Home
Categories
EXPLORE
True Crime
Comedy
Business
Society & Culture
Health & Fitness
Sports
Technology
About Us
Contact Us
Copyright
© 2024 PodJoint
00:00 / 00:00
Podjoint Logo
US
Sign in

or

Don't have an account?
Sign up
Forgot password
https://is1-ssl.mzstatic.com/image/thumb/Podcasts125/v4/84/69/37/846937fb-ff9c-08eb-72ae-dddec227c6e3/mza_4681259308178353031.jpg/600x600bb.jpg
ThaiPublica
ThaiPublica
189 episodes
8 months ago
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘คนรุ่นใหม่’ คือตัวแปรของโลก ไม่ว่าจะเป็นมิติเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน รวมถึงทุกประเด็นที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน และอนาคต เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงให้ความสำคัญกับการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ ทั้งการพัฒนา โครงการต่างๆ เพื่อยกระดับคนภายในองค์กร และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมกับพื้นที่ระดับโลกอย่าง ‘One Young World’ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเวทีคนรุ่นใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2567 "One Young World Summit 2024” เครือซีพีฯ ส่งคนรุ่นใหม่ 20 คนของไทยไปร่วมทำกิจกรรมกับคนรุ่นใหม่จาก 196 ประเทศทั่วโลก ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ในช่วงวันที่ 18 - 21 กันยายน 2567 โดยเป้าหมายการสร้างความร่วมมือผ่านความท้าทายทั้ง 5 ประเด็นซึ่งเป็นแนวคิดหลักของปีได้แก่ 1.Indigenous Voices เสียงของคนพื้นเมือง 2.The Climate and Ecological Crisis การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ 3.Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI 4.Health Equality ความเท่าเทียมทางสุขภาพ 5.Peace สันติภาพของโลก สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า มีโอกาสพูดคุยกับ 2 ตัวแทน ‘ผู้นำแห่งอนาคต' ได้แก่ “นันทิช อัคนิวรรณ” (ปูน) จาก CP LAND และ “นวมลลิ์ เมธาทรงกิจ” (โบว์) จาก CP Axtra (Makro) “คนไม่รู้จักกันที่ภาษาและวัฒนธรรมต่างกันมารวมตัวกัน แต่สามารถพูดคุยกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันได้ มันเป็นสิ่งที่พิเศษมาก ไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสแบบนี้ได้ง่ายๆ บางคนอาจสื่อสารไม่เก่ง แต่ก็หาวิธีการให้สื่อสารได้” นันทิช อัคนิวรรณ (ปูน) จาก CP LAND กล่าว “ถ้าเราเป็นคนที่มองเห็นปัญหา และไม่อยากปล่อยปัญหาไปถึงคนรุ่นหลัง หรือทิ้งปัญหาให้เป็นภาระของคนรุ่นถัดไป One Young World คือเป็นโอกาสที่ดีมาก เป็นเน็ตเวิร์คที่หาไม่ได้จากที่ไหน มันคืองานที่รวมตัวคนจากทั่วโลกไว้ในสถานที่เดียว” นวมลลิ์ เมธาทรงกิจ (โบว์) จาก CP Axtra (Makro) กล่าว ‘ปูน’ และ ‘โบว์’ จะฉายภาพให้เห็นว่า หลังจากร่วม One Young World แล้ว คนรุ่นใหม่จะนำตัวเองไปอยู่ในสมการการพัฒนาโลกอย่างไร และนำองค์ความรู้ วิธีการ หรือไอเดียต่างๆ มาเปลี่ยนแปลงโลก ประเทศ หรือยกระดับองค์กรได้อย่างไรบ้าง คุณผู้ฟังสามารถ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ ‘นันทิช-นวมลลิ์’ 2 ตัวแทนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ เล่าพื้นที่เปลี่ยนโลก พลังคนรุ่นใหม่สร้างโลกยั่งยืน ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2024/11/one-young-world-cp-group-2024/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify
Show more...
News
RSS
All content for ThaiPublica is the property of ThaiPublica and is served directly from their servers with no modification, redirects, or rehosting. The podcast is not affiliated with or endorsed by Podjoint in any way.
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘คนรุ่นใหม่’ คือตัวแปรของโลก ไม่ว่าจะเป็นมิติเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน รวมถึงทุกประเด็นที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน และอนาคต เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงให้ความสำคัญกับการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ ทั้งการพัฒนา โครงการต่างๆ เพื่อยกระดับคนภายในองค์กร และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมกับพื้นที่ระดับโลกอย่าง ‘One Young World’ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเวทีคนรุ่นใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2567 "One Young World Summit 2024” เครือซีพีฯ ส่งคนรุ่นใหม่ 20 คนของไทยไปร่วมทำกิจกรรมกับคนรุ่นใหม่จาก 196 ประเทศทั่วโลก ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ในช่วงวันที่ 18 - 21 กันยายน 2567 โดยเป้าหมายการสร้างความร่วมมือผ่านความท้าทายทั้ง 5 ประเด็นซึ่งเป็นแนวคิดหลักของปีได้แก่ 1.Indigenous Voices เสียงของคนพื้นเมือง 2.The Climate and Ecological Crisis การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ 3.Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI 4.Health Equality ความเท่าเทียมทางสุขภาพ 5.Peace สันติภาพของโลก สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า มีโอกาสพูดคุยกับ 2 ตัวแทน ‘ผู้นำแห่งอนาคต' ได้แก่ “นันทิช อัคนิวรรณ” (ปูน) จาก CP LAND และ “นวมลลิ์ เมธาทรงกิจ” (โบว์) จาก CP Axtra (Makro) “คนไม่รู้จักกันที่ภาษาและวัฒนธรรมต่างกันมารวมตัวกัน แต่สามารถพูดคุยกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันได้ มันเป็นสิ่งที่พิเศษมาก ไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสแบบนี้ได้ง่ายๆ บางคนอาจสื่อสารไม่เก่ง แต่ก็หาวิธีการให้สื่อสารได้” นันทิช อัคนิวรรณ (ปูน) จาก CP LAND กล่าว “ถ้าเราเป็นคนที่มองเห็นปัญหา และไม่อยากปล่อยปัญหาไปถึงคนรุ่นหลัง หรือทิ้งปัญหาให้เป็นภาระของคนรุ่นถัดไป One Young World คือเป็นโอกาสที่ดีมาก เป็นเน็ตเวิร์คที่หาไม่ได้จากที่ไหน มันคืองานที่รวมตัวคนจากทั่วโลกไว้ในสถานที่เดียว” นวมลลิ์ เมธาทรงกิจ (โบว์) จาก CP Axtra (Makro) กล่าว ‘ปูน’ และ ‘โบว์’ จะฉายภาพให้เห็นว่า หลังจากร่วม One Young World แล้ว คนรุ่นใหม่จะนำตัวเองไปอยู่ในสมการการพัฒนาโลกอย่างไร และนำองค์ความรู้ วิธีการ หรือไอเดียต่างๆ มาเปลี่ยนแปลงโลก ประเทศ หรือยกระดับองค์กรได้อย่างไรบ้าง คุณผู้ฟังสามารถ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ ‘นันทิช-นวมลลิ์’ 2 ตัวแทนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ เล่าพื้นที่เปลี่ยนโลก พลังคนรุ่นใหม่สร้างโลกยั่งยืน ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2024/11/one-young-world-cp-group-2024/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify
Show more...
News
Episodes (20/189)
ThaiPublica
นันทิช-นวมลลิ์ 2 ตัวแทนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ เล่าพื้นที่เปลี่ยนโลก พลังคนรุ่นใหม่สร้างโลกยั่งยืน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘คนรุ่นใหม่’ คือตัวแปรของโลก ไม่ว่าจะเป็นมิติเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน รวมถึงทุกประเด็นที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน และอนาคต เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงให้ความสำคัญกับการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ ทั้งการพัฒนา โครงการต่างๆ เพื่อยกระดับคนภายในองค์กร และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมกับพื้นที่ระดับโลกอย่าง ‘One Young World’ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเวทีคนรุ่นใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2567 "One Young World Summit 2024” เครือซีพีฯ ส่งคนรุ่นใหม่ 20 คนของไทยไปร่วมทำกิจกรรมกับคนรุ่นใหม่จาก 196 ประเทศทั่วโลก ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ในช่วงวันที่ 18 - 21 กันยายน 2567 โดยเป้าหมายการสร้างความร่วมมือผ่านความท้าทายทั้ง 5 ประเด็นซึ่งเป็นแนวคิดหลักของปีได้แก่ 1.Indigenous Voices เสียงของคนพื้นเมือง 2.The Climate and Ecological Crisis การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ 3.Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI 4.Health Equality ความเท่าเทียมทางสุขภาพ 5.Peace สันติภาพของโลก สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า มีโอกาสพูดคุยกับ 2 ตัวแทน ‘ผู้นำแห่งอนาคต' ได้แก่ “นันทิช อัคนิวรรณ” (ปูน) จาก CP LAND และ “นวมลลิ์ เมธาทรงกิจ” (โบว์) จาก CP Axtra (Makro) “คนไม่รู้จักกันที่ภาษาและวัฒนธรรมต่างกันมารวมตัวกัน แต่สามารถพูดคุยกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันได้ มันเป็นสิ่งที่พิเศษมาก ไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสแบบนี้ได้ง่ายๆ บางคนอาจสื่อสารไม่เก่ง แต่ก็หาวิธีการให้สื่อสารได้” นันทิช อัคนิวรรณ (ปูน) จาก CP LAND กล่าว “ถ้าเราเป็นคนที่มองเห็นปัญหา และไม่อยากปล่อยปัญหาไปถึงคนรุ่นหลัง หรือทิ้งปัญหาให้เป็นภาระของคนรุ่นถัดไป One Young World คือเป็นโอกาสที่ดีมาก เป็นเน็ตเวิร์คที่หาไม่ได้จากที่ไหน มันคืองานที่รวมตัวคนจากทั่วโลกไว้ในสถานที่เดียว” นวมลลิ์ เมธาทรงกิจ (โบว์) จาก CP Axtra (Makro) กล่าว ‘ปูน’ และ ‘โบว์’ จะฉายภาพให้เห็นว่า หลังจากร่วม One Young World แล้ว คนรุ่นใหม่จะนำตัวเองไปอยู่ในสมการการพัฒนาโลกอย่างไร และนำองค์ความรู้ วิธีการ หรือไอเดียต่างๆ มาเปลี่ยนแปลงโลก ประเทศ หรือยกระดับองค์กรได้อย่างไรบ้าง คุณผู้ฟังสามารถ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ ‘นันทิช-นวมลลิ์’ 2 ตัวแทนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ เล่าพื้นที่เปลี่ยนโลก พลังคนรุ่นใหม่สร้างโลกยั่งยืน ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2024/11/one-young-world-cp-group-2024/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify
Show more...
1 year ago
1 hour 5 minutes 24 seconds

