หนังดังเมื่อเกือบ 40 ปี ที่แล้ว อะไรที่ทำให้หนังเรื่องนี้ยังถูกกล่าวถึง สำหรับคนที่ชอบหนังเล่าเรื่องผสม action ดุดัน พร้อมบรรยากาศยุค 80/90 เรื่องนี้นี่ใช่เลย แถมแฝงแง่คิด สะกิดใจเราได้อย่างดีเลยทีเดียว มาร่วมแบ่งปันกันนะครับ ไม่ว่าคนที่เคยดูไปแล้ว หรือคนที่เพิ่งเคยดู ว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ได้อะไรบ้างจากหนังเรื่องนี้ หรือต้องการให้เราคุยเรื่องไหน ใส่กันไว้มาใน comment กันได้เลยนะครับผม
เคยได้ยินว่าปลาทองมีความจำสั้น แล้วจะเป็นอย่างไรที่คนเรามีความจำสั้นอยู่ได้แค่วันเดียว พอหลับแล้วตื่นขึ้นมา ก็ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไปหมดทุกสิ่งอย่าง เงื่อนไขนี้ก่อให้เกิดหนังรักโรแมนติกของพระเอกที่มักมากับความฮา ตลกร้ายอย่าง อดัม แซนเลอร์ Adam Sandler พบกับนางเอกหน้าอิ่มอย่าง ดรูแบรี่มอร์ Drew Barrymore มาดูกันว่าหนังจะพาเราไปถึงไหน
หนังอาชญากรรม ดราม่า พลิกบทบาท Adam Sandler อย่างจำแทบไม่ได้ มีความพลิกผันไปมา พูดเยอะ action น้อย
หนังอีกเรื่องจากฝั่ง bollywood ที่เป็นการท้าทายด้วยการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อ ที่เป็นความเชื่อที่ฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรม และพฤติกรรม มาอย่างยาวนาน ทั้งเนื้อเรื่องและเนื้อหา กลมกล่อม ดีงาม ระดับ 10 เต็ม 10 เลย ไม่รู้คิดเหมือนกันมั้ย ลองมาฟังกันครับ คิดเห็นอย่างไร comment กันเข้ามาได้นะครับผม หรือต้องการให้นำหนังเรื่องไหนมาพูดคุยกันก็บอกกันมาได้ใน comment นะครับ
ทุกขเวทนา อยู่ในหมวด เวทนา ในขันธ์ 5 ที่มีทั้ง สุขเวทนา ทุกขเวทนา อุเบกขาเวทนา
ทุกขัง อยู่ใน ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกขอริยสัจ อยู่ในอริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ทุกขเวทนา คือ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ที่มากระทบเรา
ทุกขัง คือ ความบีบคั้น ไม่สามารถทนอยู่ได้
ทุกขอริยสัจ คือ อุปาทาน ยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งนั้นๆ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ยึดไม่ได้
สุขเวทนา แม้จะไม่ใช่ทุกขเวทนา แต่ก็ไม่รอดพ้นความเป็น ทุกขัง และถ้าเราไปยึดไว้ แม้จะเป็นความสุข ก็ถือว่าเป็นเหตุแห่ง ทุกอริยสัจ ซึ่งสุดท้ายก็จะวนกลับไปเป็น ทุกขเวทนา ได้
https://youtu.be/qbQ-xE2AY4E
ครั้งนี้เป็นหนังรักจากฝั่ง Bollywood เป็นความรัก ของคนตัวเล็ก จากประเทศอันกว้างใหญ่ มาดูกันว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร
KV Movies Talk เอาหน้งสองเรื่อง มา battle กัน สำหร้บ ep.3 นี้ เป็นการนำ หนังสองเรื่องมา คุยกัน แล้วมาดูกันว่า หนังเรื่องไหน จะน่าดูกว่ากัน Gladiator vs 300
ออกแบบชีวิต พิชิตเป้าหมาย (ทางโลก) ตามแนวทาง อริยสัจ 4 ทำมะ EP.2 เคยมั้ยที่เคยถูกถามว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร บางคนอาจตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง มั่นใจบ้าง ไม่มั่นใจบ้าง บางคนอาจมีเป้าหมายในอดีต ที่ทั้งเคยทำได้สำเร็จ และไม่สำเร็จ ขอนำเสนอแนวทาง การตั้งเป้าหมาย ที่มีโอกาสสำเร็จสูง ด้วยแนวทางที่มีมากว่า 2,600 ปี แล้วจะได้เห็นว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ไม่จำกัดกาล จริงๆ
