
ย้อนกลับไปช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 2500 ความรู้ ความทรงจำ และเรื่องราวของคณะราษฎรแทบมลายหายไปสิ้นจากสังคมไทย แม้แต่ชื่อของ ปรีดี พนมยงค์ เองก็ยังไม่เป็นที่เล่าขานในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยซ้ำไป ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความพ่ายแพ้ของเหล่าผู้นำคณะราษฎรในช่วงปลายศตวรรษก่อน จนทำให้เรื่องราวของคณะผู้ก่อการ 2475 ผู้กระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ถูกลบเลือนให้หายไปจากความทรงจำของคนไทยอย่างตั้งใจ
ทว่าในเวลาต่อมา เรื่องราวของคณะราษฎรก็ได้กลับมาสู่ความสนใจของสังคมไทยอีกครั้ง พร้อมกับการตีความและเล่าเรื่องอย่างเป็นระบบ หนึ่งในบุคคลที่ทำให้เรื่องราวของคณะราษฎรและการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 กลับมาสู่สังคมไทยอีกครั้งก็คือ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ศาสตราจารย์พิเศษ สาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้ผลิตงาน ประวัติการเมืองไทยสยาม พ.ศ. 2475-2500 โดยเล่าประวัติศาสตร์การเมืองนับตั้งแต่ช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ซึ่งมีแก่นเรื่องและการนำเสนอผ่านยุคสมัยของคณะราษฎร
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คุณูปการของงานชิ้นนี้เป็นการคืนชีพให้กับคณะราษฎรได้ฟื้นขึ้นมามีที่ทางในสังคม หลังจากเคยถูกประวัติศาสตร์ฝังกลบไปก่อนหน้านี้
วันเวลาล่วงเลยผ่านไป ชาญวิทย์ย่างก้าวเข้าสู่วัย 80 กว่า ยังคงสอนหนังสือ เผยแพร่ความรู้ทางประวัติศาสตร์ และจับตามองสังคมไทยอยู่เสมอ แน่นอนว่าสำหรับชายชราผู้มีสายธารแห่งประวัติศาสตร์ไทยหลายร้อยกว่าปีทอดยาวอยู่ในจิตสำนึก การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในยุคสมัยต่างๆ ไม่เคยทำให้เขาต้องรู้สึกประหลาดใจ
จนกระทั่งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 กับ 14 ล้านเสียงของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ ก็ทำให้เขาถึงกับงงงวย และแปลกใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
“คนรุ่นผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นสิ่งนี้” ชาญวิทย์กล่าวประโยคนี้ซ้ำๆ ทว่าปนด้วยรอยยิ้ม
หลังชัยชนะของพรรคก้าวไกลในศึกเลือกตั้ง WAY เดินทางไปสนทนากับชาญวิทย์ เพื่อหาคำตอบว่าปรากฏการณ์ในครั้งนี้จะเป็นสัญญาณว่าประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปจริงหรือไม่
---
Interviewer : ณัฐภัทร มาเดช
หมายเหตุ: สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566