ThaiPublica
6 ปี กสศ. กับ “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” อุดความเหลื่อมล้ำผ่าน ‘ทุนเสมอภาค’
ท่ามกลางงบประมาณกว่า 8 แสนล้านบาทของทุกหน่วยงานด้านการศึกษาที่มีจำนวนมากมาย ปฏิเสธไม่ได้ว่า การศึกษาไทยเต็มไปด้วยปัญหานานัปการ โดยเฉพาะมิติความเหลื่อมล้ำของครัวเรือนฐานะยากจน ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนสามารถแก้ปัญหาได้ ด้วยเหตุนี้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. หน่วยงานด้านการศึกษาจัดตั้งขึ้นในปี 2561 เพื่ออุดช่องโหว่ด้านความเหลื่อมล้ำ โดยมีหัวเรือคือ “ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ดูแลภาพรวมเศรษฐกิจ-การเงินระดับประเทศ หันมาขับเคลื่อนประเด็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนฯ ดร.ประสาร ฉายภาพให้เห็นว่า ภารกิจของ กสศ. ประกอบด้วยการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ 3 มิติ คือ (1) ความเหลื่อมล้ำเชิงโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา (2) ความเหลื่อมล้ำเชิงคุณภาพการศึกษา และ (3) ความเหลื่อมล้ำในการจัดสรรทรัพยากรทางการศึกษา ตลอด 6 ปี ของ กสศ. มีผลงานอะไรที่เป็นรูปธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำมากน้อยขนาดไหน ตลอดจนข้อค้นพบจากการทำงาน จนนำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายและบทบาทการขับเคลื่อนถึงภาครัฐ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ 6 ปี กสศ. กับ “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” อุดความเหลื่อมล้ำผ่าน ‘ทุนเสมอภาค’ ต่อลมหายใจด้วย ‘Learn to Earn’ ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2024/04/6-years-of-equitable-education-fund/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify
Show more...
1 year ago
1 hour 33 minutes 49 seconds

ThaiPublica
Thaipublica Podcast จากนักโทษล้นคุก ถึงวิกฤติหลักนิติธรรม
“คุกมีไว้ขังคนจน” ภาพสะท้อนระบบยุติธรรมแบบไทยๆ ที่ได้ยินกันมาช้านาน ลามเป็นปัญหาลูกโซ่ “นักโทษล้นคุก” เพราะคุกไทยเต็มไปด้วยคนจน จากตัวเลขผู้ต้องราชทัณฑ์ เดือนเมษายน 2567 พบว่า คุกไทยมีผู้ต้องขังมากกว่า 280,000 คน อันดับ 8 ของโลก ขณะที่เรือนจำของประเทศไทยทั้งหมด 143 แห่งรองรับผู้ต้องขังได้ประมาณ 150,000 -160,000 คนเท่านั้น ขณะที่คนจน ที่กระทำความผิด มักถูกจับขังโดยไม่มีเงินประกันตัว และเรียกโดยภาษากฎหมายว่า ผู้ต้องขังระหว่าง ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 59,000 คน คิดเป็น 20% ของผู้ต้องขังทั้งหมด เบื้องลึกของปัญหานักโทษล้นคุกเป็นอย่างไร ? “ผศ. ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล” จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชวนวิเคราะห์สาเหตุ สภาพปัญหา ทางออก ข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม ตลอดจนการเตือนสติ ‘กรมราชทัณฑ์’ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบยุติธรรม ให้ยืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ จาก “นักโทษล้นคุก” ถึงวิกฤติหลักนิติธรรม กับ “ปริญญา เทวานฤมิตรกุล” ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2024/04/rule-of-law-crisis/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify
Show more...
1 year ago
59 minutes 2 seconds

ThaiPublica
We Shift World Change กลุ่มปตท. – วรุณาชูเทคโนโลยี AI ลดโลกร้อน บริหารจัดการพื้นที่สีเขียว
เราปรับ โลกเปลี่ยน We Shift, World Change เป็นรายงานพิเศษด้วยความร่วมมือระหว่างสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UN Global Compact Network Thailand-UNGCNT) และไทยพับลิก้า เพื่อนำเสนอ วิสัยทัศน์ นโยบาย และกลยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ความยั่งยืน ในบริบทของธุรกิจขององค์กร การมีส่วนร่วมพัฒนาและสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร เช่น คู่ค้า ลูกค้า ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ในการปรับตัว และการมีส่วนร่วมยกระดับชุมชนและสังคม ให้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งใน หน่วยธุรกิจหลักที่ก่อตั้งในปี 2563 ภายใต้บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า เออาร์วี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. สผ. โดยเป็นผู้บุกเบิกการนําเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเรียนรู้ของเครื่องจักรด้วยตนเองผ่านอัลกอริทึ่มต่างๆ การประมวลผลภาพจากอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน การวิเคราะห์ระบบข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมโยงกับค่าพิกัดภูมิศาสตร์ เเละแพลตฟอร์มการให้บริการในด้านต่างๆ มาใช้ในการดำเนินธุรกิจในการพัฒนาเทคโนโลยีเกษตร และป่าไม้อัจฉริยะอย่างครบวงจร เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยในการแก้ไขปัญหาก๊าซเรือนกระจก ตาม เป้าหมาย SDG ข้อ 13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นายธราณิศ ประเสริฐศรี หัวหน้าทีมพัฒนาเทคโนโลยี บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า การดำเนินงานของวรุณาเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเพิ่มการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ส่วนที่สองคือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในภาคการเกษตร สำหรับการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวนั้น ได้นำเทคโนโลยีของบริษัทมาใช้ ซึ่งมีส่วนช่วยให้โครงการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกของแต่ละองค์กร แต่ละพื้นที่ สามารถติดตามได้ รวมทั้งแก้ไขสถานการณ์หากมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น มีไฟป่า มีการรุกล้ำพื้น ทางด้านการใช้เทคโนโลยีในการช่วยเกษตรกร ได้นำนวัตกรรม แอปพลิเคชันคันนา (KANNA) มาช่วยบริหารจัดการแปลงเกษตรแบบครบวงจร ซึ่งเน้นไปที่การทำนาปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง ข้อมูลที่เกษตรกรรายงานและการตรวจเช็คที่เกิดขึ้นใน แอป KANNA จะทำให้วรุณานำมาใช้เป็นเอกสารหลักฐานในการขอขึ้นทะเบียนโครงการคาร์บอนเครดิต นายธราณิศบอกว่า ไทยเป็นประเทศที่มีพื้นที่การเกษตรจำนวนมาก หากใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ก็จะเป็นการยกระดับภาคเกษตร และสามารถช่วยลดอุณหภูมิโลกได้ด้วย อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ กลุ่มปตท. – วรุณาชูเทคโนโลยี AI ลดโลกร้อน บริหารจัดการพื้นที่สีเขียว ขับเคลื่อนเกษตรยั่งยืนได้ ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/12/we-shift-world-change-varuna-drives-sustainable-agriculture-environment-with-ai-technology/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify #WeShiftWorldChange #UNGCNT #Varuna #PTT
Show more...
1 year ago
8 minutes 45 seconds

