เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ Ep.30 APEC ในความทรงจำ บอกเล่าเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญของการประชุม APEC ในอดีต โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มและเสนอการก่อตั้ง APEC เมื่อปี ค.ศ. 1939 หรือ พ.ศ. 2532 ทั้งประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) ระหว่างออสเตรเลียกับมาเลเซีย การประชุมเอเปกเมื่อปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) ที่เชื่อมโยงไปยังนโยบายต่างประเทศของออสเตรเลีย รวมทั้งประเด็นด้านความมั่นคงที่สอดแทรกอยู่ในเนื้อหาของการประชุมเอเปกหลายครั้ง
#APEC #APEC2022 #APECinmyMemories #Australia #เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้
สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 (Queen Elizabeth II) ทรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ (Head of State) ของออสเตรเลียเป็นเวลายาวนานกว่า 70 ปี และทรงเป็นประมุขของสหราชอาณาจักรพระองค์แรกที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนออสเตรเลียตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2470) เมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของออสเตรเลียกล่าวคำสาบานตนหรือคำปฏิญาณเข้ารับตำแหน่ง จะต้องกล่าวว่า จะซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 รัชทายาท และผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระองค์ตามกฎหมายเสมอ
เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 สวรรคต เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ฟิลลิป อาร์เธอร์ จอร์จ (Charles Philip Arthur George) เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อมาเป็นพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 (King Charles III) พระองค์ย่อมทรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐของออสเตรเลียต่อจากพระราชมารดาด้วย โดยผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งเครือรัฐออสเตรเลีย (Governor-General of the Commonwealth of Australia) ท่านปัจจุบัน คือ พลเอก เดวิด เฮอร์ลีย์ (The Honourable General David Hurley AC DSC (Rtd)) ได้อ่านคำประกาศหน้าอาคารรัฐสภา (Australian Parliament House) ว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกประเทศที่เป็นสมาชิกเครือจักรภพจะยอมรับนับถือพระมหากษัตริย์ของสหราชอาณาจักรเป็นประมุข ในบรรดาสมาชิกอื่นที่ไม่ใช่สหราชอาณาจักรจำนวน 55 ประเทศ มีเพียง 14 ประเทศเท่านั้น ที่ยอมรับนับถือพระมหากษัตริย์ของสหราชอาณาจักรเป็นประมุขของตนด้วย นอกเหนือจากออสเตรเลียก็ยังมี นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี หมู่เกาะโซโลมอน ตูวาลู แคนาดา และประเทศที่เป็นเกาะในทะเลแคริเบียน ประกอบด้วย แอนติกาและบาร์บูดา บาฮามาส เบลิส เกรนาดา จาไมกา เซนต์ลูเซีย สหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิส รวมทั้งเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ประเทศอื่น ๆ เช่น สิงคโปร์ แม้จะเป็นสมาชิกเครือจักรภพ แต่ก็มีประมุขแห่งรัฐของตนเอง คือ ประธานาธิบดี มาเลเซีย ก็มีประมุขแห่งรัฐ คือ สมเด็จพระราชาธิบดี หรือที่ภาษามาเลเซีย เรียกว่า Yang di-Pertuan Agong เป็นต้น
ส่วนประเด็นที่ว่า ในอนาคต ออสเตรเลียจะเปลี่ยนประมุขแห่งรัฐจากพระมหากษัตริย์ของ