ความจริง คือความจริง อกาลิโก
SHOW LESSKV Movies Talk เอาหน้งสองเรื่อง มา battle กัน สำหร้บ ep.2 นี้ เป็นการนำ หนังสองเรื่องมา คุยกัน แล้วมาดูกันว่า หนังเรื่องไหน จะน่าดูกว่ากัน Armageddon vs Deep Impact อาร์มาเกดดอน วันโลกาวินาศ ปะทะ วันสิ้นโลก ฟ้าถล่ม แผ่นดินทลาย
KV Movies Talk เอาหน้งสองเรื่อง มา battle กัน สำหร้บ ep.1 นี้ เป็นการนำ หนังสองเรื่องมา คุยกัน แล้วมาดูกันว่า หนังเรื่องไหน จะน่าดูกว่ากัน Forrest Gump vs The Shawshank Redemption ชอว์แชงค์ มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง ปะทะ ฟอร์เรสท์ กัมพ์ อัจฉริยะปัญญานิ่ม
3 สัญญาณ อันตราย ที่บอกว่าคู่เรา ไม่ได้ไปต่อ "รู้แล้ว อย่าฝืน" ห้องเรียนคู่รัก EP.1
เปิดห้องเรียนคู่รัก โดย พี่ อนันต์ วริศนราทร ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาชีวิตคู่
ขอขอบคุณพี่อนันต์ และทาง betterlife เป็นอย่างสูง
www.betterlife.live
Line OA: @betterlife
#ชีวิตคู่ #เลิกรา #เลิก #บอกลา #คู่รัก #คู่สมรส #ปรึกษา #ชีวิตรัก #ปัญหา #ปัญหาชีวิต #ปรึกษาปัญหาชีวิต #betterlife #ห้องเรียนคู่รัก
52 presents_EP.2 เหนื่อยมั้ย? กับการที่ต้องคอย "เปรียบเทียบ" ตลอดเวลา
ทำไมเราต้องเปรียบเทียบกันด้วย?
มันน่าจะฝังอยู่ในสมองส่วนลึกของเรา ตั้งแต่เราที่ยังเคยเป็นสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ป่า
ต้องเปรียบเทียบเพื่อความอยู่รอด
ต้องเปรียบเทียบระยะทางระหว่างเรากับสัตว์ผู้ล่าว่าอยู่ไกลกันแค่ไหนถึงจะปลอดภัย ต้องเปรีบเทียบความเร็วว่าความเร็วเราเท่านี้ ความเร็วผู้ล่าเท่านั้น คงใกล้กันได้แค่นี้แหละ
อุปนิสัยนี้จึงฝังไว้ในสมอง ในจิต ในใจเรา จนกระทั่งเราได้วิวัฒน์เป็นมนุษย์ขึ้นมา
ถ้าการเปรียบเทียบเป็นไปเพื่อความอยู่รอดของชีวิต อันนี้เราไม่ควรละทิ้ง อันนี้มีประโยชน์ต่อการเอาชีวิตรอด
ก็ปล่อยสมองเค้าทำหน้าที่โดยอัตโนมัติไป
แต่ถ้าลองสำรวจตัวเรา ว่าสัญชาติญาณนี้ มีอิทธิพลเกินเลยต่อพฤติกรรม ต่อสภาวะทางใจ ใดๆของเราบ้าง
อยากจะชวนทุกท่านลองดูจิต สำรวจใจ ไปด้วยกัน............
ถ้าพร้อมแล้ว หยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิด Facebook ของท่านขึ้นมา
จากนั้นเริ่มไถลงมาเรื่อยๆ
ลองดูว่าพอเราเห็น post ตั้งแต่ post แรก เลื่อนลงมาเรื่อยๆ
แต่ละ post ทำให้เรามีความรู้สึก ความคิดอย่างไรบ้าง
แค่ซื้อกระเป๋า ใบแค่เนี้ยก็ต้องมาอวดกันด้วย ฉันมีตั้งหลายใบยังไม่ต้อง post อวดใครเลย
โห รถหรูมากเลย ถ้าเป็นรถเรา post ไป อายเค้าแย่เลย เก่ามากๆ
อิจฉาอ่ะ ได้ไปเที่ยวตลอดเลย ชีวิตดีอ่ะ ทำไมเราต้องมานั่งทำงานอยู่เนี่ย
แค่ลูกสอบได้แค่นี้ก็ต้องมา post ลูกชั้น สอบชิงทุนได้ยังไม่เห็นต้องบอกใครเล้ย
ดูสิลูกบ้านนี้เก่งจัง เรียนเก่ง กีฬาดี ดนตรีได้ ทำไม ลูกเราทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
หลังจากไถดูข้อความคนอื่นๆ แล้ว อยากให้ลองกลับไปดู post ต่างๆ ของเราเอง ที่เคยแชร์ไว้ใน timeline