ThaiPublica
We Shift World Change ซีเค พาวเวอร์ หนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ
เราปรับ โลกเปลี่ยน We Shift, World Change เป็นรายงานพิเศษด้วยความร่วมมือระหว่างสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UN Global Compact Network Thailand)กับไทยพับลิก้า เพื่อนำเสนอ วิสัยทัศน์ นโยบาย และกลยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ความยั่งยืน ในบริบทของธุรกิจขององค์กร การมีส่วนร่วมพัฒนาและสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร เช่น คู่ค้า ลูกค้า ในห่วงโซ่อุปทาน ในการปรับตัว และการมีส่วนร่วมยกระดับชุมชนและสังคม ให้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุด และมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ต่ำที่สุดในภูมิภาค และยังเป็นตัวอย่างของการดำเนินธุรกิจที่ก้าวข้ามเปลี่ยนผ่านจากพลังงานดั้งเดิมหรือฟอสซิสไปสู่พลังงานสะอาด โดยให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่“การพัฒนาที่ยั่งยืน” และก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ คุณ วรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ กรรมการบริหาร บริษัทซีเค พาวเวอร์ จำกัด(มหาชน) บอกว่า ซีเค พาวเวอร์ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคงทางพลังงานหมุนเวียนให้กับประเทศ โดยมีการดำเนินธุรกิจตามแนวหลักความยั่งยืนบนพื้นฐานความสมดุลของสังคม สิ่งแวดล้อมและธรรมาภิบาลที่ดี ตัวอย่างของการปฏิบัติที่ชัดเจน คือ “ต้นแบบโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี” ที่เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำประเภทน้ำไหลผ่าน ที่ทันสมัย ปล่อยให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าโรงไฟฟ้าเท่ากับปริมาณที่ไหลออกตลอดเวลา อาศัยอัตราการไหลของน้ำในการผลิตไฟฟ้าโดยไม่มีการกักเก็บน้ำ ไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการไหลของน้ำตามธรรมชาติ อีกทั้งยังใช้นวัตกรรมการออกแบบและก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในภูมิภาค นั่นคือ ระบบทางปลาผ่านแบบผสม ที่เริ่มจากการศึกษาตั้งแต่เริ่มต้นพัฒนาโครงการ เพื่อความเข้าใจเชิงลึกต่อวงจรชีวิตของปลาและพฤติกรรมการอพยพของปลาในแม่น้ำโขง รวมทั้งลักษณะทางกายภาพและชนิดพันธุ์ของปลาที่แตกต่างกัน เพื่อให้ระบบทางปลาผ่านแบบผสมนี้สามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมการอพยพของปลาทุกสายพันธุ์ในแม่น้ำโขงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี เป็นโรงไฟฟ้าแรกที่ได้ออกแบบประตูระบายตะกอนให้กดระดับลงไปเท่ากับระดับท้องน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่า ตะกอนทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่สามารถไหลผ่านโรงไฟฟ้าไปยังท้ายน้ำได้เหมือนเดิมตามธรรมชาติ และที่สำคัญได้สร้าง “ช่องทางเดินเรือสัญจร เพื่อให้การสัญจรทางเรือของชาวบ้านผ่านโรงไฟฟ้าฯ สามารถสัญจรได้อย่างสะดวกตลอดทั้งปี CKPower สามารถผลิตไฟฟ้าสะอาดส่งให้ประเทศไทยได้ 9,500,000 เมกะวัตต์ หรือ คิดเป็น 5% ของไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ ช่วยหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี นับเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างเสถียรภาพให้ประเทศไทย และสนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และมุ่งมั่นผลักดันสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ NET ZERO ภายในปี 2065 ตามเป้าที่รัฐบาลกำหนด อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม "ซีเค พาวเวอร์ หนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ" ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/12/we-shift-world-change-ck-power-supports-energy-transitioning-to-a-low-carbon-society/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify #WeShiftWorldChange #UNGCNT #CKPower
Show more...
1 year ago
7 minutes 39 seconds

ThaiPublica
We Shift World Change เครือซีพียกระดับคุณภาพชีวิตด้วย"อมก๋อยโมเดล"
เราปรับ โลกเปลี่ยน We Shift, World Change เป็นรายงานพิเศษด้วยความร่วมมือระหว่างสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UN Global Compact Network Thailand)กับไทยพับลิก้า เพื่อนำเสนอ วิสัยทัศน์ นโยบาย และกลยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ความยั่งยืน ในบริบทของธุรกิจขององค์กร การมีส่วนร่วมพัฒนาและสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร เช่น คู่ค้า ลูกค้า ในห่วงโซ่อุปทาน ในการปรับตัว และการมีส่วนร่วมยกระดับชุมชนและสังคม ให้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน เครือซีพีและมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ซึ่งก่อตั้งมา 30 กว่าปี มีเป้าหมายขับเคลื่อนงานใน 4 เรื่อง ทั้งเรื่องเด็กและเยาวชน พัฒนาอาชีพและเกษตรกร คุณภาพชีวิตและผู้สูงอายุ รวมถึงโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแผนใหม่ที่เริ่มเมื่อปี 2564 โดยได้เลือกพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นมาดำเนินการภายใต้ "อมก๋อยโมเดล" นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กรรมการเเละเลขาธิการ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท บอกกับสำนักข่าวไทยพับลิก้าว่า "อมก๋อยโมเดล" มีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ป่าต้นน้ำ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน ด้วยุทธศาสตร์ที่ได้จากการลงพื้นที่จริงเป็นเวลานาน นายจอมกิตติ เล่าว่า ภาคเหนือเป็นเขตภูเขา ป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร แต่มีปัญหาเรื่องการทำเกษตรบนพื้นที่สูง มีการทำไร่หมุนเวียนจำนวนมาก ทำให้พื้นที่กลายเป็นเขาหัวโล้น และอมก๋อย ปัจจุบันถือเป็นอำเภอที่มีสัดส่วนการคงไว้ของป่าในอัตราที่สูงอันดับต้นของพื้นที่ภาคเหนือ โดยพื้นที่อมก๋อย 1.31 ล้านไร่ อยู่ในเขตภูเขาสูงประมาณ 98% เป็นพื้นที่ราบลุ่มสำหรับตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยและทำนาบางส่วนเพียง 2% มูลนิธิฯ ร่วมกับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในเครือซีพี รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และหลายภาคส่วน เข้าไปดำเนินการในพื้นที่ด้วย 6 แผนงาน ซึ่งส่วนหนึ่งได้แก่ การทำให้ป่าเดิมที่มีอยู่ได้รับการปกป้องรักษา ส่งเสริมการปลูกกาแฟใต้ร่มเงาในป่า และการศึกษาพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ การบริหารจัดการ เทคโนโลยี สนับสนุนเงินทุน และการตลาด เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน นายจอมกิตติกล่าวว่า เครือซีพีหรือมูลนิธิฯนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นในระบบสังคมในการขับเคลื่อนสังคมไทย ที่เห็นว่าพอมีโอกาส มีทรัพยากร มีศักยภาพตรงไหนที่จะเข้าไปช่วยพัฒนา ที่จะช่วยแก้ไขปัญหา สิ่งนี้เป็นนโยบายของผู้บริหารสูงสุด ขององค์กร อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เครือซีพี-มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ฯ ประสานชาวปกาเกอะญอ ร่วมอนุรักษ์-ฟื้นฟูพื้นที่ป่า “อมก๋อย” ยกระดับคุณภาพชีวิต ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/12/we-shift-world-change-cp-group-and-cpfoundationforrural-initiate-omkoi-model/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify #WeShiftWorldChange #UNGCNT #เครือซีพี
Show more...
1 year ago
43 minutes 45 seconds

