนที่ตายแบบปรกติ จัดได้อย่างไร

ในกรณีต้องการจัดงานศพแบบ new normal จะต้องทำอย่างไร 
•  ลดจำนวนผู้เข้าพิธีเพื่อป้องกันการเกิด cluster ของโควิด-19 โดยหลักการป้องกันการติดโควิด-19 คือ สวมหน้ากาก อยู่ห่างกัน ล้างมือให้สะอาด

•  ขั้นตอนของพิธีพยายามให้รวบรัดที่สุด

งานศพที่จัดแบบ new normal โดยสรุปแล้วมีข้อดีอย่างไรบ้าง
•    งานนั้นรวบรัด ทำให้เจ้าภาพไม่เหนื่อยมากนักมีจังหวะเวลาที่จะทบทวนถึงความดีงามของผู้เสียชีวิต เพราะไม่ต้องเสียเวลาดูแลแขกที่มักมาตามมรรยาทสังคม 
•    ไม่ต้องเลี้ยงอาหารระหว่างการสวดพระอภิธรรม จึงไม่ต้องร้อนหูว่าอาหารไม่อร่อย
•    ไม่ต้องจ่ายเงินค่าของชำร่วย ซึ่งไม่ว่าของชำร่วยจากงานไหนมักไม่ค่อยได้ใช้ 
 

Show more...
4 years ago
18 minutes 6 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : โควิด-19 มาจากไหน ตอนที่ 2

อะไรคือ หลักฐานที่นำไปสู่ข้อสงสัยว่า สหรัฐอเมริกาและจีน น่าจะเกี่ยวข้องต่อการเกิดไวรัสก่อโรคโควิด-19
•   ในช่วงปลายปี 2019 ทีมของนักวิทยาศาสตร์จีนนำโดย Dr. Shi Zhengli (ฉีเจิ้งลี่) ซึ่งเป็นนักไวรัสวิทยาและรองผู้อำนวยการสถาบันไวรัสวิทยา ที่หวู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของจีน ได้ทำถอดระหัสพันธุกรรมของ coronavirus ในค้างคาวถ้ำ (Chinese horseshoe bat) ที่จับได้ในมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนและพบว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 

Dr. Shi Zhengli กล่าวว่า ตัวอย่างไวรัสที่ศึกษานั้นได้รับในวันที่ 30 ธันวาคม 2019 จากนั้นจึงทำการถอดระหัสพันธุกรรมแล้วตั้งชื่อชั่วคราวว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (novel coronavirus) โดยทางจีนได้แจ้งข้อมูลไปยัง WHO เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2020 และต่อมาในต้นเดือนกุมภาพันธ์จึงเริ่มพบว่า ไวรัสสายพันธ์ใหม่นี้มีความเชื่อมโยงกับอาการปอดบวมอย่างหนักของคนไข้ในของโรงพยาบาลที่หวู่ฮั่น

•    นิตยสาร MIT Technology Review ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน 2021 ได้ให้ข้อมูลย้อนหลังถึงความเกี่ยวข้องของ ดร. แบริค ที่นำมาสู่ความน่าสงสัยเกี่ยวกับต้นตอของ SARS-CoV-2 ในบทความเรื่อง Inside the risky bat-virus engineering that links America to Wuhan (ความเชื่อมโยงให้อเมริกาเกี่ยวข้องกับหวูฮั่นนั้นเกิดเนื่องจากความเสี่ยงของไวรัสในค้างคาวที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรม) ซึ่งกล่าวว่า ดร.แบริค ได้ติดต่อกับ ดร.ฉี เพื่อขอตัวอย่างและข้อมูลพันธุกรรมของไวรัสดังกล่าวเพื่อนำไปใช้ในการวิจัยและสร้างไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ภายในห้องปฏิบัติการ ที่สามารถแพร่เชื้อสู่มนุษย์ได้ 
o    สุดท้ายมีการตีพิมพ์ข้อมูลความสำเร็จในการสังเคราะห์ไวรัสชนิดใหม่ซึ่ง ดร.แบริคและ ดร.ฉี มีชื่อเป็นผู้ร่วมวิจัยในวารสาร Nature Medicine ของปี 2015 เป็นบทความเรื่อง A SARS-like cluster of circulating bat coronaviruses shows potential for human emergence (ไวรัสโคโรนาที่มีลักษณะคล้ายกลุ่มไวรัสที่ก่อให้เกิดโรค SARS ในค้างคาวได้แสดงศักยภาพในการก่อโรคในมนุษย์) 
ติดตามเพิ่มเติม ใน คิดก่อนเชื่อ 