สหราชอาณาจักรไปเป็นประธานาธิบดีหรือไม่นั้น ส่วนตัวคิดว่า เกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และต้องมีการออกเสียงประชามติ โดยใช้เกณฑ์เสียงข้างมากสองระดับ (Double Majority) ในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) เคยมีการลงประชามติเรื่องนี้ และแพ้ไปด้วยคะแนน 45.13 ต่อ 54.87% แม้คะแนนจะดูสูสีใกล้เคียงกัน แต่เมื่อไปพิจารณารายมลรัฐ จะพบว่า แพ้ทั้ง 6 มลรัฐ อีกทั้งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ยังประกาศชัดเจนแล้วว่า ในสมัยแรกของรัฐบาลพรรคแรงงาน หรือ Australian Labor Party จะไม่ผลักดันให้มีการลงประชามติในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และเมื่อถึงการเลือกตั้งสมัยหน้า ในปี ค.ศ. 2025 ถ้าพันธมิตรที่นำโดยพรรคเสรีนิยม หรือ Liberal Party of Australia ชนะการเลือกตั้ง ก็เท่ากับปิดประตูตายเรื่องนี้ไปได้เลย
#queenelizabeth #queenelizabethii #australia #commonwealth #เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ #Australiathelanddownunder
ออสเตรเลียแก้ไขกฎหมายการสมรสกำหนดนิยามว่า การสมรส คือ การสมัครใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น ส่งผลให้เพศเดียวกันไม่สามารถสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 13 ปีผ่านไป หลังการต่อสู้เรียกร้องที่ยาวนาน ในที่สุด รัฐบาลตัดสินใจให้มีการสำรวจความเห็นของประชาชนผ่านทางไปรษณีย์ พบว่า ร้อยละ 61.6 สนับสนุนการแต่งงานของเพศเดียวกัน ขณะที่ร้อยละ 38.4 คัดค้าน แต่ในการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการแต่งงานนั้น รัฐสภาออสเตรเลียได้เพิ่มเติมบทบัญญัติคุ้มครองนักพรต นักบวช หรือผู้ประกอบพิธีทางศาสนา มีสิทธิปฏิเสธไม่ทำพิธีสมรสให้คู่รักเพศเดียวกันได้ถ้าการสมรสระหว่างบุคคลเพศเดียวกันขัดกับหลักความเชื่อทางศาสนาของตน นี่คือ การประนีประนอมระหว่างเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยในสังคมประชาธิปไตยที่เจริญแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกว่า ตัวเองได้บางสิ่งบางอย่างที่ต้องการ และไม่ได้ถูกบังคับให้เปลี่ยนความเชื่อหรือศรัทธาของตัวเองไปมากนัก ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่แท้จริงได้แล้วครับ เพราะความรักหรือการแต่งงานไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างเดียว
#pridemonth #สมรสเท่าเทียม #samesexmarriage #marriageequality #rainboweconomy #softpower #loveislove #LGBTQ+
ออสเตรเลียมีการรณรงค์ให้ยกเลิกการเก็บภาษีผ้าอนามัยอัตรา 10% และประสบความสำเร็จเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) นอกจากนี้ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (New South Wales) รัฐบาลจะแจกผ้าอนามัยฟรีให้แก่นักเรียนหญิงในโรงเรียนรัฐบาลเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไปครับ ดังนั้น การที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครท่านใหม่ อาจารย์ชัชชาติมีนโยบายแจกผ้าอนามัยฟรีให้นักเรียนหญิงในโรงเรียน กทม. จึงสมควรได้รับการสนับสนุนอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน รัฐบาลกลางก็ควรพิจารณายกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผ้าอนามัย รวมทั้งขยายการแจกผ้าอนามัยฟรีไปทั่วประเทศโดยอาจเริ่มต้นจากผู้มีรายได้น้อยหรือกลุ่มเปราะบางก่อนก็ได้ครับ
บอกเล่าประสบการณ์ที่น่าประทับใจจากการติดตามเพื่อนชาวออสเตรเลียไปเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) ข้อค้นพบคือ ระบบการเมืองโดยเฉพาะการเลือกตั้งของออสเตรเลียตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ (Trust) ระหว่างรัฐกับประชาชนอย่างแท้จริง
#การเมืองออสเตรเลีย #AustralianPolitics #การเลือกตั้ง #PreferentialVotingSystem #Trust
ระบบจัดลำดับความชอบ (Preferential Voting System) ผู้ชนะการเลือกตั้งแต่ละเขตต้องได้คะแนนเกิน 50% ของจำนวนบัตรดีในเขตเลือกตั้งนั้น ซึ่งในหลายกรณีอาจต้องนับคะแนนหลายรอบกว่าจะได้ผู้ชนะ และมีโอกาสเป็นไปได้ที่ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจากการนับในครั้งแรกจะแพ้การเลือกตั้งในท้ายที่สุด รายละเอียดเชิญติดตามรับชมได้เลยครับ