ThaiPublica
We Shift World Change เครือซีพีฟื้นฟูทะเลไทยให้ยั่งยืน ตามพันธกิจ SEACOSYSTEM
เราปรับ โลกเปลี่ยน We Shift, World Change เป็นรายงานพิเศษด้วยความร่วมมือระหว่างสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UN Global Compact Network Thailand)กับไทยพับลิก้า เพื่อนำเสนอ วิสัยทัศน์ นโยบาย และกลยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ความยั่งยืน ในบริบทของธุรกิจขององค์กร การมีส่วนร่วมพัฒนาและสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร เช่น คู่ค้า ลูกค้า ในห่วงโซ่อุปทาน ในการปรับตัว และการมีส่วนร่วมยกระดับชุมชนและสังคม ให้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน บนเส้นทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (เครือซีพี) ได้ทำให้บริษัทในเครือก้าวขึ้นสู่องค์กรแห่งความยั่งยืนระดับโลก ทั้งการได้เป็นสมาชิก Dow Jones Sustainability Indices การเป็นสมาชิกความยั่งยืน FTSE4Good Emerging Index การได้รับการประเมินที่ดีจากสภาธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ World Business Council on Sustainable Development (WBCSD) และการได้ CG 5 ดาวจากโครงการ CGR2560 ของสถาบันกรรมการบริษัทไทย รวมถึงแนวคิด SEACOSYSTEM เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลเชิงบูรณาการ ในฐานะที่เครือซีพี เป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของระบบเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่เกี่ยวข้องกับทะเลไทย ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้บริหารสำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล เครือซีพี บอกว่า SEACOSYSTEM เป็นหนึ่งในพันธกิจด้านความยั่งยืนของซีพี โดย SEACOSYSTEM ได้ตั้งสัตยาบันกับภาคประชาชนว่า จะแก้ไขปัญหาเรื่องทะเล SEACOSYSTEM จึงมีเป้าหมายคือการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล แต่มีผู้ได้ประโยชน์คือ เกษตรกร ชาวประมงที่ได้ประโยชน์ จากการอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลเชิงบูรณาการสำคัญ 5 ด้าน ดร.อธิปบอกว่า โครงการต่าง ๆ ที่เข้าไปทำกับชาวบ้านนั้น เกิดจากความต้องการของชาวบ้านเอง เป็นโครงการที่ตอบโจทย์ชาวบ้านได้ แต่เครือซีพีช่วยเสริมด้วยเทคโนโลยีและความรู้ ดร.อธิปบอกอีกว่า SEACOSYSTEM เป็นโครงการที่มีผู้ติดต่อขอขอดูงานจำนวนมาก และได้รับรางวัล ทั้งรางวัลพระราชทานและรางวัลในต่างประเทศ รวมทั้ง เป็นโครงการที่ไม่ได้ตอบโจทย์เฉพาะในประเทศไทย แต่ตอบโจทย์ในประเทศที่มีปู อย่างมาเลเซียที่เข้ามาดูงานที่จังหวัดปัตตานีและขอไปนำใช้ ดร.อธิปบอกย้ำว่า เครือซีพีจะผลักดัน SEACOSYSTEM อย่างต่อเนื่อง แม้เครือซีพีจะไม่ได้ทำธุรกิจประมง แต่ ซัพพลายเชนหรือห่วงโซ่อุปทานของเครือ เกี่ยวข้องกับทะเล วัตถุดิบบางส่วนมาจากทะเล และใช้ทะเลในบางส่วน เพราะฉะนั้น ก็เป็นหน้าที่ของเครือซีพีในฐานะบริษัทไทยที่จะต้องฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล เพราะเป็นสมบัติของคนในชาติ ทะเลเป็นของทุกคน อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เครือซีพีผนึกกำลังทุกภาคส่วนพัฒนา ฟื้นฟู ทะเลไทยให้ยั่งยืน ตามพันธกิจ SEACOSYSTEM ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/11/we-shift-world-change-cp-seacosystem/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify #WeShiftWorldChange #UNGCNT #CPG #เครือซีพี
Show more...
1 year ago
36 minutes 15 seconds

ThaiPublica
We Shift World Change NRF เดินหน้าสู่ Carbon Negative ด้วยโครงการ Decarbonization
เราปรับ โลกเปลี่ยน We Shift, World Change เป็นรายงานพิเศษด้วยความร่วมมือระหว่างสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UN Global Compact Network Thailand:UNGCNT)กับไทยพับลิก้า เพื่อนำเสนอ วิสัยทัศน์ นโยบาย และกลยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ความยั่งยืน ในบริบทของธุรกิจขององค์กร การมีส่วนร่วมพัฒนาและสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร เช่น คู่ค้า ลูกค้า ในห่วงโซ่อุปทาน ในการปรับตัว และการมีส่วนร่วมยกระดับชุมชนและสังคม ให้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF สมาชิกที่โดดเด่นของ สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ได้ตั้งเป้าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2030 และก้าวสู่การเป็น บริษัทแห่งแรกที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นลบหรือ Carbon Negative Company บริษัทยั่งยืนแห่งศตวรรษที่ 22 นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NRF บอกกับไทยพับลิก้าถึงแนวทางที่บริษัทจะบรรลุถึงเป้าหมายว่า มี 2 องค์ประกอบด้วยกัน องค์ประกอบแรก คือ นำเทคโนโลยีมาใช้ องค์ประกอบที่สองร่วมมือกับพันธมิตร ได้แก่ เกษตรกร ซึ่งจะทำให้เข้าสู่ Net zero อย่างแท้จริง NRF เริ่มโครงการนำร่องกับเกษตรกร 20 ราย ด้วยการจ้างเกษตรกรเก็บรวบรวมซังข้าวโพดหลังเก็บเกี่ยว แทนที่จะเผาโดยตรง ซึ่งมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมา เมื่อได้ซังข้าวโพดจากเกษตรกรแล้ว ก็แล้วนำมาเผาในเตาพิเศษที่บริษัทผลิตโดยใช้เทคโนโลยีของยุโรป ที่ออกแบบให้เป็นเตาเผาที่เผาแล้วไม่ปล่อยมลพิษและก๊าซเรือน กระจก เป็นการเผาในระบบสุญญากาศ เผาออกมาแล้วจะได้วัสดุเหมือนถ่าน เป็น Bio Char (ไบโอชาร์) ซึ่งเรียกว่าไบโอคาร์บอน ที่ดักจับและกักเก็บคาร์บอน ไบโอชาร์ที่ได้จะนำไปฝังในไร่ อยู่ในดินถาวร ซึ่งสามารถเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการฟื้นฟูหน้าดินให้มีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ดินสามารถกักเก็บและอุ้มน้ำได้ดียิ่งขึ้น จึงกลายเป็นแทนที่จะปล่อยคาร์บอน กลับเป็นได้ เครดิตคาร์บอน คืนมา อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ NRF เดินหน้าสู่ Carbon Negative ด้วยโครงการ Decarbonization ใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอน ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/11/we-shift-world-change-nrf-decarbonization/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify #WeShiftWorldChange #UNGCNT #Decarbonization #NRF
Show more...
1 year ago
22 minutes 6 seconds

ThaiPublica
Sustainability ‘เครือเจริญโภคภัณฑ์’ กับเป้าหมายท้าทาย “ด้านความยั่งยืน” ที่ต้องเดินต่อ
เครือซีพีอยู่คู่ประเทศไทยมาแล้วกว่า 1 ศตวรรษ นับตั้งแต่ก่อตั้ง ร้านจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผักชื่อ ‘เจียไต้จึง’ ขึ้นในปี 2464 และต่อยอดธุรกิจมา เป็นโรงงานอาหารสัตว์ แปลงทดสอบสายพันธุ์ผัก โรงเรือนเลี้ยงไก่ จนกลายเป็นโรงงานอาหารสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2516 แล้วจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ในปี 2519 ​ปัจจุบันเครือซีพีมีธุรกิจที่หลากหลายครอบคลุม 8 สายธุรกิจหลักใน 21 ประเทศและเขตเศรษฐกิจพิเศษ และได้ประกาศยุทธศาสตร์ความยั่งยืนเครือเจริญโภคภัณฑ์ครอบคลุมทั้ง 3 มิติของความยั่งยืน ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมออกรายงานความยั่งยืนฉบับแรกเมื่อปี 2559 จากนั้นได้มีการพัฒนาเป้าหมายและจัดทำรายงานความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเครือซีพีได้จัดทำรายงานความยั่งยืนไปแล้ว 7 ฉบับ สมเจตนา ภาสกานนท์ ผู้อำนวยการด้านพัฒนาความยั่งยืน สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ให้สัมภาษณ์ ‘ไทยพับลิก้า’ ว่า เครือซีพีเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนสู่ปี 2573 รวมทั้งสิ้น 15 หัวข้อ ครอบคลุมทุกมิติของความยั่งยืน ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN SDGs) ในยุทธศาสตร์ความยั่งยืนเครือฯ สู่ปี 2573 นั้นเครือซีพีได้มีการปรับเพิ่มหัวข้อ เข้ามาตามประเด็นปัญหาของโลกที่เปลี่ยนไป ได้แก่ ความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูล ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นอกจากนี้เครือฯ จะส่งเสริมและสนับสนุนคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 25% ภายในปี 2573 ในโลกปัจจุบันฯ ที่เต็มไปด้วยปัจจัยความผันผวน และปัญหา เครือซีพีได้ปรับตัวและยึดมั่นในหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อรับมือกับปัญหาวิกฤติต่างๆ รวมถึงการเตรียมความพร้อม เพื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไป อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ ‘เครือเจริญโภคภัณฑ์’ กับเป้าหมายท้าทาย “ด้านความยั่งยืน” ที่ต้องเดินต่อ ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/11/cp-group-and-challenging-goals-sustainability/
Show more...
1 year ago
56 minutes 10 seconds