แล้วลองนึกย้อนไปนึกถึง ขณะพี่เรา post สิ่งๆนั้นลงไป ว่าเรามีความคิด ความรู้สึก เช่นไร
เป็นไงบ้าง เห็นอะไรกันบ้าง
โลกโซเชี่ยลเป็นเครื่องกระตุ้นต่อมเปรียบเทียบได้อย่างดีเลยใช่มั้ย
เราเจอกับสิ่งๆนี้ ทุกวัน ทุกวัน วันละหลายๆรอบ
ก็ไม่แปลกที่ เค้าจะฝังรากลึกในจิต ในใจของเรา
บ่อยครั้งที่เราถูกพร่ำบอกว่า
ถ้ารู้สึกแย่ ให้มองคนที่เค้าแย่กว่าเรา
ถ้าอยากพัฒนาตัวเองให้มองคนที่เค้าดีกว่าเรา
การมองคนที่แย่กว่าเรา ง่ายมากที่เราจะเผลอหลงตัวเอง
การมองว่าเราแย่กว่าเขา ง่ายมากที่เราจะเผลออิจฉา หรือพาลจิตตกเอาดื้อๆ
เราได้ส่งต่อ หรือบ่มเพาะ สิ่งนี้ไปกับคนรอบข้างเราบ้างมั้ย
กับสามี หรือ ภรรยา
ดูบ้านนั้นสิ พ่อบ้านเค้าทำงานมีตำแหน่งใหญ่โต นี่คุณทำไมไม่หางานดีๆ อย่างเค้าบ้าง
ดูบ้านนั้นสิ แม่บ้านเค้าทำขนมเก่งมาก นี่คุณทำไมไม่หาอะไรทำซะบ้างนะ
กับลูก
นี่เมื่อไหร่จะสอบได้เกรดสี่ เหมือนลูกคุณน้าบ้านโน้นเค้าบ้าง ฉันจะได้ไปคุยกับคนอื่นเค้า
อยากชวนมองดูตัวเราอีกรอบ และถามตัวเองว่า...... เหนื่อยมั้ย?
ใครจะตอบว่าไม่เหนื่อยก็ไม่เป็นไรนะ
แต่สำหรับคนที่เหนื่อย อยากชวนมาดูวิธีจัดการกับเจ้าตัว "เปรียบเทียบ" นี้กัน
อย่างแรก ให้เรา "ยอมรับ"
ยอมรับความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ยอมรับว่าเราอิจฉาเค้า
ยอมรับว่าเราดูถูกเค้า
ต่อไปอยากให้เราลอง "เปลี่ยน"
เปลี่ยงจาก คำลบ ให้เป็น คำบวก ดู เช่น
เปลี่ยนจากคำว่า อิจฉา เป็นคำว่า ยินดี
เปลี่ยนจาก การดูถูก เป็นการ เห็นใจ
จากนั้น ลองมองสิ่งต่างๆ "ตามจริง" ดู
ว่าจริงๆแล้ว การที่เราเห็นว่าคนอื่น ว่าเป็นอย่างไร
ความรู้สึก ความคิด ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะ สิ่งนั้น จริงๆหรือ
การเห็นคนที่มีกิน ทำให้เราหิวมากขึ้น จริงๆหรือ
เป็นเพราะเค้า..... หรือเป็นเพราะ.....เรา
การเห็นเพื่อน ได้ตำแหน่งสูงขึ้น ได้เงินเดือนมากขึ้น
ทำให้เรารู้สึกแย่ลง
ถามว่าจริงๆ การได้ตำแหน่งของเพื่อน ทำให้เรา แย่ลง จริงๆหรือ
และที่สำคัญคือ เราแย่ลง จริงๆหรือ
การเห็นเพื่อน โดนเจ้านายตำหนิ
ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
ถามจริงๆว่า การโดนตำหนิของเพื่อน ทำให้เรา ดีขึ้น จริงๆหรือ
และที่สำคัญคือ เราดีขึ้น จริงๆหรือ
อยากให้เราลอง "ยอมรับ" อีกครั้งนึง
ยอมรับว่าในโลกนี้ทุกสิ่งล้วนมีความแตกต่างกัน
ยอมรับว่าไม่มีใครเหมือนใครได้
สุดท้าย "ยอมรับ" ว่าสิ่งที่เหมือนกันคือ
เราทุกคนล้วนมีชีวิตอย่างจำกัด เรามิได้เป็นอมตะ
จริงๆ แล้ว เราทุกคน ล้วน "เท่ากัน"
เราเป็นแค่จุดๆหนึ่งของห้วงเวลา เท่านั้นเอง
Application สุด hot ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น clubhouse ผมมองว่า เหมาะกับคนดัง คนที่มีฐานแฟนๆ อยู่แล้ว เป็นช่องทางในการใกล้ชิดแฟนๆ ได้มากยิ่งขึ้น เหมาะกับคนฟังที่ชอบฟังอะไร สดๆ (ตอนนี้ยังดูย้อนหลังไม่ได้) ส่วนหน้าใหม่ก็คงต้องไป youtube facebook กันอยู่
#clubhouse #club #live #คลับเฮ้าส์ #คนดัง #influencer
52_EP01 move on "เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า"
อะไรทำให้เรามักจะจำได้แต่เรื่องที่ไม่ดี บ่อยครั้งที่เราเจอเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่ไม่สบายใจ