Show more...
4 years ago
16 minutes 55 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : โควิด-19 มาจากไหน ตอนที่ 1

ผู้คนทั่วโลกยังสงสัยว่าไวรัส SARS-CoV-2 ที่ก่อโรคโควิด-19 มาจากไหน
           กลางปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนอเมริกันมากมายกำลังติดเชื้อโควิด-19 อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เริ่มเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิด (conspiracy theory) ว่า โควิด-19 หลุดรอดออกมาจากห้องแล็บในหวู่ฮั่น ประเทศจีน ส่งผลให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ต้องส่งทีมงานไปพิสูจน์เรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้ได้ 
          กลางเดือนกันยายน 2020  มีรายงานข่าวว่า ดร.เหยียน ลี่-ม่อง ซึ่งเป็นแพทย์ (MD.) และนักจักษุวิทยา (Ph.D.) ชาวฮ่องกง ให้สัมภาษณ์ระบุรัฐบาลจีนรู้เรื่องว่า มีการค้นพบ COVID-19 ตั้งแต่ปี 2019 แต่ปกปิดเอาไว้จนเกิดการระบาดไปทั้งโลก เธอบอกว่า ได้เตือนให้ระวังเชื้อไวรัสตัวใหม่ที่ ติดต่อจากคนสู่คนได้ โดยอ้างรัฐบาลจีนไม่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูล ทำให้แพทย์ตามโรงพยาบาลไม่กล้าทำอะไร ส่งผลให้เธอต้องหนีออกมาสหรัฐเพื่อเปิดเผยให้คนทั้งโลกได้รู้ อย่างไรก็ดี กรณีของ ดร. หยาน หลี่-เหมิง ดูจะจบค่อนข้างรวดเร็ว เพราะมีการด้อยค่าในข้อมูลที่ ดร.หยาน อ้างจากบทความวิจัยของเธอเองที่ตีพิมพ์ในวารสารที่เป็น preprint ซึ่งไม่มีการสอบทานถึงความถูกต้องทางวิชาการ
          ผ่านมาราว 1 ปี ในวันที่ 15 สิงหาคม 2021  มีบทความชื่อ Conspiracy theory or reasonable skepticism? Why we should demand an investigation into US labs for origins of COVID-19 (ทฤษฎีสมคบคิดหรือความสงสัยที่สมเหตุสมผล? ทำไมเราควรเรียกร้องให้มีการสอบสวนห้องทดลองของสหรัฐฯ เพื่อหาที่มาของ COVID-19)  บอกว่าชาวจีนกว่า 25 ล้านคนได้ลงนามเพื่ออุทธรณ์องค์การอนามัยโลกให้มีการสอบสวนห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาของ Fort Detrick (ฟอร์ท เด-ทริค) สังกัดกองทัพบกในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสำนักงานข่าวของสหรัฐอเมริกันบางแห่ง ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่ Fort Detrick พัวพันเกี่ยวกับต้นกำเนิดของ COVID-19 
         ในบทความได้ชี้ถึงเบาะแสและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเอกสารทางวิชาการและรายงานสาธารณะส่วนหนึ่งจากสื่อของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับ Fort Detrick ซึ่งโยงไปถึงความเกี่ยวข้องกับ ดร. ราล์ฟ แบริค (Ralph Baric) ศาสตราจารย์ในภาควิชาระบาดวิทยาและภาควิชาจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยา มหาวิทยาลัย University of North Carolina at Chapel Hill  
          ดร.แบริค เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่งในการปรับแต่งไวรัสให้เปลี่ยนแปลงไปตามต้องการด้วยเทคนิคทางการตัดแต่งพันธุกรรม และถือสิทธิบัตร 13 เรื่องที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับไวรัสที่เป็นอันตราย 3 ชนิด  
          ในบทความวิจัยเรื่อง Reverse genetics with a full-length infectious cDNA of severe acute respiratory syndrome coronavirus (การทำงานย้อมกลับหน่วยพันธุกรรมทั้งระบบทำให้ได้ cDNA ซึ่งจำลองเป็นไวรัสโคโรนาซึ่งก่อโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันอย่างร้ายแรง)
          ดร.แบริค ซึ่งเป็นผู้ร่วมทำวิจัยด้วยได้แสดงศักยภาพของเทคนิคที่คิดค้นชื่อ SARS-CoV reverse genetics system จนสามารถสังเคราะห์ cDNA แบบเต็มความยาวจากหน่วยพันธุกรรม (RNA) ของ SARS-CoV สายพันธุ์ Urbani  (SARS มาจากคำว่า Severe Acute Respiratory Syndrome ซึ่งแปลเป็นไทยว่า โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันอย่างรุนแรง) 
          จากเทคนิคดังกล่าว ทำให้ทีมวิจัยสามารถสังเคราะห์ไวรัสโคโรนาในกลุ่ม SARS ที่มีการกลายพันธุ์ตามตำแหน่งที่ต้องการขึ้นมาได้ และสุดท้ายทั้งหมดได้ยื่นขอสิทธิบัตรในสิ่งที่ค้นพบสำเร็จในปี 2007 เป็นสิทธิบัตร patent code US7279327B2. 
          จากเทคนิคเฉพาะที่ค้นพบนี้ ดร.แบริค ได้เริ่มสะสมตัวอย่างไวรัสโคโรนาจากทั่วโลก ซึ่งนิตยสาร MIT Technology Review ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน 2021 มีบทความเรื่อง “Inside the risky bat-virus engineering that links America to Wuhan” (ความเสี่ยงที่เชื่อมโยงให้อเมริกาเกี่ยวข้องกับหวูฮั่นนั้นเกิดเนื่องจากไวรัสในค้างคาวที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรม) ได้กล่าวเป็นเชิงว่า ดร.แบริค ต้องการสร้างไวรัสโคโรนาที่แพร่เชื้อได้ดี เพื่อเป็นต้นแบบนำไปสู่การพัฒนายาและวัคซีนที่ต่อต้านไวรัสโคโรนาทั้งหลายที่ก่ออาการคล้ายโรค SARS ที่ระบาดในปี 2013 
 