ระบบเลือกตั้ง ส.ส. ของออสเตรเลียคือ ระบบ Preferential Voting System ภาษาไทยแปลว่า จัดลำดับความชอบ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องเขียนหมายเลข 1 ในกล่องหน้าชื่อผู้สมัครที่ตัวเองชอบที่สุดหรืออยากให้ ส.ส. มากที่สุดแล้วไล่ลงไปเรื่อย ๆ จนถึงหมายเลขสุดตามจำนวนผู้สมัครในเขตนั้น ข้อดีประการหนึ่งของระบบนี้ คือ ช่วยให้เกิดความโปร่งใสว่า พรรคการเมืองไหนอยู่ฝั่งเดียวกันบ้าง เพราะพรรคการเมืองออสเตรเลียจะออก How to Vote card แนะนำประชาชนว่า ควรเรียงลำดับผู้สมัครอย่างไร แต่จะนำมาใช้กับประเทศไทยได้หรือไม่ ยังมีข้อกังวลเนื่องจากผู้สมัคร ส.ส. เขตของไทยมีจำนวนมากในแต่ละเขตครับ #เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ #Australiathelanddownunder #การเมืองออสเตรเลีย #จัดลำดับความชอบ #preferentialvotingsystem
Ep.22 [การเมือง] ไม่มีทางลัดสำหรับนักการเมืองออสเตรเลีย
รัฐธรรมนูญออสเตรเลียกำหนดให้รัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีต้องมีที่นั่งในรัฐสภา จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาก็ได้ หมายความว่า รัฐธรรมนูญออสเตรเลียห้ามแต่งตั้งคนนอกหรือผู้เป็นรัฐมนตรีโดยเด็ดขาด ดังนั้น ถ้านักการเมืองออสเตรเลียมีความใฝ่ฝันอยากเป็นรัฐมนตรี จึงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตใดเขตหนึ่ง และเจริญก้าวหน้าทางการเมืองตามลำดับขั้นตอนเท่านั้น ไม่มีทางลัดหรือทางด่วนใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่า จะยิ่งใหญ่หรือมีอิทธิพลมามากขนาดไหนก็ตาม
แต่เมื่อย้อนกลับมาพิจารณารัฐธรรมนูญของประเทศไทยเกือบทุกฉบับ อย่างน้อยก็ตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เป็นต้นมา แม้ว่า จะสร้างทางลัดสำหรับการเข้าสู่เส้นทางการเมือง คือ การมี ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อแล้ว ก็ยังอนุญาตให้มีการแต่งตั้งคนนอกเป็นรัฐมนตรีได้อยู่ตลอดเวลา นายทุนทั้งหลายจึงสามารถแต่งตัวสวยหล่ออยู่ที่บ้าน รอเทียบเชิญเป็นรัฐมนตรีได้โดยไม่ต้องลงเลือกตั้งใด ๆ และไม่ต้องผ่านกระบวนการคัดสรรและตรวจสอบโดยพี่น้องประชาชน นี่คือ ทางด่วนสำหรับการเข้าสู่ตำแหน่งฝ่ายบริหารของประเทศไทย ที่จำเป็นต้องยกเลิกในอนาคตถ้าเราอยากจะสร้างรัฐธรรมนูญที่เป็นธรรมและเป็นประชาธิปไตย ถ้าจะประนีประนอมกัน อย่างน้อย ก็ขอให้มีบทบัญญัติกำหนดให้แต่งตั้งรัฐมนตรีจาก ส.ส. หรือผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งก็ได้ อย่างน้อยประชาชนก็ได้เห็นรายชื่อผู้มีโอกาสเป็นรัฐมนตรีในอนาคตครับ
#เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ #Australiathelanddownunder #รัฐมนตรีคนนอก #Australianpolitics #MinistersToSitInParliament #รัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ออสเตรเลียปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา เช่นเดียวกับประเทศไทย รัฐธรรมนูญและกฎหมายทุกฉบับของออสเตรเลียไม่มีแม้แต่ตัวอักษรเดียวที่กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุด 3 ท่านแรก ดำรงตำแหน่งยาวนานเกินกว่า 8 ปีทั้งสิ้น นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในออสเตรเลียดำรงตำแหน่งถึง 18 ปี 167 วัน ชนะการเลือกตั้ง 7 ครั้ง แต่ในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ออสเตรเลียมีนายกรัฐมนตรีถึง 7 ท่าน บางท่านพ้นจากตำแหน่งเพราะการเลือกตั้ง และตัวเองสอบตก บางท่านพ้นจากตำแหน่งเพราะพรรคการเมืองของตัวเองไม่ไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งอีกต่อไป ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ระบบรัฐสภานั้น มีระบบการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีได้ง่ายอยู่แล้ว ดังนั้น การกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีไว้เพียง 8 ปี จึงเป็นสิ่งแปลกปลอมของระบบนี้ ดังนั้น ถ้าเรามองข้ามตัวบุคคลไป ในอนาคต ควรมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในมาตรานี้ ใครก็ตามที่มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตราบใดที่ยังได้รับความไว้วางใจจากประชาชนและสภาผู้แทนราษฎร ก็สมควรได้ดำรงตำแหน่งต่อไปครับ
#เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ #นายกรัฐมนตรี #วาระการดำรงตำแหน่ง #8ปี #AustraliaTheLandDownUnder #ระบบรัฐสภา #ParliamentarySystem
อาณานิคม South Australia เป็นดินแดนแห่งแรกของโลกที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงลงคะแนนเสียงเลือกตั้งและลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรได้ในปี ค.ศ. 1894 และออสเตรเลียเป็นประเทศเอกราชประเทศแรกของโลกที่ให้โอกาสผู้มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเต็มที่ในปี ค.ศ. 1902 แม้จะจำกัดอยู่เฉพาะผู้หญิงผิวขาวก็ตาม คลิปนี้พาไปแนะนำผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสำคัญของประเทศออสเตรเลียครับ
#การเมือง #ระบบรัฐสภา #เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ #Australiathelanddownunder #WomenInPolitics #WomenSuffrage
ออสเตรเลียมีพรรคการเมืองใหญ่ 2 ขั้วที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นมาเป็นรัฐบาล ขั้วหนึ่ง คือ พรรคแรงงาน หรือ Australian Labor Party ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดและมีสมาชิกกว้างขวางที่สุดของออสเตรเลีย อีกขั้วหนึ่งเรียกว่า The Coalition ประกอบด้วยพรรคการเมือง 4 พรรคที่จับมือกันเหนียวแน่นทั้งยามเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน คือ Liberal, Nationals, Liberal-National ที่รัฐควีนส์แลนด์ และ Country Liberal ที่ Northern Territory รวมทั้งยังมีพรรคการเมืองขนาดเล็ก เช่น Australian Greens, Centre Alliance, Pauline Hanson's One Nation แม้แต่พรรคของผู้ก่อตั้ง Wikileaks ก็เคยมีมาแล้ว (แม้จะถูกยุบไปแล้วก็ตาม) แต่ละขั้วมีลักษณะเด่นอย่างไร รับฟังได้จากคลิปนี้ครับ
#การเมือง #ระบบรัฐสภา #เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ #Australiathelanddownunder #AustralianLaborParty #ALP #TheCoalition #Liberal #Nationals #LiberalNationalParty #LNP #CountryLiberalParty #AustralianFederalElection #ScottMorrison #AnthonyAlbanese
ออสเตรเลียจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ คลิปนี้จึงนำเสนอประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบรัฐสภาของประเทศออสเตรเลียที่อาจจะแตกต่างจากประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ที่ปกครองด้วยระบบรัฐสภา เช่น กลไกที่เปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีแนะนำให้ผู้สำเร็จราชการยุบสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพร้อมกันได้เรียกว่า double dissolution หรือการที่ออสเตรเลียไม่เคยมีปัญหา ส.ส. ส.ว. เสียบบัตรแทนกันเพราะการลงคะแนนใช้วิธีที่แสนจะธรรมดามาก ๆ ติดตามรับชมรับฟังกันได้เลยครับ
#การเมือง #ระบบรัฐสภา #เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ #Australiathelanddownunder
รับฟังสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษของผมพร้อมคำแปลในการแข่งขันรายการ Three-Minute Thesis Competition เมื่อปี ค.ศ. 2013 หรือ พ.ศ. 2556 บอกเล่าเรื่องราวหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับออสเตรเลียภายใน 3 นาทีครับ
