
ไลฟ์ #102: Ultraprocessed foods ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อสุขภาพผ่านกลไกใดระหว่างมีสารอาหารต่ำหรือเป็นเพราะกระบวนการแปรรูป
ปัจจุบันนี้ Ultraprocessed foods (UPFs) กลายมาเป็นอาหารประจำวันของมนุษย์ทั่วโลก โดยมีสัดส่วนแคลอรี่ของอาหารกลุ่มนี้สูงมากกว่า 50% ในสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
การบริโภค UPFs เพิ่มขึ้นดังกล่าวคู่ขนานไปกับการเพิ่มขึ้นของโรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง นำไปสู่การตั้งคำถามของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำว่า UPFs ส่งผลกระทบทางลบต่อสุขภาพผ่านส่วนประกอบของสารอาหารอย่างเดียว หรือว่ามีปัจจัยอื่นที่มากไปกว่านั้น
งานวิจัย UPFs ส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยทางด้านระบาดวิทยา ซึ่งก็ให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอไปในทางเดียวกันว่า การบริโภค UPFs เพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่เกี่ยวพันกับความเสี่ยงโรคอ้วน โรคหัวใจ เบาหวานเพิ่มขึ้นเท่านั้น มีร่องรอยว่ากระบวนการแปรรูป UPFs อาจมีบทบาทในผลลัพธ์สุขภาพที่แย่ลงด้วย
งานวิจัยสำคัญชิ้นแรกที่เป็น randomized controlled trial ฉบับแรกที่ทำใน metabolic ward ซึ่งพิสูจน์กลไกสำคัญของ UPFs ในการส่งผลกระทบทางลบต่อสุขภาพคืองานวิจัยของ Kevin Hall และคณะในปี 2562 ชื่อ Ultraprocessed, Diet Cause Excess Calorie Intake and Weight Gain: An Inpatient Randomized Controlled Trial of Ad Libitum Food Intake ซึ่งให้ผลลัพธ์ว่า UPFs ทำให้บริโภคเกินวันละ 500 แคลอรี่เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้อาหารผ่านการแปรรูปต่ำ Minimally Processed Foods (MPFs)
อย่างไรก็ดี UPFs มักจะมีสารอาหารต่ำ มีปริมาณเกลือ น้ำตาล ไขมันสูง ใยอาหารต่ำ นักวิจัยยังไม่แน่ใจว่าถ้าเราออกแบบให้ UPFs มีลักษณะตามคำแนะนำมาตรฐานการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ (UK Eatwell Guide) มันจะยังมีผลลัพธ์เชิงลบต่อสุขภาพอยู่อีกหรือไม่ ยังไม่เคยมี RCT ที่ทดสอบ UPFs vs MPFs ใน condition ดังกล่าวเลย
เป็นที่มาของการที่พี่ปุ๋มจะสรุปงานวิจัย UPFs ล่าสุด ซึ่งเปรียบเทียบกับ MPFs บนเงื่อนไขที่ว่า ทั้ง UPFs และ MPFs ที่นำมาเปรียบเทียบกัน ต่างมีสารอาหารตามคำแนะนำของ UK Eatwell ผลลัพธ์ต่อสุขภาพจะเป็นอย่างไรรอติดตามในไลฟ์นะคะ
พบกันวันอังคาร 23 ก.ย. 2568
เวลา 20.00 น.ค่ะ
#หาคำตอบสุขภาพจากงานวิจัยไม่ใช่จากเรื่องเล่า
#FatOutHealthspans