Show more...
4 years ago
16 minutes 48 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : กลิ่นตัวเปลี่ยนเพราะวัคซีน

ทำไมมนุษย์ถึงมีกลิ่นตัว
•    โดยปรกติมนุษย์แต่ละคนมีกลิ่นตัวที่มีลักษณะเฉพาะ ตั้งแต่กลิ่นอ่อน ๆ ไปจนถึงกลิ่นฉุน ส่วนมากแล้วจุดที่เกิดกลิ่นตัวมักจะเป็นบริเวณศีรษะ ท้ายทอย ส่วนที่เป็นส่วนข้อพับต่าง ๆ เช่น  รักแร้ ขาหนีบ และอาจจะมีบ้างที่เกิดขึ้นจากบริเวณอวัยวะเพศ
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้กลิ่นตัวต่างกัน
•    กลิ่นตัวมากหรือน้อยมีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมเป็นปัจจัยหลัก ส่วนสิ่งแวดล้อมเช่น อาหารนั้นเป็นปัจจัยรอง นอกจากนี้สภาวะทางสรีรภาพเช่น การเจ็บป่วยก็ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นตัวได้
การฉีดวัคซีนทำให้กลิ่นตัวเปลี่ยนเพราะอะไร มีงานวิจัยอะไรที่เกี่ยวข้อง ฟังใน คิดก่อนเชื่อ 

Show more...
4 years ago
10 minutes 29 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : น้ำประปาที่ LA สหรัฐฯ เคยมีสารก่อมะเร็ง เกิดจากอะไร

อ่างเก็บน้ำซิลเวอร์เลคและเอลิเซียน ใน LA สหรัฐฯ ถูกตรวจพบว่ามี อนุมูลโบรไมด์จากน้ำบาดาล เมื่อมีการเติมคลอรีนเพื่อให้เกิดอนุมูลคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคในขณะที่มีแสงแดดที่แรงกล้า ได้มีการก่อตัวเกิดอนุมูลโบรเมต 
   ในการการขจัดสิ่งปนเปื้อนนั้นใช้เวลา 4 เดือน โดยปล่อยน้ำที่ปนเปื้อนมากกว่า 2.3 ล้าน ลูกบาศก์เมตร 
o    ดังนั้นในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2008 LADWP ได้เริ่มทดลองเทลูกบอลพลาสติกสีดำเพื่อปกคลุมพื้นผิวของอ่างเก็บน้ำ Ivanhoe ขนาด 2.2 แสนลูกบาศก์เมตร (น่าจะเป็นคนละอ่างเก็บน้ำที่กล่าวข้างต้น) เพื่อบังแสงซึ่งเป็นการตัดปัจจัยสำคัญที่ทำให้อนุมูลโบรไมด์ที่มีอยู่ในน้ำตามธรรมชาติทำปฏิกิริยากับอนุมูลคลอไรด์จากคลอรีนที่ใช้ในการบำบัดเชื้อ ผลคือน้ำที่อยู่ในอ่างไม่มีโบรเมต

ฟังเพิ่มเติม ใน คิดก่อนเชื่อ 
 

Show more...
4 years ago
15 minutes 31 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : การวิจัยวัคซีนต้านโควิด-19 แบบผงและพ่นคอ