ThaiPublica
เป็นหนี้ต้องมีวันจบ EP 20 สตางค์ STORY เรื่องการเงินสำหรับทุกคน
ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร ในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการตั้งฝ่ายคุ้มครองและส่งเสริมผู้ใช้บริการทางการเงิน เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและหาแนวทางในการดูแลและให้การศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการเงินที่เหมาะสมให้แก่ผู้บริโภคในทุกระดับ โดยพบว่า ปัญหาที่สำคัญของผู้ที่มีปัญหาหนี้สิน คือ ขาดความรู้เรื่องดอกเบี้ย ทั้งในเรื่องอัตราดอกเบี้ย วิธีการคำนวณ ไปจนถึงการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยระหว่างผู้กู้แต่ละราย นอกจากนี้ ยังพบว่าไม่มีการออมในกรณีที่ฉุกเฉิน ไม่มีการทำบัญชีรายรับรายจ่าย จนนำไปสู่การใช้จ่ายที่มากกว่ารายได้ จุฬาลักษณ์ พิบูลชล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ(ควบ) ฝ่ายคุ้มครองและส่งเสริมผู้ใช้บริการทางการเงิน กล่าวว่า งานให้ความรู้ทางการเงิน ถือว่าเป็นการฉีดวัคซีนในเชิงป้องกัน และจะเน้นฝั่งลูกค้า ฝั่งผู้บริโภค สิ่งที่แบงก์ชาติพยายามทำมาและจะทำต่อไป คือ การกระตุ้นที่มีหลักการ 4 ข้อที่เป็นเรื่องของเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม คือ 1.ทำเรื่องให้ง่าย 2.สนุกสนาน น่าดึงดูด 3.ใครก็ทำกัน 4.ทำถูกเวลา ซึ่ง 4 ข้อนี้เรียกว่า EAST คือ Easy Attractive Social และ Timely ที่จะต้องนำมาประยุกต์ใช้ อย่างไรก็ตาม มีปัญหาหรือข้อสังเกตที่พบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ การขาดความรู้เรื่องอัตราดอกเบี้ย และพฤติกรรมที่ไม่ได้มีการเปรียบเทียบก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้สินเชื่อ ปัญหาเรื่องดอกเบี้ยที่พบ มี 3 เรื่อง เรื่องแรก ผู้ที่ใช้สินเชื่อในปัจจุบันไม่รู้ว่า สินเชื่อที่ใช้มีอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ หน่วยเป็นเท่าไหร่ และเมื่อหมดหนี้แล้ว จะเสียดอกเบี้ยทั้งหมดเท่าไหร่ เรื่องที่สอง คือ ไม่รู้วิธีการคำนวณ เรื่องที่สาม มักจะไม่รู้ หรืออะไรบ้างที่มีผลทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยจำนวนมาก จุฬาลักษณ์ กล่าวว่า ธปท.มีการให้ความรู้เรื่องการคำนวณดอกเบี้ยอยู่ในเว็บไซต์อยู่แล้ว ในส่วน “สตางค์ STORY” ในเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/th/satang-story.html โดยจะมีสูตรการคำนวณ เพื่อทำความเข้าใจ ถ้าเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยได้ ก็จะเสียเงินน้อยลง อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (20) สตางค์ STORY เรื่องการเงินสำหรับทุกคน ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/09/how-to-get-out-of-debt-19/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Youtube, Soundcloud, Apple Podcast, Google Podcast และ Spotify #เป็นหนี้ต้องมีวันจบ #ธปท #responsibleborrower #responsiblelending
Show more...
2 years ago
34 minutes 24 seconds

ThaiPublica
เป็นหนี้ต้องมีวันจบ EP 19 แบงก์ชาติเตือน อย่าหลงกลหนี้นอกระบบ
ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายแหล่ง รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ โดยหมอหนี้พร้อมรับฟัง ให้คำแนะนำ และมีความตั้งใจจริงที่จะช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเต็มความสามารถ ปัจจุบันมีทีมหมอหนี้รวม 200 คน และนี่คือหนึ่งในทีมงานหมอหนี้ ที่มาเล่าประสบการณ์ลูกหนี้ที่มีปัญหาจากการกู้นอกระบบ รวมถึงปัญหาความไม่รู้กระบวนการทางกฎหมาย หลงเชื่อคำแนะนำผิดๆ ปล่อยให้มีการบังคับคดี ยึดทรัพย์ ที่ส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด พรชัย เจริญใจ ผู้ทรงคุณวุฒิหมอหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เล่าให้ฟังว่า ปัญหาการกู้หนี้นอกระบบที่พบบ่อย คือ ลูกหนี้ถูกหลอกให้ทำสัญญากู้เงิน โดยหลังจากลูกหนี้กู้นอกระบบมาระยะหนึ่ง แล้วต้องการกู้เพิ่ม ก็จะพยายามให้ลูกหนี้มาทำสัญญาเพื่อบวกดอกเบี้ยเข้าไปในเงินต้น เป็นดอกเบี้ยที่เจ้าหนี้นอกระบบคิดเอง และผิดกฎหมายที่กำหนดให้ไม่เกิน 15% ต่อปี และเอาดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ไปทบเป็นเงินต้น แล้วให้ทำสัญญาให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อใช้เอกสารนี้ในการฟ้องร้อง บังคับคดี ยึดทรัพย์ลูกหนี้ ซึ่งลูกหนี้อาจรู้ไม่เท่าทันเจ้าหนี้นอกระบบ ก็ยอมเซ็นสัญญาไป เพราะต้องการจะขอกู้เงินเพิ่มอีกก้อนหนึ่งจากเจ้าหนี้ แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งที่ลงนามไปจะมีผลย้อนกลับมาที่ตัวเอง “อยากจะฝากเตือนลูกหนี้ที่กู้นอกระบบ อย่าไปหลงกลเจ้าหนี้นอกระบบที่จะหลอกให้เราทำสัญญากู้ในลักษณะเช่นนี้” พรชัย กล่าวว่า ในฐานะหมอหนี้ ยังต้องทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้ผู้ที่เข้ามารับคำปรึกษาด้วย และพยายามเตือนว่าอย่ากู้นอกระบบเลย หรือถ้ามีหนทางใดที่จะปิดหนี้นอกระบบได้ให้รีบปิด เพราะการกู้ในระบบอัตราดอกเบี้ยถูกกว่ามาก และยังพอคุยกันได้ ขณะที่หนี้นอกระบบส่วนมากคุยยาก อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (19) แบงก์ชาติเตือน อย่าหลงกลหนี้นอกระบบ ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/09/how-to-get-out-of-debt-18/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Youtube, Soundcloud, Apple Podcast, Google Podcast และ Spotify #เป็นหนี้ต้องมีวันจบ #ธปท #responsibleborrower #responsiblelending
Show more...
2 years ago
26 minutes 57 seconds

ThaiPublica
เป็นหนี้ต้องมีวันจบ EP 18 ธปท.ย้ำจุดยืนที่ไม่เอนเอียง ประสานลูกหนี้กับสถาบันการเงิน
ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร การทำงานของเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการให้คำแนะนำปรึกษาลูกหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้รายย่อยที่ประสบปัญหา ทั้งที่ผ่านคลินิแก้หนี้ หมอหนี้เพื่อประชาชน หรือทางด่วนแก้หนี้ นอกจากจะต้องพูดคุยกับลูกหนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพียงพอต่อการให้คำปรึกษาแล้ว เจ้าหน้าที่ธปท.ยังมีความตระหนักถึงจุดยืนในการให้ความช่วยเหลือ ไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อจะได้ให้คำแนะนำลูกหนี้ได้อย่างดีที่สุด พันธ์ทิพย์ จันทร์แจ่มแสง ผู้ตรวจสอบอาวุโส (ควบ) ฝ่ายคุ้มครองและส่งเสริมความรู้ผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากประสบการณ์การให้คำปรึกษามีบางกรณีที่ยาก แต่ธปท.ต้องวางตำแหน่งให้ถูกว่า มีหน้าที่ประสานสถาบันการเงินกับลูกหนี้ ถ้าไปคล้อยตามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็จะแก้ไม่จบ ต้องยืนในจุด ในหน้าที่เก็บข้อเท็จจริง เก็บข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อจะได้แนะนำลูกหนี้ได้ดีที่สุด โดยเนื้องานที่ทำ คือ แก้หนี้บุคคลธรรมดา และหนี้ธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มีมูลหนี้ 250 ล้านบาทขึ้นไป หรือเป็นพันล้านบาท จากประสบการณ์พบว่า กรณีที่แก้ยากมากที่สุด คือกรณีลูกหนี้ไม่มีรายได้ ไม่มีสภาพคล่อง หรือเงินเพียงพอที่จะชำระหนี้ ทำให้ไม่สามารถเจรจากับเจ้าหนี้ให้บรรลุผลได้เลย เพราะว่า ไม่มีอะไรจะมาชำระเพื่อปิดจบให้หนี้ก้อนนี้หายไปได้ กับอีกกรณีหนึ่ง คือหนี้ที่ถูกหลอกให้ถอนเงินจากบัญชี สิ่งสำคัญที่สุด ที่อยากจะย้ำคือ ลูกหนี้ต้องขอเจรจาขอแก้ไขกับเจ้าหนี้เท่านั้น เพราะเจ้าหนี้คือผู้ให้ ลูกหนี้คือผู้ชำระ ธปท.ทำได้เพียงแค่ตัวกลาง ประสานให้เขาเข้าหากัน และธปท.ยินดีจะให้คำปรึกษาและแนะนำทุกรายที่ติดต่อมา ลูกหนี้สามารถติดต่อได้เลย หรือโทร 1213 ก่อนก็ได้ ก็จะสามารถเลือกแก้หนี้ หรือหาหมอหนี้ หรือแก้หนี้รายใหญ่ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (18) ธปท.ย้ำจุดยืนที่ไม่เอนเอียง ประสานลูกหนี้กับสถาบันการเงิน ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/09/how-to-get-out-of-debt-17/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Youtube, Soundcloud, Apple Podcast, Google Podcast และ Spotify #เป็นหนี้ต้องมีวันจบ #ธปท #responsibleborrower #responsiblelending
Show more...
2 years ago
30 minutes 17 seconds