Listen to my speech in the Three-Minute Thesis Competion 2013 about Australia-Thailand strategic partnership
#เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ #Australiathelanddownunder #Threeminutethesiscompetition #หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ #strategicpartnership #AustraliaThailandrelations
เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ Ep. 17 ไปเรียนต่อออสเตรเลียแล้วได้อะไร? ทักษะทางวิชาการของผมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมากจากการศึกษาต่อในประเทศออสเตรเลีย คือ Conceptual Thinking ศาสตราจารย์ ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แปลเป็นภาษาไทยว่า การคิดเชิงมโนทัศน์ ช่วยให้สามารถจับประเด็นที่เป็นสาระสำคัญ หรือ "แก่น" ของเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน รวมทั้งมีการกำหนดเป้าหมายในการสื่อสารที่ชัดเจนเสมอ กิจกรรมหนึ่งที่ช่วยฝึกฝนทักษะการคิดเชิงมโนทัศน์ได้เป็นอย่างดีคือ Three-Minute Thesis Competition นำเสนองานวิจัยภายให้ผู้คนทั่วไปได้เข้าใจภายใน 3 นาที
#เรียนต่อออสเตรเลีย #ConceptualThinking #การคิดเชิงมโนทัศน์ #Three-MinuteThesisCompetition #เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ #Australia-TheLandDownUnder #ANU #UniversityofCanberra
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งว่า การแข่งขันเทนนิสรายการ Australian Open ในปีนี้ (ค.ศ. 2022) ไม่มีนักเทนนิสชายเดี่ยวมือวางอันดับหนึ่งของโลก โนวัค ยอโควิช (Novak Djokovic) เข้าร่วมชิงชัยและป้องกันแชมป์ โดย ยอโควิช ถูกรัฐบาลออสเตรเลียยกเลิกวีซ่า และถูกเนรเทศออกนอกประเทศไปเรียบร้อยแล้ว มาฟังกันครับว่า ที่มาที่ไปของเรื่องนี้เป็นอย่างไร และเหตุการณ์นี้สะท้อนภาพความขัดแย้งทางการเมืองภายในของออสเตรเลียอย่างไรบ้าง
#Australia #เรื่องเล่าจากแดนจิงโจ้ #AustralianOpen #NovakDjokovic #COVID19 #vaccine #immigration #border #federalstate
ในโอกาสที่ออสเตรเลียจะเปิดประเทศรับนักศึกษาต่างชาติอีกครั้ง ข้อมูลที่เราควรทราบ คือ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในออสเตรเลียจะเปิดรับนักศึกษาสองช่วง เรียกว่า มี two intakes คือ เราจะไปเรียนในช่วงต้นปี ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นภาคเรียนที่หนึ่ง หรือจะไปเรียนช่วงกลางปี ประมาณเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม ซึ่งถือเป็นภาคเรียนที่สองก็ได้ สำหรับเมืองที่อยู่ทางใต้ของประเทศออสเตรเลีย ตั้งแต่นครซิดนีย์ (Sydney) เมลเบิร์น (Melbourne) เพิร์ธ (Perth) อะเดอเลด (Adelaide) กรุงเแคนเบอร์รา (Canberra) โฮบาร์ต (Hobart) ถ้าเราไปช่วงต้นปี จะไปเจออากาศร้อนแห้ง ที่แผดเผาอย่างรุนแรง แต่ร่างกายจะมีโอกาสปรับตัวไปพร้อมกับอากาศที่เย็นลงเรื่อย ๆ จนหนาวที่สุดในช่วงกลางปีในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม หนาวที่สุดที่ผมเคยเจอคือ -7 องศาเซลเซียสในกรุงแคนเบอร์ราและสนามหญ้าทั้งเมืองมีน้ำแข็งปกคลุมหมด แต่ถ้าไปช่วงกลางปี ก็อาจจะไปเจออุณหภูมิเลขตัวเดียวทันที แม้จะไม่เจอความร้อนแห้งที่ทรมาน แต่มีความเสี่ยงว่า ร่างกายอาจปรับตัวไม่ทันและเจ็บป่วย อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเดินทางไปช่วงเวลาใด ควรพิจารณานำกระติกน้ำเก็บอุณหภูมิหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า vacuum flask ไปด้วยหรือจะไปซื้อที่ห้างสรรพสินค้าในออสเตรเลียก็ได้ เพราะถ้าขาดอุปกรณ์ชิ้นนี้ไป ในฤดูร้อน โค้กที่ท่านซื้อจะกลายเป็นโค้กอุ่นอย่างรวดเร็ว และไม่ช่วยให้ท่านสดชื่นขึ้นได้เลย
#MitrMate #Australia #AustraliatheLandDownUnder #Climate #VacuumFlask #Intakes #University #StudyAbroad #InternationalStudents