•    วัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ที่ใช้กันปัจจุบันอยู่ในรูปแบบของเหลวซึ่งฉีดผ่านเข็มเข้าสู่กล้ามเนื้อ แต่ล่าสุดทีมนักวิจัยกลุ่มหนึ่งจากสวีเดนก็ได้ทำการพัฒนาวัคซีนสู้ COVID-19 แบบผง ซึ่งใช้งานโดยวิธีสูดเข้าทางปากแทน 
•    บริษัท Iconovo ตั้งอยู่ในเมดิคอนวิลเลจ ในสตอกโฮล์ม ทางตอนใต้ของสวีเดน กำลังร่วมมือกับบริษัท ISR ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านภูมิคุ้มกันวิทยา เพื่อพัฒนาวัคซีนผงแห้งที่ใช้ต้าน COVID-19 ทางทีมวิจัยหวังว่า วัคซีนที่ได้จะสามารถช่วยให้คนทั่วไปสูดพ่นวัคซีนได้ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยผู้ใช้เพียงแค่แกะแผ่นพลาสติกเล็ก ๆ บนอุปกรณ์เรียกว่า vaccine inhaler ออก เพื่อที่อุปกรณ์นี้จะเริ่มทำงานในการพ่นวัคซีนชนิดผง โดยผู้ใช้เพียงแค่นำมันเข้าไปไว้ในปากจากนั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ (น่าจะคล้ายการสูบบุหรี่) 
•    ผู้ผลิตอ้างว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้เป็นวัคซีนที่ใช้ง่ายและมีต้นทุนที่ถูกมาก เพราะถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันกับยาพ่นสำหรับโรคหอบหืด จึงไม่จำเป็นจะต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์เหมือนที่ต้องใช้ในการวัคซีนที่เป็นของเหลว ผลิตภัณฑ์จึงเหมาะกับประเทศที่ขาดระบบ cold chain เช่นใน แอฟริกา และผู้บริโภคที่กลัวเข็ม

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมใน คิดก่อนเชื่อ 
 

Show more...
4 years ago
17 minutes 7 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : หยิบยาเก่ามาสู้โควิด-19

•    มีบทความวิจัยชื่อ N-acetylcysteine as a potential treatment for COVID-19 ในวารสาร Future Microbiology ของปี 2020 และบทความชื่อ N-Acetylcysteine as Adjuvant Therapy for COVID-19 – A Perspective on the Current State of the Evidence ในวารสาร Journal of Inflammation Research ของปี 2021 ที่ได้นำเสนอแนวความคิดว่า ยาแผนปัจจุบันที่มีชื่อสามัญว่า อะเซทิลซิสเทอีน (Acetylcysteine) หรือ เอ็น-อะเซทิลซิสเทอีน (N-Acetylcysteine) หรือ NAC ซึ่งแพทย์เริ่มใช้ละลายเสมหะคนไข้โรคทางเดินหายใจตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1960 นั้นน่าจะช่วยลดการติดเชื้อ SARS-CoV-2 ได้ด้วยกระบวนการที่ดูไม่ซับซ้อน  

รายละเอียดเป็นอย่างไร ฟังใน คิดก่อนเชื่อ 

Show more...
4 years ago
12 minutes 21 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ : ข่าวดีในการบำบัดโควิค-19

มีบทความเรื่อง ทีมวิจัยอเมริกันพบวิธีใหม่ ใช้ ‘โควิด’ ฆ่า ‘โควิด’ เชื่อใช้รักษาผู้ติดเชื้อได้ โดยเนื้อหาในข่าวเป็นการอ้างถึงเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตท (Penn State) ที่กล่าวว่า ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยนำโดย ดร. มาร์โก อาร์เคตติ รองศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาของมหาวิทยาลัย ประสบความสำเร็จในการทดลองเพื่อพิสูจน์แนวคิดว่า สามารถใช้เชื้อ SARS-CoV-2  ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคโควิด-19 ที่สังเคราะห์ขึ้น ให้ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อ SARS-CoV-2 ด้วยกันเองได้ เมื่อผลจากการทดลองแสดงให้เห็นว่า วิธีการนี้สามารถลดปริมาณเชื้อก่อโรคโควิด-19 ได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 24 ชั่วโมง

เรื่องนี้จริงหรือไม่ มีงานวิจัยอะไรสนับสนุนบ้าง ฟังในคิดก่อนเชื่อ

Show more...
4 years ago
14 minutes 29 seconds

คิดก่อนเชื่อ
คิดก่อนเชื่อ