ThaiPublica
เป็นหนี้ต้องมีวันจบ EP 17 ความเข้าใจผิดเรื่องการแก้ไขหนี้
ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ จัดทำโครงการ ‘หมอหนี้เพื่อประชาชน’ ขึ้นเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งการให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่ลูกหนี้ เกี่ยวกับการบริหารหนี้ และการจัดการด้านการเงินเบื้องต้น รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการและช่องทางในการติดต่อกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ แต่บรรดาหมอหนี้ก็ต้องเผชิญกับความคาดหวังและความเข้าใจผิดหลายด้าน ที่ต้องสื่อสารและทำความเข้าใจให้ชัดเจน จรัสวิชญ์ สายธารทอง ผู้ตรวจสอบอาวุโส(ควบ) ฝ่ายคุ้มครองและส่งเสริมความรู้ทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เล่าประสบการณ์ การเป็นหมอหนี้ ว่า เวลาลูกหนี้มีปัญหา แล้วคีย์มาที่ https://app.bot.or.th/doctordebt/ มักจะมีความคาดหวังผิด ๆ ใน 2 เรื่อง คือ 1. ยืมเงินแบงก์ชาติไปปิดหนี้ นี่คือความไม่ถูกต้อง 2. เวลาลูกหนี้จะกรอกข้อมูลเข้ามา มักจะคิดว่าจะได้ตามที่ลูกหนี้ต้องการ นอกจากความคาดหวังผิด ๆ แล้ว ผู้ที่เข้ามาปรึกษาแบงก์ชาติยังมีเข้าใจผิดบางอย่างด้วย อันดับหนึ่ง คือ คำว่ารวมหนี้ ซึ่งเข้าใจว่า การรวมหนี้หมายถึง การหาเงินแหล่งเงินอีกแห่งหนึ่งเพื่อมารวมหนี้ที่มีกับอีกหลายๆแหล่งแล้วจ่ายที่เดียว อันดับสอง คือ ให้แบงก์ชาติไปดำเนินการ อันดับสาม คือ เมื่อลูกหนี้จ่ายไม่ได้ แล้วได้รับการทวงหนี้ที่บอกว่า ถ้าไม่จ่ายก็ฟ้อง ไปคุยกันที่ศาล ลูกหนี้ก็คิดว่า จะไปขอความเมตตาจากศาล จรัสวิชญ์ กล่าวว่า หน้าที่ของหมอหนี้ ของแบงก์ชาติ คือ การให้คำปรึก ให้ความรู้ บอกทุกอย่างที่เป็นไปได้ แต่จะทำหรือไม่ขึ้นกับลูกหนี้ และถ้าทำตามคำแนะนำ อาจไม่ได้อย่างที่คิด แต่เบาลงแน่นอน ภาระลดลง อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (17) 3 ความเข้าใจผิดเรื่องการแก้ไขหนี้ ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/09/how-to-get-out-of-debt-16/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Youtube, Soundcloud, Apple Podcast, Google Podcast และ Spotify #เป็นหนี้ต้องมีวันจบ #ธปท #responsibleborrower #responsiblelending
Show more...
2 years ago
41 minutes 46 seconds

ThaiPublica
เป็นหนี้ต้องมีวันจบ EP 16 แบงก์ชาติยึดแนวทางแก้หนี้ที่ win-win ทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้
ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร หลายคนที่มีปัญหาหนี้ที่แก้ไม่ตก อาจจะเพราะพฤติกรรมการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือจากความจำเป็นในชีวิต เช่น ครอบครัวเจ็บป่วย ต้องใช้เงินในการรักษาพยาบาล จนต้องกดเงินสดจากบัตรเครดิต หรือใช้สินเชื่อส่วนบุคคล มาปะทะปะทังปัญหาที่มีอยู่ โดยไม่คาดคิดว่า ปัญหาจะพัวพันกลายเป็นหนี้ก้อนโตแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงเปิดโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชนขึ้น เพื่อเป็นช่องทางในการขอรับคำปรึกษาและแนะนำการแก้ปัญหาหนี้ ทั้งหนี้ประชาชนรายย่อยและธุรกิจเอสเอ็มอี บุญเที่ยง ภูมี ผู้ทรงคุณวุฒิให้คำปรึกษาด้านหมอหนี้ เล่าวว่า ในการให้คำแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นั้น ยึดประโยชน์ของสองฝ่ายที่จะพอรับกันได้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ หรือ win-win ทั้งคู่ คือ ไม่ได้ต่อรองเอาเยอะเกินไป หรือได้เยอะเกินไป และต้องเปิดเผยข้อมูลด้วยความจริงใจทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ได้แนะนำให้ลูกหนี้ที่มาขอรับคำปรึกษา แก้ไขหนี้ที่มีก่อนอยู่ ไม่ควรก่อภาระหนี้เพิ่ม และไม่แนะนำให้กู้นอกระบบดอกเบี้ยอัตราสูงมาแก้หนี้ที่มีอยู่ เจรจาแก้หนี้ก้อนนี้พอ ไม่ต้องสร้างภาระอย่างอื่น ไม่ต้องไปหากู้เงิน เอาญาติพี่น้องไปค้ำประกัน เอาทรัพย์สินพี่น้องไปค้ำประกัน “ที่ผ่านมา จะแก้หนี้ด้วยวิธีที่ผิด คือก่อหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วันสุดท้ายก็ไปถึงทางตัน การแก้หนี้ควรเจรจากับเจ้าหนี้ตามกำลัง และส่วนหนึ่งก็ต้องให้มีเงินเหลือพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ครอบครัวอยู่ได้ คือต้องเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์" บุญเที่ยง กล่าวว่า หน้าที่ของหมอหนี้ ไม่ได้จัดการให้ แต่จะบอกแนว แล้วลูกหนี้จะไปคุยกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้เอง ปัจจุบันผู้เข้ามารับคำปรึกษายังมีจำนวนมากอยู่ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า ลูกหนี้ก็พยายามจะหาทาง แนวทางการแก้ไข ขณะที่หมอหนี้ มีช่องทางที่สะดวก ทำให้ลูกหนี้อยากเข้ามาปรึกษาจำนวนมากขึ้น สำหรับช่องทางการรับคำแนะนำโครงการหมอหนี้นั้น ธปท.ได้เปิดเว็บไซต์ https://app.bot.or.th/doctordebt/ให้ลงทะเบียน หลังจากลงทะเบียนเสร็จ เจ้าหน้าที่จะโทรศัพท์ไปหา ไม่ต้องมาพบกัน โดยจะมีการแนะนำเพื่อให้รู้ทักษะต่าง ๆ รวมถึงมาตรการต่าง ๆ ของทางการ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (16) แบงก์ชาติยึดแนวทางแก้หนี้ที่ win-win ทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ https://thaipublica.org/2023/09/how-to-get-out-of-debt-15/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Youtube, Soundcloud, Apple Podcast, Google Podcast และ Spotify #เป็นหนี้ต้องมีวันจบ #ธปท #responsibleborrower #responsiblelending
Show more...
2 years ago
20 minutes 45 seconds

ThaiPublica
เป็นหนี้ต้องมีวันจบ EP 15 สกัดหนี้ก่อนเป็น NPL ปรึกษาหมอหนี้เพื่อประชาชน
ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร ทรงพล เป็นตัวอย่างหนึ่งของผู้เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ แต่เมื่อรายได้ลดลงจากปัญหาการระบาดของโรคโควิด ทำให้เขาเริ่มประเมินตัวเอง และพบว่าอีกไม่นานจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ และกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ซึ่งเขาไม่ต้องการให้ไปถึงจุดนั้น ประกอบกับได้พบโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ของธนาคารแห่งประเทศไทย จึงเข้าขอรับคำปรึกษา เพราะอยากจะจบหนี้ที่มีอยู่ให้ได้ ทรงพล กล่าวว่า สาเหตุที่ปรึกษาโครงการหมอหนี้ของแบงก์ชาติ เพราะเห็นโฆษณา เลยแอดไลน์ไป และสอบถาม เจ้าหน้าที่ก็ติดต่อมา เลยคุยให้ฟังว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร จึงเข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ก่อนหน้าที่จะเจอกับหมอหนี้ ทางธนาคารไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย หลังจากได้รับคำแนะนำจากหมอหนี้แล้ว ก็เริ่มติดต่อธนาคาร ที่ได้รับการติดต่อกลับมาแล้วจากบางธนาคาร ทรงพลบอกว่า "โครงการหมอหนี้มีประโยชน์ ให้คำปรึกษา บางทีเราถึงทางตันก็ให้คำปรึกษาได้ บางคนเขารู้ไม่จริง เกิดให้คำแนะนำจากดำเป็นขาว จากขาวเป็นเทา แล้วเราดันไปเชื่อในสิ่งที่ผิด ๆ ปัญหาจะตามมาเยอะมากอยากเชื่อในสิ่งที่ถูกที่สุดดีกว่า" อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (15) สกัดหนี้ก่อนเป็น NPL ปรึกษาหมอหนี้เพื่อประชาชน ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/09/how-to-get-out-of-debt-14/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Youtube, Soundcloud, Apple Podcast, Google Podcast และ Spotify #เป็นหนี้ต้องมีวันจบ #ธปท #responsibleborrower #responsiblelending
Show more...
2 years ago
16 minutes 45 seconds

