[รีวิว] Bulletproof Problem Solving (Charles Conn, Robert McLean) สรุปหนังสือ
9Natree Thailand
8 minutes 25 seconds
1 month ago
[รีวิว] Bulletproof Problem Solving (Charles Conn, Robert McLean) สรุปหนังสือ
ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Bulletproof Problem Solving เขียนโดย Charles Conn, Robert McLean - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BulletproofProblemSolving - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BulletproofProblemSolving - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B07PFRCCY4?tag=9natree-20 #BulletproofProblemSolving #รีวิวBulletproofProblemSolving #สรุปBulletproofProblemSolving #หนังสือBulletproofProblemSolving
1. "Bulletproof Problem Solving" คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญในศตวรรษที่ 21? "Bulletproof Problem Solving" คือกระบวนการที่ครอบคลุมและวนซ้ำได้ 7 ขั้นตอนสำหรับการตัดสินใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความท้าทายที่ซับซ้อนในชีวิตส่วนตัว การทำงาน และขอบเขตเชิงนโยบาย ในอดีต การแก้ปัญหาถูกมองว่าเป็นโดเมนของบางอาชีพ เช่น วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และการให้คำปรึกษาด้านการจัดการ อย่างไรก็ตาม ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของศตวรรษที่ 21 ความสามารถในการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์จึงไม่ได้เป็นเพียงทักษะในโดเมนที่จำกัดอีกต่อไป แต่เป็นความคาดหวังของบุคคลและทีมงานในทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และภาครัฐ ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกจ้างงานโดยพิจารณาจากทักษะการวิเคราะห์และการคิดที่แสดงให้เห็น ประเมินจากการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ และได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากความสามารถในการระดมทีมที่คล่องตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำว่าการแก้ปัญหาที่ดีเกิดขึ้นจากการฝึกฝน ไม่ใช่พรสวรรค์ โดยเน้นที่การตั้งคำถามที่ดี การสร้างสมมติฐานที่คมชัด การจัดโครงสร้างปัญหาอย่างมีเหตุผล การจัดลำดับความสำคัญอย่างเคร่งครัด การวิเคราะห์อย่างชาญฉลาด และการสังเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อเล่าเรื่องราวที่กระตุ้นการกระทำ
2. วงจรการแก้ปัญหาแบบ "Bulletproof Problem Solving" ประกอบด้วยขั้นตอนอะไรบ้าง? วงจรการแก้ปัญหาแบบ "Bulletproof Problem Solving" ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนที่สามารถดำเนินการซ้ำได้ภายในกรอบเวลาใดก็ได้ โดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน เมื่อถึงจุดสิ้นสุดเบื้องต้นแล้ว คุณสามารถทำซ้ำกระบวนการเพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แม้จะไม่ได้ระบุทั้ง 7 ขั้นตอนโดยละเอียดในแหล่งข้อมูล แต่ก็มีการกล่าวถึงขั้นตอนหลักๆ ดังนี้: กำหนดปัญหา: ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการกำหนดขอบเขตของปัญหาอย่างชัดเจนและระบุเป้าหมายที่ต้องการ รวมถึงการปรับปรุงคำแถลงปัญหาให้ชัดเจนขึ้นเมื่อความเข้าใจของทีมพัฒนาขึ้น แยกส่วนปัญหาและจัดลำดับความสำคัญ: การใช้ "logic trees" เพื่อแสดงภาพและแยกย่อยปัญหาออกเป็นองค์ประกอบต่างๆ ทำให้สามารถติดตามส่วนต่างๆ ของปัญหาเพื่อการวิเคราะห์และสร้างข้อมูลเชิงลึกนำไปสู่แนวทางแก้ไขได้ การจัดลำดับความสำคัญเกี่ยวข้องกับการตัดกิ่งก้านที่ไม่สำคัญออกไป สร้างแผนงานและกระบวนการทีมที่ดี: การวางแผนงานและการจัดการโครงการ การสร้าง "one-day answers" และการใช้กระบวนการทีมที่มีประสิทธิภาพเพื่อการวางแผนงานและการวิเคราะห์ ดำเนินการวิเคราะห์: การใช้หลักการประมาณ และกฎง่ายๆ ในการประมาณขนาดและทิศทางของปัจจัยสำคัญของปัญหา และใช้การแก้ปัญหาโดยตั้งคำถาม เพื่อเจาะลึกการวิเคราะห์ สังเคราะห์ผลลัพธ์และเล่าเรื่องราวที่ยอดเยี่ยม: การรวบรวมชิ้นส่วนงานวิเคราะห์ทั้งหมดเข้าด้วยกันและจัดระเบียบโครงสร้างเพื่อสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจซึ่งกระตุ้นการกระทำ มักใช้โครงสร้างแบบพีระมิดและการอัปเดต "one-day answer" ขั้นตอนเหล่านี้เน้นการสร้างสมมติฐานเชิงรุกและการทดสอบอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่โซลูชันที่ชัดเจน
3. "Logic trees" คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรในการแก้ปัญหา? "Logic trees" เป็นโครงสร้างที่ใช้ในการแสดงองค์ประกอบของปัญหาอย่างชัดเจน และติดตามระดับต่างๆ ของปัญหา ซึ่งเปรียบได้กับลำต้น กิ่ง ก้าน และใบไม้ สามารถจัดเรียงได้จากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย หรือจากบนลงล่าง ขึ้นอยู่กับว่าการแสดงภาพองค์ประกอบใดจะง่ายที่สุด มีหลายประเภท รวมถึง: Hypothesis trees: ใช้เพื่อสร้างและทดสอบสมมติฐาน Decision trees: ใช้ในการแสดงภาพการตัดสินใจและผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ Factor/Lever trees: ใช้เพื่อระบุปัจจัยและคันโยกหลักที่มีผลต่อปัญหา Deductive logic trees: สร้างขึ้นจากหลักการทั่วไปไปสู่ข้อสรุปเฉพาะ โดยที่ส่วนประกอบต่างๆ จะรวมกันทางตรรกะหรือคณิตศาสตร์เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ประโยชน์ของ "logic trees" คือ: การแสดงภาพที่ชัดเจน: ช่วยให้ทุกคนเข้าใจองค์ประกอบต่างๆ ของปัญหา ความครอบคลุม: จับภาพทุกสิ่งที่เกี่ยว...
Back to Episodes