Home
Categories
EXPLORE
True Crime
Comedy
Society & Culture
Business
News
Sports
TV & Film
About Us
Contact Us
Copyright
© 2024 PodJoint
00:00 / 00:00
Sign in

or

Don't have an account?
Sign up
Forgot password
https://is1-ssl.mzstatic.com/image/thumb/Podcasts116/v4/15/2a/6e/152a6eb4-2deb-36be-e36f-3488b445c318/mza_6804449841215260177.jpg/600x600bb.jpg
THE MODERNIST
THE MODERNIST
170 episodes
5 days ago
OPINION FOR THE BETTER.
Show more...
Politics
News
RSS
All content for THE MODERNIST is the property of THE MODERNIST and is served directly from their servers with no modification, redirects, or rehosting. The podcast is not affiliated with or endorsed by Podjoint in any way.
OPINION FOR THE BETTER.
Show more...
Politics
News
https://d3t3ozftmdmh3i.cloudfront.net/staging/podcast_uploaded_episode/1781250/1781250-1693368503722-c3a7d582d3056.jpg
Article Sound EP.5 : ‘Micromanagement’ บริหารงานจู้จี้มากไปจนลูกน้องใจไม่ดี
THE MODERNIST
6 minutes 44 seconds
2 years ago
Article Sound EP.5 : ‘Micromanagement’ บริหารงานจู้จี้มากไปจนลูกน้องใจไม่ดี

“อย่าทำแบบนั้น ทำแบบพี่ดีกว่า”

“งานง่ายๆ ทำไมใช้เวลานานจัง”

“งานไปถึงไหนแล้ว ใกล้เสร็จหรือยัง”

ชาวออฟฟิศทั้งหลายคงไม่มีใครชอบความจู้จี้จุกจิกในที่ทำงาน โดยเฉพาะการมีหัวหน้าที่คอยเช็คความเคลื่อนไหวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ตลอดเวลา หากมองเผินๆ อาจเป็นเหมือนความใส่ใจลูกทีมแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทว่าความใส่ใจที่มีมากจนเกินไปอาจเป็นการก้าวก่ายในหน้าที่ จนถึงขั้นปิดกั้นโอกาสในการเติบโตในการทำงานของลูกทีมก็ว่าได้

การบริหารงานยิบย่อยเป๊ะทุกกระเบียดนิ้วนี้มีชื่อเรียกว่า ‘Micromanagement’ โดยมักเกิดขึ้นกับหัวหน้าเจ้าระเบียบที่มีความคิดว่างานทุกอย่างต้องออกมาเนี้ยบที่สุด จึงเกิดการบังคับบัญชาลูกทีมให้ทำตามคำสั่งและควบคุมการทำงานไม่ต่างจากหุ่นเชิด สร้างความอึดอัดใจให้กับลูกทีมและอาจนำไปสู่บรรยากาศการทำงานที่เป็นพิษ (Toxic Workplace)

BetterUp อธิบายว่า การบริหารแบบ Micromanagement ส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่หัวหน้ากลัวความผิดพลาดและขาดความเชื่อใจในตัวลูกทีมจนไม่สามารถให้อิสระกับลูกทีมได้เป็นเจ้าของผลงาน ทำให้เกิดการเข้าไปแทรกแซงกระบวนการทำงานทุกขั้นตอนและยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง จนกลายเป็นหัวหน้าจอมจู้จี้จุกจิกกับทุกรายละเอียดของงาน อีกทั้งหัวหน้าประเภทนี้ยังก่อให้เกิดอุปสรรคในการสร้างทีมเวิร์คและทำให้ลูกทีมรู้สึกด้อยค่าในฐานะสมาชิกของทีมอีกด้วย

จากการศึกษาของ Accountemps พบว่ามีผู้คนอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของหัวหน้าที่จู้จี้จุกจิก (59%) รู้สึกบั่นทอนจิตใจในการทำงาน (68%) และทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง (55%) จากการศึกษาอื่นยังพบว่า หัวหน้าจู้จี้จุกจิกยังเป็นสาเหตุทำให้พนักงานลาออก (36%)

จูเลีย ดิกังจิ (Julia DiGangi) ผู้ก่อตั้ง NeuroHealth Partners ชี้ว่าการจู้จี้จุกจิกของหัวหน้าย่อมบ่อนทำลายความสัมพันธ์ของคนในทีม ซึ่งเปรียบเหมือนกับชักเย่อ โดยฝั่งหัวหน้าอาจมองว่าการบริหารดังกล่าวเป็นการเข้าใจการทำงานอย่างละเอียด ลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น ในขณะที่ลูกทีมกลับรู้สึกไม่เป็นอิสระในการทำงานและขาดความมั่นใจในตัวเอง การยื้อกันไปยื้อกันมาของสงครามชักเย่อยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายยิ่งแย่ลง มิหนำซ้ำยังสร้างบาดแผลในการทำงานต่อกัน

จูเลีย ดิกังจิ กล่าวต่อว่า “การยุติวงจรความเจ็บปวดจากความสัมพันธ์เหล่านี้ที่รวดเร็วที่สุดคือ การปล่อยเชือก การปล่อยเชือกนี้ไม่ใช่การแสดงถึงความพ่ายแพ้แต่เป็นการแสดงความเป็นผู้นำที่แท้จริง หากคุณเป็นหัวหน้าทีมหรือโค้ช การปล่อยเชือกและถอยออกมาอยู่นอกสนามเพื่อซัพพอร์ตลูกทีมคือบทบาทสำคัญในฐานะผู้นำ”

ผู้ให้เสียงคำบรรยาย : นิธิกาญจน์ ชัยณรงค์

THE MODERNIST
OPINION FOR THE BETTER.