ThaiPublica
เป็นหนี้ต้องมีวันจบ EP 14 4 โปรแกรมแก้หนี้จากแบงก์ชาติดูแลตลอดเส้นทาง
ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร ชวนันท์ ชื่นสุข รองผู้อำนวยการฝ่ายคุ้มครองและส่งเสริมความรู้ผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้ดูแลการแก้ไขหนี้ประชาชนรายย่อยและเอสเอ็มอี รวมถึงการอบรมให้ความรู้กับกลุ่มครู กล่าวว่า หนี้ครัวเรือนมีมานานแล้ว แบงก์ชาติพยายามสร้างช่องทาง สร้างโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมา เพราะแต่ละกลุ่มจะมีหลักการในการแก้ปัญหาแตกต่างกัน พร้อมข้อเสนอเพื่อให้เป็นทางเลือกในการให้ลูกหนี้เลือกที่นำไปเจรจากับเจ้าหนี้ตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม การจะปรับโครงสร้างหนี้หรือไม่ ทุกคนต้องสำรวจตัวเองว่า เวลานี้ในกระเป๋ามีเงินอยู่เท่าไหร่ มีภาระอะไรบ้าง ที่สำคัญต้องอย่าสร้างภาระเพิ่ม เพราะถ้าสร้างภาระเพิ่ม สุดท้ายอย่างไรก็ไม่พอ ทั้งนี้ แบงก์ชาติมีโปรแกรมรองรับการแก้ไขหนี้ของประชาชนได้แก่ หมอหนี้เพื่อประชาชน ทางด่วนแก้หนี้ รับเรื่องร้องเรียน คลินิกแก้หนี้ เป็นการดูแลตลอดเส้นทาง และขอให้บอกถึงหนี้ที่มีอยู่ให้หมด จะได้แก้ไขได้ เพราะถ้าบอกไม่ตรงจุด อาจให้คำแนะนำได้ไม่หมด มีหนี้เหลือ ที่ให้คำแนะนำไปก็อาจจะไปต่อไม่ได้ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (14) หมอหนี้เพื่อประชาชน ทางด่วนแก้หนี้ รับเรื่องร้องเรียน คลินิกแก้หนี้ 4 โปรแกรมแก้หนี้จากแบงก์ชาติดูแลตลอดเส้นทาง ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/08/how-to-get-out-of-debt-13/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Youtube, Soundcloud, Apple Podcast, Google Podcast และ Spotify #เป็นหนี้ต้องมีวันจบ #ธปท #responsibleborrower #responsiblelending
Show more...
2 years ago
29 minutes 33 seconds

ThaiPublica
เป็นหนี้ต้องมีวันจบ EP 13 กู้ในระบบ-นอกระบบ ถ้าบอกครบ(หมอหนี้)ช่วยจบหนี้ได้
ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนมาตั้งแต่ปี 2560 ผ่านโครงการ “คลินิกแก้หนี้” ที่ให้คำแนะนำปรึกษาทั่วราชอาณาจักร กับลูกหนี้รายย่อย ทั้งหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล ที่กลายเป็นหนี้เสีย หรือไม่ได้ชำระหนี้เกิน 120 วัน ขณะเดียวกัน ลูกหนี้ที่ยังไม่เป็นหนี้เสีย แต่มีปัญหาผ่อนจ่ายไม่ไหว รายได้ลดลง ธปท. ก็ได้เปิดโครงการ หมอหนี้เพื่อประชาชน ในการให้คำปรึกษา และเสนอทางเลือกในการเจรจากับเจ้าหนี้ เป็นทางออกอีกทางในการแก้ปัญหาหนี้ที่ประสบอยู่ ฉัตรบดินทร์ สร้อยแก้ว ผู้ตรวจสอบอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและส่งเสริมความรู้ผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้มีประสบการณ์ในโครงการ หมอหนี้เพื่อประชาชน เล่าว่า โครงการหมอหนี้จะดูหนี้ทั้งหมด ทั้งหนี้ในระบบ หรือหนี้นอกระบบด้วย การแก้หนี้ต้องดูในภาพรวมทั้งหมด การเลือกดูตัวใดตัวหนึ่งอาจจะกระทบในภาพรวมได้ โดยต้องให้ได้ข้อมูลลูกหนี้ครบถ้วน การได้ข้อมูลเพียงบางส่วน จะแก้ไขหนี้ไมได้ ลูกหนี้บางรายมีทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ แต่ให้ข้อมูลแค่หนี้ในระบบ ตรงนี้ทำให้แก้ไขได้ยาก หนี้นอกระบบถ้าจำนวนไม่มาก ก็มีช่องทางช่วย อาจจะขอคุยกับเจ้าหนี้ จ่ายดอกเบี้ยมาเยอะแล้ว ต่อไปจ่ายแต่เงินต้นได้มั้ย เจรจากันได้ หรือบางทีมีสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ไมโครไฟแนนซ์ ที่ภาครัฐออกมา ก็กู้ตรงนี้มาโปะหนี้นอกระบบได้ ฉัตรบดินทร์ ฝากไว้สำหรับคนที่เป็นหนี้และมีปัญหาว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยมีหลายช่องทางในการให้ความช่วยเหลือ โดยการเสิร์ชใน google คำว่า หมอหนี้เพื่อประชาชน หรือจะเข้า เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย https://www.bot.or.th แล้วคลิกที่หมวดร้องเรียน แล้วคลิกหมอหนี้เพื่อประชาชน นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่น ๆ เช่น คลินิกแก้หนี้ในกรณีที่เป็นหนี้เสีย ไม่ได้ชำระเกิน 120 วัน ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคลล สามารถเข้าโครงการนี้ได้ ปรึกษาในเว็บไซต์คลินิกแก้หนี้ได้ แล้วก็มีทางด่วนแก้หนี้ เป็นช่องทางที่เชื่อมให้ลูกหนี้ได้คุยกับเจ้าหนี้ได้โดยตรง อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (13) กู้ในระบบ-นอกระบบ ถ้าบอกครบ(หมอหนี้)ช่วยจบหนี้ได้ ได้ที่เว็บไซต์ไทบพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/08/how-to-get-out-of-debt-12/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Youtube, Soundcloud, Apple Podcast, Google Podcast และ Spotify #เป็นหนี้ต้องมีวันจบ #ธปท #responsibleborrower #responsiblelending
Show more...
2 years ago
31 minutes 56 seconds

ThaiPublica
เป็นหนี้ต้องมีวันจบ EP12 ‘ไกล่เกลี่ยหนี้’ ทางออกปัญหาหนี้สิน ที่ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการศาล
ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มุ่งแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการดูแลคือกลุ่มที่มีปัญหาหนี้เสีย หรือไม่สามารถชำระหนี้ได้เกิน 3 เดือน ที่ได้รับการสนับสนุน ผลักดันให้มีการเจรจาหารือกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ผ่านกระบวนการต่าง ๆ รวมถึงกระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้สามารถหลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้ได้ จิตเกษม พรประพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและส่งเสริมความรู้ผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ เป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ภายใต้ข้อเท็จจริง 8 ประการ เช่น คนไทยเป็นหนี้เยอะ เป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้นาน รวมถึงเป็นหนี้เสีย โดยแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนจะมี 3 หลักการ คือ ทำครบวงจร ทำให้ตรงจุด และทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ทำครบวงจร คือ วงจรของหนี้ ตั้งแต่ก่อนเป็นหนี้ ขณะเป็นหนี้ และเป็นหนี้เสียแล้ว ธปท.ได้มีการลงนามความร่วมมือกับ 3 เสาหลักด้านกระบวนการยุติธรรม คือ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และศาลยุติธรรม โดยกระทรวงยุติธรรม จะมีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพที่คอยสนับสนุนให้เกิดการไกล่เกลี่ยตามพ.ร.บ.การไกล่เกลี่ยภาคประชาชน พ.ศ.2562 เป็นการไกล่เกลี่ยคดีอาญา และคดีแพ่ง ทั้งที่กำลังจะขึ้นสู่ศาล หรือขึ้นสู่ศาลแล้ว หรืออาจจะตัดสินแล้ว ลูกหนี้จะมีบทบาทในกระบวนการเจรจามากขึ้น เมื่อลูกหนี้และเจ้าหนี้สามารถเจรจาตกลงแก้ไขปัญหาหนี้กันได้ ลูกหนี้จะไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายสู้คดี สามารถประกอบธุรกิจหรือทำงานต่อไปได้ ในขณะที่เจ้าหนี้จะได้รับประโยชน์จากการได้รับชำระหนี้คืน อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (12): ‘ไกล่เกลี่ยหนี้’ ทางออกปัญหาหนี้สิน ที่ไม่ต้องเข้าไปสู่กระบวนการศาล ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/08/how-to-get-out-of-debt-11/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube,Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify #เป็นหนี้ต้องมีวันจบ #ธปท #responsibleborrower #responsiblelending
Show more...
2 years ago
25 minutes 5 seconds