แม้ว่าออสเตรเลียจะมีภาพลักษณ์เป็นผู้ช่วยของสหรัฐอเมริกาในการดำเนินนโยบายต่างประเทศมาโดยตลอด ภาพลักษณ์นี้ยิ่งถูกตอกย้ำมากขึ้นเมื่อออสเตรเลียประกาศข้อตกลง AUKUS ร่วมกับอังกฤษและสหรัฐอเมริกาเพื่อต่อต้านอิทธิพลของจีน แต่เมื่อศึกษาประวัติศาสตร์การทูตและการต่างประเทศออสเตรเลียในยุคร่วมสมัยจะพบว่า มีหลายช่วงเวลาที่ออสเตรเลียดำเนินนโยบายต่างประเทศที่สวนทางกับสหรัฐอเมริกาตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรี Bob Hawke, Paul Keating และ John Howard ในช่วงทศวรรษ 1980 จนถึง ทศวรรษ 2000 เช่น การประกาศสนับสนุน ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO) แทนที่จะสนับสนุน ไมค์ มัวร์ จากประเทศนิวซีแลนด์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา เป็นต้น นอกจากนี้ นักวิชาการชาวออสเตรเลีย Professor Hugh White ยังเสนอกลไก Concert of Asia เพื่อให้สหรัฐอเมริกายอมแบ่งปันอำนาจ (Power Sharing) กับจีนในภูมิอินโด-แปซิฟิก โดยไม่ต้องการเลือกข้างในกรณีที่ทั้งสองประเทศเกิดความขัดแย้งกันอีกด้วย
ท่านที่สนใจรับฟังเรื่องราวของประเทศออสเตรเลียอย่างต่อเนื่องความยาว 3 ชั่วโมง สามารถรับฟังการให้สัมภาษณ์ของผมได้ในรายการปกิณกะการต่างประเทศออสเตรเลีย ทาง Facebook ของศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ (International Studies Center) ได้ที่ link นี้ครับ https://bit.ly/3pHW5d0
ขอบคุณครับ
ออสเตรเลียเปลี่ยนเนื้อร้องเพลงชาติ Advance Australia Fair 1 คำ จาก For we are young and free เป็น For we are one and free ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และยอมรับการดำรงอยู่ของชนพื้นเมืองออสเตรเลียหรือที่เรียกว่า Aborigines ตลอดระยะเวลากว่า 6 หมื่นปีที่ผ่านมา ออสเตรเลียอาจเป็นประเทศเกิดใหม่ แต่ผู้คนในดินแดนแห่งนี้ได้ดำรงคงอยู่มาตลอดเวลาอันยาวนานของประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษยชาติ
นำเสนอประเด็นของผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านข้อตกลง AUKUS ในประเทศออสเตรเลีย ผู้สนับสนุนเสนอว่า ออสเตรเลียจำเป็นต้องสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เพื่อป้องปรามจีน ไม่ให้ก้าวร้าว รุนแรงไปมากกว่านี้ และบีบบังคับให้จีนหันมาใช้วิถีทางการทูตในการแก้ไขความขัดแย้งมากขึ้น ส่วนผู้คัดค้านแสดงความห่วงใยว่า การประกาศเลือกข้างสหรัฐฯ จะลดทอนทางเลือกทางยุทธศาสตร์ของออสเตรเลียลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าสหรัฐฯ ปะทะหรือแม้แต่ไปไกลถึงทำสงครามกับจีน ออสเตรเลียจะถูกลากเข้าไปในความขัดแย้งหรือต่อสู้ในสงครามของคนอื่น และโอกาสชนะก็มีน้อยมาก ๆ ด้วยครับ Professor Hugh White เสนอว่า ออสเตรเลียควรสนับสนุนสร้าง Concert of Asia มากกว่า เดี๋ยวไว้ในคลิปหน้าจะมาเล่ารายละเอียดของ Concert of Asia ให้ฟังกันต่อไปครับ
ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ประกาศข้อตลง AUKUS เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา โดยสหรัฐอเมริกาและอังกฤษจะสนับสนุนให้ออสเตรเลียสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ หรือที่เรียกกันว่า จำนวน 8 ลำที่คาดว่าจะใช้งานได้ในปี ค.ศ. 2040 (พ.ศ. 2583) เรามาดูกันว่า เรือดำน้ำมีประโยชน์ทางยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศออสเตรเลียอย่างไรและคำอธิบายที่ใช้ภาษาทางการทูตถึงเหตุผลความจำเป็นในการร่วมมือกันสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ให้ออสเตรเลียเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้ง การที่ผู้นำฝ่ายค้านของออสเตรเลียประกาศสนับสนุนข้อตกลง AUKUS นั้น มีนัยและข้อดีข้อเสียอย่างไร