แล้วในเวลาต่อมา เราก็กลับไปคิดว่า ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดกับฉันด้วย ถ้าเรื่องนั้นเรื่องโน้นไม่เกิด
ฉันคงดีกว่านี้ คิดวนไปมาซ้ำแล้วซ้ำอีก
เป็นเรื่องธรรมดา ที่กลไกการเอาตัวรอดของเรา สั่งให้สมองจำสิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้
เพื่อให้เราระมัดระวังไม่ให้สิ่งที่เรารู้สึกไม่ดี ที่เรารู้สึกแย่ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ถ้าเป็นแค่นั้นก็คงจะไม่เป็นไร แต่กับบางครั้ง เราก็เผลอจมจ่อมอยู่กับความเศร้าหมองกับเรื่องราวในอดีต
ผูกแน่นยึดติดเหมือนกาวเหนียวที่ยึดเราไว้ไม่ให้ไปต่อได้
และบางครั้ง ก็มีความรู้สึกเครียดแค้น โกรธเคือง ฝังจิตฝังใจ บางเรื่องคิดทีไรก็ผูกใจเจ็บกับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย
ทั้งๆที่ตอนนี้ คนๆนั้นเค้าก็ไปไหนต่อไหนแล้ว แต่เรายังติดอยู่กับ ช่วงเวลานั้นๆ อยู่
คงจะปฏิเสธไม่ได้นะว่า คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่เคยเจอความทุกข์กันมาทั้งนั้น
ไม่ว่าจะยากดีมีจน เศรษฐี ยัน ยาจก แต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างคนที่สามารถมีความสุขได้ในวันนี้
กับคนที่เอาแต่จมอยู่กับความทุกข์ในอดีต คือ การปรับเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเรื่อง ทุกข์ใจ ในอดีต
คนที่สามารถมีความสุขได้ เค้าจะ เอาเรื่องทุกข์ใจ
มาเป็นวิตามินหล่อเลี้ยงชีวิตในปัจจุบัน ด้วยคำว่า "เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า"
เป็นประโยคที่เราๆ ท่านๆ ได้ฟังมาตั้งแต่ยังเด็ก จากนิทานเรื่องต่างๆ น่าจะจำกันได้
โดยเฉพาะนิทาน อีสป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความเศร้าของสัตว์ต่างๆที่ทำผิดพลาด
แล้วจบเรื่องด้วยประโยคที่ว่า "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....."
อยากชวนมาลองใช้ประโยคที่เราๆ คุ้นเคยนี้ มาเปลี่ยนมุมมองของเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตกัน
ทีนี้ ลองนึกดูสิ ว่า เรื่องอะไรที่เรามักจะคิดย้อนกลับไปว่า
ถ้าเรื่องนี้ไม่เกิด ชีวิตเราคงดีกว่านี้ เรื่องอะไรที่เรายังติดในใจว่า ถ้าเราได้ทำสิ่งนี้คงจะดีมากๆเลย
เรื่องอะไรที่เราชอบย้อนกลับไปว่า ถ้าฉันได้มา ไม่ว่าจะเป็น ยศ ตำแหน่ง สิ่งของ หรือบุคคล คงจะดี
เรื่องอะไรที่เรายังผูกใจเจ็บอยู่กับใคร ใครที่เรายังไม่ให้อภัย ใครที่เรายังคิดว่าถ้าตายก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน
แล้วลองใช้คำว่า เรื่องนี้สอนให้ฉันรู้ว่า.........
เช่น เราต้องไม่ประมาท เราต้องพยายามให้มากกว่านี้
เปลี่ยนตัวเราเองง่ายกว่าเปลี่ยนคนอื่น พึ่งตนเอง ง่ายกว่าพึ่งผู้อื่น
มาลองเปลี่ยนเรื่องร้ายๆ ให้กลายเป็นบทเรียนกัน ด้วยคำว่า "เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...." กัน
แล้วคุณจะรู้ว่า ไม่มีเรื่องร้าย มีแต่บทเรียน
หากคุณสามารถพบคุณค่า จากเรื่องร้ายๆ
และสามารถขอบคุณ เรื่องนั้นได้เมื่อไหร่
คุณก็จะสามารถ move on ไปต่อได้เมื่อนั้น
www.missiontonow.com
www.facebook.com/missiontonow
www.blockdit.com/missiontonow