ThaiPublica
ข่าวเจาะ EP 56 ซูเปอร์เอลนีโญ เราจะรอดอย่างไร เมื่อฝนแล้งในหน้าฝน
รับมือซุปเปอร์เอลนีโญ กับ “อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี” ผู้เชี่ยวชาญการจัดการน้ำ ที่ปรึกษา นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เมื่อไม่นานมานี้ ศูนย์พยากรณ์สภาพอากาศ แห่งองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ได้ออกรายงานเตือนภัยเอลนีโญ ซึ่งสอดคล้องกับการพยากรณ์ด้วยแบบจำลองสภาพภูมิอากาศของหลายสำนักอุตุนิยมวิทยาทั่วโลก ที่เตือนว่า…. โลกอาจเผชิญกับปรากฏการณ์’ซูเปอร์เอลนีโญ’ในปลายปีนี้ ในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ อุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้น อากาศจะร้อนขึ้น คลื่นความร้อนจะรุนแรงขึ้น ฤดูร้อนยาวนานขึ้น และพายุที่รุนแรงขึ้น ประเทศไทยจะรับมืออย่างไร โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ไทยพับลิก้า พูดคุยกับ “อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี” ผู้เชี่ยวชาญการจัดการน้ำ ที่ปรึกษา นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ซึ่งบอกว่า ประเทศไทยเข้าสู่ปรากฎการณ์เอลนีโญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปสัมพันธ์โดยตรงกับปรากฏการณ์เอลนีโญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ และสถานการณ์ในครั้งนี้อาจจะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเกิดขึ้น กรุงเทพมหานครได้ติดตามการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานมาโดยตลอดและพบว่า ปริมาณน้ำ 4 เขื่อนใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อใช้น้ำในพื้นที่เกษตรมีความน่าเป็นห่วง และพบว่า เขื่อนภูมิพลยังมีปริมาณน้ำใช้ได้ประมาณ 23 % เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว 28 % เขื่อนสิริกิตติ์มีปริมาณน้ำ 12 % เทียบกับปีที่แล้วมีปริมาณน้ำประมาณ 14 % เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนขณะนี้เหลือปริมาณฯ 13 % ปีที่แล้ว 28 % โดยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำน้อยที่สุดคือ 11 % เทียบกับปีที่แล้ว 21 % ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่เหลืออยู่ หากไม่มีฝนมาเติมน้ำต้นทุนอาจจะส่งผลกระทบต่อการทำเกษตรในพื้นที่ลุ่มภาคกลางตั้งแต่สระบุรีลงมาถึงกทม. สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ ประชาชน ภาคอุสาหกรรมต้องหันมาประหยัดน้ำ เพื่อรับมือกับซุปเปอร์เอลนีโญ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ ซูเปอร์เอลนีโญ เราจะรอดอย่างไร (3) : กทม.เตือนประหยัดน้ำ รับมือ “เอลนีโญ”แล้งรุนแรง ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2023/08/super-el-nino-how-will-we-survive03/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify #ซูเปอร์เอลนีโญ #ฝนแล้งหน้าฝน
Show more...
2 years ago
1 hour 6 minutes 54 seconds

ThaiPublica
เป็นหนี้ต้องมีวันจบ EP 11 โครงการ 'หมอหนี้เพื่อประชาชน' อีกหนึ่งทางออกปลดภาระหนี้และเป็นไท
ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร เป็นหนี้ต้องมีวันจบตอนนี้ เป็นเรื่องราวของคุณต๊อบ อดีตนักกีฬาทีมชาติ ที่ตั้งใจทำธุรกิจการค้าทุกอย่างเพื่อเลี้ยงชีพ มีหนี้แต่ไม่ใช่เพราะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่เพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ ที่เจ้าตัวบอกว่า อาจจะเกินตัวไปบ้าง ประกอบกับความไม่รู้ ทำให้เมื่อประสบปัญหารายได้ ไม่สามารถชำระหนี้ได้ เจอหมายศาล ก็เลยคิดจะหนี ไม่จ่าย แต่หลังจากได้รับคำแนะนำจากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย และเข้าโครงการ “หมอหนี้เพื่อประชาชน” ทำให้มีทางออก สามารถปลดภาระหนี้ เป็นไทกับตัวเอง และยังมีการวางแผนการใช้จ่ายอย่างมีวินัยอีกด้วย คุณต๊อบ เล่าว่า มีหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต ร่วม 8-9 ล้านบาท แม้มีการปรับโครงสร้างหนี้ ลดค่าใช้จ่าย และเข้ามาตรการช่วยเหลือของรัฐช่วงโควิด แต่รายได้ไม่ครอบคลุมยอดการชำระหนี้ สุดท้ายเมื่อชำระหนี้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ได้รับหมายศาล แต่หลังจากเข้าโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ธนาคารเจ้าหนี้ก็ได้ติดต่อและให้แนวทางการแก้ปัญหา โดยเสนอให้คืนทรัพย์ใช้หนี้ พอทำกระบวนการทุกอย่างเสร็จ ทำให้เป็นไทเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ป็นหนี้ต้องมีวันจบ (11): โครงการ 'หมอหนี้เพื่อประชาชน' อีกหนึ่งทางออกปลดภาระหนี้และเป็นไท https://thaipublica.org/2023/08/how-to-get-out-of-debt-10/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Youtube, Soundcloud, Apple Podcast, Google Podcast และ Spotify #เป็นหนี้ต้องมีวันจบ #ธปท #responsibleborrower #responsiblelending
Show more...
2 years ago
29 minutes 9 seconds

ThaiPublica
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘คนรุ่นใหม่’ คือตัวแปรของโลก ไม่ว่าจะเป็นมิติเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน รวมถึงทุกประเด็นที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน และอนาคต เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงให้ความสำคัญกับการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ ทั้งการพัฒนา โครงการต่างๆ เพื่อยกระดับคนภายในองค์กร และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมกับพื้นที่ระดับโลกอย่าง ‘One Young World’ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเวทีคนรุ่นใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2567 "One Young World Summit 2024” เครือซีพีฯ ส่งคนรุ่นใหม่ 20 คนของไทยไปร่วมทำกิจกรรมกับคนรุ่นใหม่จาก 196 ประเทศทั่วโลก ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ในช่วงวันที่ 18 - 21 กันยายน 2567 โดยเป้าหมายการสร้างความร่วมมือผ่านความท้าทายทั้ง 5 ประเด็นซึ่งเป็นแนวคิดหลักของปีได้แก่ 1.Indigenous Voices เสียงของคนพื้นเมือง 2.The Climate and Ecological Crisis การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ 3.Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI 4.Health Equality ความเท่าเทียมทางสุขภาพ 5.Peace สันติภาพของโลก สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า มีโอกาสพูดคุยกับ 2 ตัวแทน ‘ผู้นำแห่งอนาคต' ได้แก่ “นันทิช อัคนิวรรณ” (ปูน) จาก CP LAND และ “นวมลลิ์ เมธาทรงกิจ” (โบว์) จาก CP Axtra (Makro) “คนไม่รู้จักกันที่ภาษาและวัฒนธรรมต่างกันมารวมตัวกัน แต่สามารถพูดคุยกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันได้ มันเป็นสิ่งที่พิเศษมาก ไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสแบบนี้ได้ง่ายๆ บางคนอาจสื่อสารไม่เก่ง แต่ก็หาวิธีการให้สื่อสารได้” นันทิช อัคนิวรรณ (ปูน) จาก CP LAND กล่าว “ถ้าเราเป็นคนที่มองเห็นปัญหา และไม่อยากปล่อยปัญหาไปถึงคนรุ่นหลัง หรือทิ้งปัญหาให้เป็นภาระของคนรุ่นถัดไป One Young World คือเป็นโอกาสที่ดีมาก เป็นเน็ตเวิร์คที่หาไม่ได้จากที่ไหน มันคืองานที่รวมตัวคนจากทั่วโลกไว้ในสถานที่เดียว” นวมลลิ์ เมธาทรงกิจ (โบว์) จาก CP Axtra (Makro) กล่าว ‘ปูน’ และ ‘โบว์’ จะฉายภาพให้เห็นว่า หลังจากร่วม One Young World แล้ว คนรุ่นใหม่จะนำตัวเองไปอยู่ในสมการการพัฒนาโลกอย่างไร และนำองค์ความรู้ วิธีการ หรือไอเดียต่างๆ มาเปลี่ยนแปลงโลก ประเทศ หรือยกระดับองค์กรได้อย่างไรบ้าง คุณผู้ฟังสามารถ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ ‘นันทิช-นวมลลิ์’ 2 ตัวแทนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ เล่าพื้นที่เปลี่ยนโลก พลังคนรุ่นใหม่สร้างโลกยั่งยืน ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org/2024/11/one-young-world-cp-group-2024/ อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง Facebook,Youtube, Soundcloud, Apple Podcast,Google Podcast,Spotify